ตอนที่แล้วตอนที่ 32 คุณหมอเกา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 เขียนชะตากรรมใหม่

ตอนที่ 33 เด็กที่น่าสังเวช


"ว่านหยู?"

เมื่อได้ยินชื่อนั้น เกาหมิงบอกให้จูเหมียวเซียวปล่อยแขนของเขาทันที จากนั้นเดินไปตามที่มาของเสียง จนมาพบกับฉากที่น่าหนักใจ

มีนักเรียนชายสี่คนยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำหญิง คนหนึ่งยืนสูบบุหรี่ อีกคนหนึ่งเอาชุดนักเรียนมาผูกไว้รอบเอว ในหมู่คนกลุ่มนี้มีคนหนึ่งที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษกำลังสะบัดไฟแช็คซิปโป้อย่างชำนาญ เกาหมิงเดินเข้าหาพวกเขาอย่างช้าๆโดยไม่ส่งเสียงใดๆ

นักเรียนที่กำลังสูบบุหรี่ชูโทรศัพท์ขึ้นเพื่อถ่ายวิดีโอ ด้านในห้องน้ำหญิงมีนักเรียนคนหนึ่งยืนตัวเปียกโชกอยู่ด้วยความหวาดกลัวและสับสน เขาพยายามที่จะหนี แต่ก็ถูกกลุ่มนักเรียนที่กำลังหัวเราะเยอะผลักกลับเข้าไปในห้องน้ำ

"แกล้งไอ้โง่ที่ย้ายมาใหม่นี่ก็สนุกดีแฮะ" นักเรียนที่ถือไฟแช็กถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยความดูถูกก่อนหันหน้าไปหานักเรียนชายที่ใส่เครื่องแบบปกติเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม "อาซุน คืนนี้เราพาหมอนี่ไปเปิดโลกที่หลังซอยสิบเก้ากันดีไหม"

นักเรียนชายที่ชื่ออาซุนหัวเราะ "แกอยากพามันไปเที่ยวเล่นหรืออยากเห็นมันตายกันแน่?"

ทันใดนั้นเมื่อเห็นโอกาส ว่านหยูพุ่งตัวออกไปด้านนอกห้องน้ำอีกครั้ง ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักนักเรียนที่กำลังถ่ายวิดีโอออกไป แต่เมื่อเขาพยายามวิ่งหนีไปที่โถงทางเดิน ก็ถูกนักเรียนคนอื่นตามทันและโดนลากตัวกลับเข้ามา

"แม่งเอ้ย! นั่นมันโทรศัพท์เครื่องใหม่ของฉันนะเว้ย!" นักเรียนชายก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นก็กดว่านหยูลงกับพื้นอย่างแรงด้วยความโกรธ

"ไอ้ปัญญาอ่อน เห็นมั้ยว่าแกทำมันพังหมดแล้ว" เขาเอามือปิดปากว่านหยูไว้ขณะที่พูด ขณะที่นักเรียนชายอีกสามคนยกเท้าขึ้นเตรียมที่จะเตะว่านหยู

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง"ปัง!"

โทรศัพท์ลอยออกไป นักเรียนชายเจ้าของโทรศัพท์กระเด็นลงไปกองกับพื้น เขาตระหนักได้ว่าเพิ่งจะถูกถีบออกมา ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล่นผ่านขึ้นมาจากส่วนหลังของบั้นเอว เขาพยายามที่จะลุกขึ้นแต่ก็ทำไม่ได้

"โรงเรียนเป็นสถานที่เพื่อการเรียนรู้ ไม่ใช่ที่สำหรับการกลั่นแกล้ง!" เกาหมิงดึงขาขวากลับมาและยืนอย่างสงบต่อหน้านักเรียนกลุ่มนี้

เหล่านักเรียนอันธพาลตกตะลึง พวกเขาเห็นชัดว่าเกาหมิงทำให้เพื่อนของพวกเขากระเด็นไปได้อย่างไร

