บทที่ 180 กำจัดหยางเสี่ยวเทียน ให้พ้นหูพ้นตาโดยเร็วที่สุด
หยางเสี่ยวเทียนเก็บหินวิญญาณระดับต่ำ พร้อมบรรดาของรางวัลทั้งหมด ส่งให้อัตและอาลี่เป็นผู้เก็บ ก่อนหันสนทนากับหลี่เหวินต่อ
“สหายน้อย เพื่อเข้าบ่มเพาะพลังปราณในบ่อธาราโอสถพันปี เจ้าต้องถึงเมืองหลวงแต่เช้าตรู่ ทราบหรือไม่” หลี่เหวินเตือนหยางเสี่ยวเทียน ด้วยเกรงว่าเขาจะหลงลืมเสียก่อน
การเข้าสู่ธาราโอสถพันปีเพื่อบ่มเพาะเป็นเวลาสิบวัน ถือเป็นรางวัลสำคัญสุดของการแข่งขันในครั้งนี้ ซึ่งเหล่านักปรุงโอสถผู้เข้าร่วมหลายคน ต่างใคร่ครองอันดับหนึ่งด้วยเหตุนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ธาราโอสถพันปีกลับอยู่ภายในโถงหลักของหอสมาคมนักปรุงโอส ดังนั้น หยางเสี่ยวเทียนจึงต้องเดินทางไปเยือนเมืองหลวงอาณาจักรเสินไห่ เพื่อเข้ารับโอกาสที่จะส่งผลดีแก่การฝึกในภายภาคหน้าด้วย
“ไว้สองสามวันข้ามีโอกาส ข้าจะไปขอรับ” หยางเสี่ยวเทียนลังเลอยู่ครู่ ก่อนกล่าวบอกเขาอย่างสุภาพ
หากกล่าวตามตรง ช่วงนี้เขายังคงยุ่งกับสิ่งที่ต้องคอยจัดการอยู่มาก
ไหนจะเพลงกระบี่นับร้อย ที่เขาต้องฝึกมันจนกว่าจะบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ ศึกษาทักษะลับของเพลงกระบี่และพลังเวทย์ที่เฉาชุ่นทิ้งไว้เพื่อสั่งสมความรู้ รวมทั้งนำทาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์เสริมความแข็งแกร่งพวกเขานับพัน
สุดท้าย เขายังตั้งใจจะไปเยือนที่ป่าพระจันทร์แดง เพื่อกำราบสัตว์อสูรให้มันยอมสยบเป็นสัตว์พิทักษ์คู่กายอีกด้วย
หลี่เหวินเผยยิ้มอย่างขมขื่นครั้นได้ฟังว่าหยางเสี่ยวเทียนจะตามไปเมืองหลวง เพื่อเข้ารับการบ่มเพาะในธาราโอสถพันปีอีกสองสามวันให้หลัง หากเป็นผู้อื่นที่ได้ครองอันดับหนึ่ง พวกเขาคงยินดีเป็นล้นพ้นกระทั่งเตรียมตัวออกเดินทางทันที
แต่หยางเสี่ยวเทียนกลับต้องใช้เวลารอสักพัก
“สองเดือนนี้ เป็นช่วงที่โอสถในธาราพันปีแข็งแกร่งสุด ข้าอยากให้เจ้าสหายน้อยของข้า ถึงที่นั่นก่อนฤทธิ์ของโอสถจะลดลงเสียก่อน หากเจ้าปล่อยเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไร ผลลัพธ์ที่ได้อาจต้องสูญเปล่า”
ลดลงในเวลาเพียงสองเดือนเช่นนั้นหรือ
หยางเสี่ยวเทียนฟังพร้อมพยักหน้ารับอย่างสุภาพ ก่อนกล่าวอำลาหลี่เหวินด้วยนับถือ
ภายใต้รูปลักษณ์อันแตกต่างจากผู้คนที่หยางเสี่ยวเทียนเดินแทรกผ่านเข้าไป มันช่างตราตรึงครั้นย้อนนึกถึงภาพการเคลื่อนไหวอันสมบูรณ์ขณะหลอมโอสถเหล่านั้น
เขาเดินนำกลุ่มอาจารย์และศิษย์ทุกคนของสำนักเสินเจี้ยนออกจากลานแข่ง
