บทที่ 182 บันทึกลับเทพโอสถ
แต่ไม่ช้า เขาก็คว้ายาพิษเม็ดนั้นกลืนลงไปในทันที ด้วยคาดว่าเขาคงต้องมีเหตุผล
หลิวอันและคนอื่นๆ ที่เห็นอาจารย์เขาทำเช่นนั้น ก็ต่างมองหน้ากันพร้อมความลังเลปรากฏในแววตา ก่อนพวกเขาจะพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปคว้ายาพิษกลืนลงคอไปเช่นกัน
คราได้เห็นทั้งหกคนกลืนยาพิษควบคุมแล้ว หยางเสี่ยวเทียนก็แสดงรอยยิ้มกล่าวว่า “ตอนนี้ข้ากำลังจะหลอมโอสถ หากพวกท่านสนใจก็อยู่ดูได้”
หลังได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ต่างมีใบหน้าที่สับสนแต่ในเมื่อนี่เป็นโอกาส พวกเขาจะพลาดได้อย่างไร ทั้งหกพยักหน้าเกือบจะพร้อมกันในทันที
หยางเสี่ยวเทียนนำเตาหลอมโอสถและสมุนไพรออกมา ซึ่งโอสถที่เขากำลังจะหลอมนั้นคือโอสถวิญญาณสี่ประการ
อูฉีและบรรดาศิษย์ต่างตกตะลึง เดิมทีพวกตนคิดว่าหยางเสี่ยวเทียนคงจะหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ แต่เมื่อพวกเขาเห็นหยางเสี่ยวเทียนนำสมุนไพรออกมาเกือบร้อยชนิด สีหน้าก็แสดงออกถึงความประหลาดใจ
“นายน้อย นี่ท่านกำลังจะหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการงั้นหรือ!” อูฉีพลันเปิดปากถามด้วยความฉงนสงสัย
หยางเสี่ยวเทียนมิได้ตอบแต่อย่างใด เขาเพียงกลางฝ่ามือออก แล้วปล่อยสัมผัสทางจิตวิญญาณ ทันใดนั้น ไฟแห่งสวรรค์และโลกที่ลุกโหมอย่างโชติช่วงก็โถมเข้ามาอย่างมหาศาล
ในระหว่างการแข่งขันหลอมโอสถวันนี้ เขาพยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมพลังแห่งจิตวิญญาณ มิให้เปิดเผยระยะสัมผัสไกลเกินกว่าร้อยห้าสิบฉื่อ แต่ตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องข่มพลังไว้อีกต่อไป ทำให้พลังแห่งจิตวิญญาณถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์
ไฟแห่งสวรรค์และโลกที่ทั้งหกประจักษ์อยู่ตอนนี้ มาตรว่าน่าสะพรึงและรุนแรงยิ่งกว่าผู้ใดที่พวกเขาเคยประสบพบเห็น พานให้ท่าทางของอูฉีกับหลิวอัน ต่างเปลี่ยนไปเป็นตกใจอย่างกระทันหันพลันแล่น
“นี่มัน!” หลิวอันถึงกับอุทานในทันที ก่อนมองอูฉีผู้เป็นอาจารย์
ด้วยเขาสำนึกรู้อยู่แก่ใจ ว่าไฟแห่งสวรรค์และโลกอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ แม้แต่อาจารย์ของเขาก็ยังไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้
อูฉีมิได้มองดูหลิวอัน เพราะสายตาเขาในตอนนี้นั้น ยังจับจ้องเปลวไฟแห่งสวรรค์และโลก ที่ลุกโชติช่วงแผดเผาราวกับทะเลเพลิงเบื้องหน้า
เดิมทีในระหว่างการแข่งขันหลอมโอสถ เปลวไฟที่หยางเสี่ยวเทียนใช้นั้นก็ทำให้เขาต้องตกตะลึงมากพออยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนก็คือ หยางเสี่ยวเทียนผู้นี้กลับระงับพลังแห่งจิตวิญญาณตนมาตลอดการแข่งขัน
เขาเคยอ่านพบบันทึกเล่มหนึ่ง ที่ผู้เขียนนั้นเป็นเทพโอสถผู้ยิ่งใหญ่ ภายในบันทึกลับเล่มนั้นเขียนเอาไว้ว่า
ผู้ที่จะสามารถเป็นเทพโอสถได้นั้น ตั้งแต่กำเนิดเกิดมาก็มีพลังทางจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้แต่เทพโอสถที่เกิดมาพร้อมกับพลังทางจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง ก็ยังมิอาจทัดเทียมกับปรมาจารย์โอสถน้อยเบื้องหน้าของเขาได้
หยางเสี่ยวเทียนควบคุมเปลวไฟแห่งสวรรค์และโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้มือที่กำลังเคลื่อนไหวโบกสะบัด เปลวไฟก็ได้ผันเปลี่ยนเป็นรูปแบบแปลกประหลาด จากนั้นมันก็ปกคลุมสมุนไพรทั้งหมดเบื้องหน้า
ภายใต้การควบคุมของหยางเสี่ยวเทียน รูปแบบเปลวไฟเริ่มหมุนอย่างช้าๆ พร้อมกับสมุนไพรทั้งหมดที่วางอยู่เบื้องหน้าก็เริ่มลอยขึ้นมาทีละชนิด
ระหว่างที่รูปแบบเปลวไฟกำลังหมุนวน คลื่นเปลวไฟแห่งสวรรค์และโลกก็เอ่อล้นออกมาจากรูปแบบหลั่งไหลเข้าสู่ใจกลาง
คลื่นเปลวไฟเหล่านี้ ทันทีที่มันเอ่อล้น ก็เริ่มเคลื่อนตัวเข้าหาสมุนไพร ราวกับมันกำลังหล่อเลี้ยงความร้อนเข้าสู่ต้นสมุนไพรอย่างช้าๆ
คราสมุนไพรได้สัมผัสกับความร้อนจากเปลวไฟ มันก็เริ่มทยอยละลายทีละชนิดอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางสายตาของอูฉีและบรรดาศิษย์ของเขาที่เห็นฉากเช่นนี้ ก็ต่างแสดงออกถึงความตกใจเป็นที่สุด
ในการแข่งขันหลอมโอสถวันนี้ ทักษะการหลอมโอสถของหยางเสี่ยวเทียนที่แสดงออกมา ก็นับว่าอัศจรรย์มากพออยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขาเห็นอย่างถนัดชะตาเบื้องหน้าในตอนนี้ มันราวกับมีมนต์ขลังเสียยิ่งกว่ามากนัก
ลิ้นของอูฉีเพลานี้ถึงกับแข็งทื่อ ขณะพยายามเอ่ยชื่อทักษะถึงกับกล่าวออกเสียงได้ไม่ชัด “คะ ค่ายกลโอสถ!”