"พี่ชาย ที่นี่มันโรงเรียนนะ!" จูเหมียวเซียวตกตะลึงเช่นกัน เธอรู้ว่าเกาหมิงน่าเกรงขามเมื่อต้องรับมือกับสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่การตอบสนองที่รุนแรงของเขาต่อนักเรียนกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง เป็นไปได้ไหมว่าเพราะการทำงานที่เรือนจำถึงทำให้เขาเป็นแบบนี้

"พวกเขากำลังรังแกเด็กคนนี้" เกาหมิงคว้าโทรศัพท์มือถือของนักเรียนชายขึ้นมา

นักเรียนชายรีบคว้ามันกลับโดยไม่รู้ตัว แต่กลับถูกเกาหมิงเตะเข้าที่หน้าอกแทน "ผมได้หลักฐานมาพอแล้ว"

"เอาละๆ ทุกคนมาสงบสติอารมณ์กันก่อนเถอะ" จูเหมียวเซียวกังวลว่าสิ่งต่างๆจะทวีความรุนแรงขึ้น จึงพยายามคลี่คลายสถานการณ์

"คุณกล้าทำร้ายคนในโรงเรียนอย่างเปิดเผยได้ยังไง" อาซุนยืนขึ้นมองอย่างท้าทายไปทางเกาหมิง เขาดูมีจิตใจที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัว บางทีอาจจะมาจากครอบครัวที่มีอิทธิพล

"หืม ฉันทำร้ายใคร? ไม่ใช่ว่าเขาสะดุดล้มลงไปเอง? พวกเธอเป็นคนเลือกสถานที่ที่ไม่มีกล้องวงจรปิดเองนะ" จากนั้นเกาหมิงเดินเข้าหาอาซุน ท่าทางของเขาดูกล้าที่จะเผชิญหน้ากับผู้คนมากกว่าเมื่อก่อน อาจจะเพราะอิทธิพลที่ได้รับจากช่วงเวลาที่เขากักตัวสามวันกับพ่อแม่

"คุณเป็นคนในครอบครัวของเขา?" อาซุนถามพลางถอยออกมาอย่างระมัดระวัง

"แต่ผมจําได้ ครูในโรงเรียนบอกว่าเขาเป็นเด็กกําพร้าไม่มีพ่อแม่และถูกส่งมาเรียนที่นี่เป็นกรณีพิเศษ" หลังพูดจบอาซุนก็ถอยออกมาอีกหนึ่งก้าว

"แม่ของผมเป็นเลขานุการของสมาคมการกุศลฮั่นไห่ และพ่อของผม..." ก่อนที่อาซุนจะพูดจบ เขาก็ถูกเกาหมิงเตะเข้าที่ท้องอย่างแรง นั่นทำให้อาซุนล้มพับลงไปนอนกับพื้น

"เรื่องที่พูดมันไร้สาระเมื่อเทียบกับหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น" เกาหมิงพูดขึ้น จากนั้นเดินเข้าหานักเรียนคนสุดท้ายในกลุ่ม เด็กคนนั้นต้องการวิ่งหนี แต่ก็ถูกเกาหมิงจับไว้ได้ จากนั้นเกาหมิงก็ทุบตีเขาอย่างรุนแรง

"เกาหมิงใจเย็นๆก่อน!" จูเหมียวเซียวใช้ความพยายามอย่างมากในการรั้งตัวเกาหมิงไว้ เธอไม่รู้เลยว่าทําไมเกาหมิงซึ่งมักจะดูมีเหตุผลเสมอ จู่ๆก็อารมณ์ร้อนมากผิดปกติ

"ถ้าคุณยังทําแบบนี้ต่อไป พวกเราอาจจะถูกลงโทษได้นะ!"