แม้การแข่งขันจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่บรรดาอาจารย์และศิษย์หลายพันคนเหล่านี้ ยังคงออกเดินติดตามหยางเสี่ยวเทียนอย่างตื่นเต้น ทุกคนเพลานี้ ต่างพร้อมใจเดินเชิดหน้าเชิดอกของตนอย่างสง่าผ่าเผย
ไม่เว้นแม้แต่หลัวชิงและกลุ่มของเลี่ยวคุนที่ติดตามข้างกายหยางเสี่ยวเทียน ก็ยังดูองอาจสมเป็นวิญญาจารย์ผู้แข็งแกร่ง ที่ผู้คนต่างให้ความสนใจระหว่างพวกเขาย่างกรายผ่าน
อัตและอาลี่ยังถูกจับตามองอย่างผู้แข็งแกร่งจากบุคคลโดยรอบเช่นกัน ทั้งคู่ต่างรู้สึกปลาบปลื่มกระทั่งใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ
เบื้องหลัง กลิ่นอายอันมืดมนแผ่ขยายจากเฉิงหลง ผู้คอยจดจ้องมองหยางเสี่ยวเทียนขณะออกไปพร้อมกลุ่มอาจารย์และศิษย์สำนักเสินเจี้ยนรอบกาย อารมณ์ความรู้สึกเขาล้วนคุกรุ่นไปด้วยโทสะ ที่เด็กนั่นสร้างความอัปยศใหแก่เขาในวันนี้
เมื่อตอนนี้ หยางเสี่ยวเทียนสามารถหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุดสำเร็จ หากไม่มีเหตุอันใดไม่คาดคิดเกิดขึ้น ภายในสี่ถึงห้าปี เขาอาจหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสวรรค์ได้
ถึงเป็นเรื่องยากจะเชื่อ แต่ด้วยความสามารถอันน่าสะพรั่งพรึงระหว่างการหลอมโอสถ ที่หยางเสี่ยวเทียนแสดงให้เห็นวันนี้ โอสถขั้นเซียนเทียนระดับสวรรค์เขาทำมันสำเร็จแน่
นักปรุงโอสถที่สามารถหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสวรรค์ได้ จะตกเป็นเป้าหมายของการแข่งขันระหว่างอาณาจักรต่างๆ
ตอนนี้ หยางเสี่ยวเทียนเป็นที่แย่งชิงหมายปองเหมือนหมั่นโถวร้อนๆ ชิ้นหนึ่งขณะปรุงสุกใหม่
ซึ่งมันไม่อร่อยและน่าดึงดูดเป็นที่ชื่นชอบได้นานขนาดนั้นหรอก
ถัดจากเฉิงหลง สีหน้าหูซิงเพลานี้ก็ดูบึ้งตึงน่าเกลียดด้วยอับอายเช่นกัน
พรสวรรค์ในด้านการหลอมโอสถของหยางเสี่ยวเทียน กลับน่าเหลือเชื่อพอๆ กับพรสวรรค์ด้านกระบี่ นี่คือสิ่งที่เขาไม่คาดหวังพร้อมไม่แม้แต่จะเคยคิดถึงมันมาก่อน
เขาผู้เป็นอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิในสำนักเสินเจี้ยนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ด้านกระบี่หรือหลอมโอสถ เขาคืออันดับหนึ่ง ครั้นตั้งแต่หยางเสี่ยวเทียนปรากฏตัว ทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนไปราวหน้ามือเป็นหลังมือ
ในการแข่งขันหลอมโอสถวันนี้ ชื่อเสียงอันน่าภูมิใจของเขา ถูกทำลายจนไร้ค่าเพียงเพราะหยางเสี่ยวเทียน เจ้าเด็กหยางเสี่ยวเทียนสารเลวนั่น!
เขาซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอันดับหนึ่งในสำนักเสินเจี้ยน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเสี่ยวเทียนเขาก็ไม่ต่างจากขยะไร้ค่าภายในสายตาผู้อื่น
“หยางเสี่ยวเทียน!” เจตนาฆ่าพุ่งพล่านขึ้นสูงในใจเขา
นับแต่นี้เป็นต้นไป เขาต้องทำทุกอย่างไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม กำจัดหยางเสี่ยวเทียนให้พ้นหูพ้นตาให้โดยเร็วที่สุด
มิเช่นนั้น มันคงเป็นเขาเองที่ถูกกำจัด
เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยส่งเติ้งอี้ออกติดตามสังหารหยางเสี่ยวเทียน กระทั่งวันนี้เขาก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขามั่นใจว่าคนเช่นหยางเสี่ยวเทียน คงไม่ปล่อยผู้ที่คิดร้ายกับตนเองมีชีวิตรอดไปได้แน่
ท่ามกลางฝูงชน หยางจงก็เป็นอีกผู้ที่เหม่อมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขามักจะรู้สึกว่าลูกพี่ลูกน้องตนทำให้รู้สึกราวกับฝันอยู่เสมอ
หลายเดือนก่อน หยางเสี่ยวเทียนได้ปลุกสิ่งที่ทุกคนมองว่าเป็นวิญญาณยุทธ์ขยะระดับสอง แต่เพียงไม่กี่เดือนต่อมา โลกกลับพลิกเปลี่ยนด้านไปทันที
……
ที่สุด หยางเสี่ยวเทียนก็กลับถึงจวน
เดิมที บรรดาอาจารย์และศิษย์สำนักเสินเจี้ยนแทบไม่อยากกลับไป แต่หลังจากหยางเสี่ยวเทียนเกลี้ยกล่อมเปี่ยมด้วยมารยาท ทุกคนถึงยินยอมพร้อมใจกลับไปแต่โดยดี
ส่วนหลินหยง เฉินหยวนและเหล่าผู้อาวุโสเฉินฉางชิง หยางเสี่ยวเทียนเชิญให้พวกเขาอยู่ต่อ พร้อมนำทั้งหมดเข้าเยี่ยมชมภายในจวนอย่างสุภาพ
หลังทุกคนได้เยี่ยมชมจวนของเขา ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าจวนเจ้าเมือง หลินหยงและเฉินหยวนก็ค่อนข้างประหลาดใจ
โดยเฉพาะเฉินหยวน ผู้พอรู้เกี่ยวกับฐานะทางตระกูลของหยางเสี่ยวเทียน ว่าปัจจุบันนี้ครอบครัวเขาต้องลำบากเพียงใดที่เมืองซิงเยว่หลังถูกตระกูลหยางขับออกจากจวนครานั้น
แม้เขาจะรู้ดีว่าหยางเสี่ยวเทียนอาศัยอยู่นอกสำนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ตนรู้ว่าเขาอยู่ในจวนขนาดกว้างใหญ่เช่นนี้ เขาหาหรือสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร แล้วเอาเงินมากมายเช่นนี้มาจากไหน ไยตอนนี้เขาจึงร่ำรวยกว่าคนตระกูลหยางไปได้
สิ่งนี้ทำเขาตระหนักได้ทันที ว่ายังรู้น้อยเกินไปเกี่ยวกับหยางเสี่ยวเทียน เด็กน้อยผู้เป็นถึงเจ้าตำหนักกระบี่ ยังมีความลับอีกมากขนาดไหนที่เขาไม่รู้