ทักษะที่หยางเสี่ยวเทียนใช้อยู่ตอนนี้คือค่ายกลโอสถ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบทักษะหลอมโอสถชั้นสูง
ทักษะค่ายกลโอสถ อยู่ในอันดับที่สองของสิบทักษะหลอมโอสถชั้นสูง
ซึ่งมันฝึกได้ยากยิ่งกว่าทักษะวายุคลั่งเสียอีก
ไฟแห่งสวรรค์และโลกนั้น ขึ้นชื่อว่าควบคุมได้ยากอยู่แล้ว แต่การนำเปลวไฟแห่งสวรรค์และโลกมาสร้างเป็นค่ายกลหลอมโอสถนั้นกลับยากยิ่งกว่ามาก แม้นจะสามารถสร้างค่ายกลได้สำเร็จแต่ก็ยากควบคุมยิ่ง แตกต่างจากค่ายกลของหยางเสี่ยวเทียนเพลานี้ ที่เคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์
เนื่องจากค่ายกลโอสถนั้น ค่อนข้างไร้ซึ่งเสถียรภาพขาดความมั่นคง หากควบคุมพลาดแม้เพียงนิดเดียว ก็อาจเกิดการระเบิดได้อย่างกระทันหัน
แต่ทว่า หยางเสี่ยวเทียนกลับสามารถควบคุมค่ายกลนี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่สะบัดปลายนิ้วมือเท่านั้น
ด้วยการควบคุมค่ายกลโอสถของหยางเสี่ยวเทียน สมุนไพรเกือบร้อยชนิดเริ่มละลาย แล้วค่อยๆ ไหลลงสู่เตาหลอมโอสถอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างนั้นเอง หยางเสี่ยวเทียนกลับหยุดใช้ค่ายกลโอสถ แล้วปลดปล่อยเปลวไฟอีกชนิดออกมาในทันที ไม่ช้า เปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณก็พลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ประจักษ์ต่อสายตาทั้งหกคนที่กำลังจับจ้องอยู่ ณ ตอนนี้
“หงส์เพลิงและเปลวไฟสีทองเก้าดวง!” หลิวอันและคนอื่นๆ ต่างอุทานขึ้นแทบจะพร้อมกัน เมื่อเห็นเปลวไฟสีทองทะยานออกจากร่างของหยางเสี่ยวเทียน
ซึ่งนั่นก็เพราะ พวกเขาไม่เข้าใจ ว่านายน้อยของพวกตนพิชิตเปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณ ได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
ขณะสีหน้าของทั้งหก กำลังตกอยู่ในความสงสัย เปลวไฟสีทองก็เข้าห้อมล้อมเตาหลอมอยู่มิห่างหาย มันแหวกว่ายไปมาอยู่รอบข้าง
ไม่กี่อึดใจ ภายในเตาหลอมโอสถเบื้องหน้า ก็ส่งกลิ่นหอมของโอสถคละคลุ้งฟุ้งออกมา ก่อนจะส่องแสงสว่างวาบอยู่ครู่แล้ววูบดับไป
จากนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็พลันขยับปลายนิ้วมือ ไม่ช้า เม็ดโอสถก็ลอยขึ้นมาจากเตาหลอม แล้วตกสู่ฝ่ามือเขา
โดยรอบของโอสถนี้ คล้ายมีเงาจางๆ ของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ประทับอยู่
“นี่คือ…โอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์!” อูฉีและบรรดาศิษย์เบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง
ปรากฎว่าโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์นั้น ถูกสร้างขึ้นโดยนายน้อยของพวกเขาจริงๆ
ครั้นการหลอมโอสถเสร็จสิ้นแล้ว หยางเสี่ยวเทียนจึงเรียกเปลวไฟทองคำเก้าฟีนิกซ์คืนกลับมา
เหตุผลที่เขาให้อูฉีและหลิวอันอยู่ดูเขาหลอมโอสถ นอกจากจะทำให้พวกเขาเชื่อใจได้อย่างสมบูรณ์แล้ว มันยังสามารถช่วยพวกเขาพัฒนาทักษะหลอมโอสถได้อีกด้วย
ซึ่งตอนนี้ ปริมาณโอสถที่ใช้ภายในจวนมีจำนวนที่ค่อนข้างมากจนน่าประหลาดใจ เขาจึงอยากให้มีคนช่วยเขาหลอมบ้างเพื่อแบ่งเบาภาระตน