"ลงโทษ?" เกาหมิงโยนนักเรียนชายคนสุดท้ายทิ้งไปและหันไปจ้องตาของจูเหมียวเซียว

"ในฐานะเจ้าหน้าที่ เราทุ่มเทชีวิตเพื่อปกป้องเมืองนี้ แล้วที่พวกเราทำไปก็เพื่อปกป้องเศษขยะพวกนี้งั้นหรอ! หรือเราปกป้องเมืองนี้เพื่อที่จะถูกตําหนิในเมื่อเราทำสิ่งที่ถูกต้อง?" จูเหมียวเซียวอ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของเธอ

"เมื่อคืนเราประสบกับเหตุการณ์ผิดปกติระดับสอง เราป้องกันการแพร่กระจายของภัยพิบัติและช่วยชีวิตผู้คนจํานวนมากใช่ไหม?!"

"ใช่" จูเหมียวเซียวตอบกลับ

"กลุ่มของเราสูญเสียคนไปแปดคน ไม่ใช่ว่ามันเป็นการจ่ายที่ราคาแพงเกินไปหน่อยหรอ เราจําเป็นต้องชดเชยบาดแผลและระบายความเจ็บปวดที่อยู่ภายในออกมาบ้างไม่ใช่หรือไง"

"ใช่" จูเหมียวเซียวตอบอีกครั้ง

"ดังนั้น.. ในการหยุดเด็กพวกนี้ ถ้าผมบังเอิญใช้กําลังมากเกินไปหน่อย นั่นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรใช่ไหม"

"ใช่" จู่ๆจูเหมียวเซียวก็รู้สึกว่าสิ่งที่เกาหมิงพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก เกาหมิงก็เป็นมนุษย์เช่นกัน ความกดดันและความเจ็บปวดในใจของเขาอาจจะมีมากเกินไป

ถ้าองค์กรไม่สามารถยืนหยัดเคียงข้างพวกเขาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ คงจะดูเป็นองค์กรที่ไร้ประโยชน์

เกาหมิงตบไหล่ของจูเหมียวเซียวแล้วเดินผ่านเธอไปหานักเรียนชายที่โดนทำร้าย

เกาหมิงไม่ได้พูดปลอบโยนอะไรและไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกายของนักเรียนตรงหน้า เขาทำเพียงยื่นมือออกไปต่อหน้านักเรียน "ฉันชื่อเกาหมิง ตอนนี้ฉันทํางานให้กับสํานักงานสืบสวนลี่ซาน ถ้าหากเธอไม่พอใจกับชีวิตปัจจุบันของตัวเอง ฉันสามารถเสนองานที่มีศักดิ์ศรีและนำมาซึ่งอิสระให้เธอได้"

การกระทำของเกาหมิงตั้งแต่แรกไปจนถึงการเสนองานที่คาดไม่ถึงนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ในการคำนวณของเกาหมิง มีเพียงเขาและหวังต้ายู่ผู้ที่ออกแบบเกมเท่านั้นที่จะเข้าใจถึงความอันตรายที่แท้จริงของว่านหยู

ว่านหยูมองดูภาพเหตุการณ์นั้นด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า แต่สายตาของเขากลับดูเป็นประกายสวยงาม เป็นดวงตาคู่นั้นเองที่เกาหมิงต้องการ

"ฉันจะสอนให้เธอปกป้องตัวเองได้ จะไม่มีใครสามารถรังแกเธอได้อีกในอนาคต หรือถ้าเธออยากจะรังแกคนอื่น ฉันก็จะทำเป็นมองไม่เห็นมัน ฉันไม่ตัดสินค่าของความถูกผิด และไม่มีอคติกับคนของตัวเอง"

ปลายนิ้วของเขาขยับเล็กน้อย ในสายตาของว่านหยู แขนที่เกาหมิงยื่นออกมาหานั้นราวกับเชือกที่ตกลงมาจากสวรรค์และเหมือนบันไดลงสู่ความมืดมิดเช่นกัน

เขาจ้องมองอย่างว่างเปล่า ค่อยๆเอื้อมมือขึ้นไปจับมือของเกาหมิงไว้

หลังจากดึงว่านหยูขึ้นจากพื้น เกาหมิงไม่สนใจที่จะติดต่อโรงเรียนและเดินลงไปชั้นล่างโดยทันที

"เกาหมิง! อย่างน้อยเราควรแจ้งอาจารย์ของเขาก่อนไม่ใช่หรอ?" จูเหมียวเซียวถามด้วยความกังวล ห่วงถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการกระทำของเขา

"ถ้าอย่างนั้นคุณแค่ไปอธิบายสถานการณ์สั้นๆ บอกพวกเขาว่าสํานักงานสืบสวนหลี่ซานกําลังจะพาว่านหยูกลับไปสอบสวนอะไรบางอย่าง" เกาหมิงเคาะสายรัดข้อมือสีดําของเขาเบาๆ ตระหนักได้ว่าอำนาจและอิทธิพลนั้นค่อนข้างมีประโยชน์

หลังจากออกจากวิทยาลัย เกาหมิงใช้เวลาในการซื้ออาหารมากมายให้ว่านหยู เนื่องจากพิจารณาได้ว่าเขาอาจจะขาดสารอาหารที่เหมาะสม เมื่อสังเกตเห็นว่านหยูกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย รอยยิ้มที่หาได้ยากก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่เคร่งขรึมของเกาหมิง "กินได้ตามสบาย ค่อยๆกิน เธอไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทนหิวอีกต่อไปแล้ว"

เกาหมิงไม่ได้พูดโกหก เขาให้ความสําคัญกับว่านหยูเป็นอย่างมาก เขาก็ต้องการชดเชยและแก้ไขความผิดพลาดในอดีต ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมที่เขาเป็นคนออกแบบไว้

ตอนที่เขาเริ่มทํางานกับไนท์ไลท์สตูดิโอเป็นครั้งแรก เกาหมิงได้คิดเกมอาชญากรรมที่ชื่อว่า'โรคจิตแต่กำเนิด'ตัวเอกเป็นทารกที่ถูกทอดทิ้งเพราะมีความผิดปกติทางสมอง แต่ด้วยคําแนะนําทีละขั้นตอนของผู้เล่น ในที่สุดตัวเอกจะกลายเป็นนักสืบที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับการขนานนามว่า 'โล่แห่งเมือง' อย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันของเกมคือ ตัวเอกจะถูกหลอกหลอนด้วยภาพของศพและเลือดในบ้านของเขาเอง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างภาพลวงตาและความเป็นจริง เขาพยายามแสวงหาวิธีรักษาอย่างสิ้นหวัง แต่ยิ่งเขารักษามากเท่าไหร่ ภาพอันน่าสยดสยองก็มีแต่จะทวีความรุนแรงขึ้นมากเท่านั้น ในที่สุดก็นําไปสู่จิตใจที่แตกสลาย และการเปิดเผยความจริงอันน่าเจ็บปวด ในเวลาสุดท้ายตัวเอกจะพบว่ามีศพและคราบเลือดมากมายรอบตัวเขา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นภาพหลอน แต่ในที่สุดเขาจะ'ลืมตา'ขึ้น และพบว่ามันเป็นความจริงทั้งหมด

เรื่องราวชีวิตเบื้องหลังของว่านหยูก็น่าเศร้าไม่แพ้กัน เขาเป็นเด็กกำพร้าในเมืองฮั่นไห่ที่ชีวิตถูกทําลายด้วยโศกนาฏกรรมตั้งแต่เริ่มต้น เขาได้รับการปรับสภาพจิตใจตลอดจนทําให้เขามีความสามารถทางปัญญาที่ยอดเยี่ยม แต่เขากลับได้รับการอุปการะโดยพ่อแม่บุญธรรมที่เป็นฆาตกร ภายใต้การอบรมแนะนําของพ่อแม่บุญธรรมที่ผิดเพี้ยน เขาก็ได้พัฒนาขึ้นมาเป็นหนึ่งในบุคคลที่น่าหวาดกลัวและอันตรายที่สุดของฮั่นไห่

เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น ในที่สุดว่านหยูก็ถูกจับกุม อย่างไรก็ตามความสนใจในความสามารถทางจิตที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาไม่เคยลดลง ซึ่งนําไปสู่การวิจัยและการทดลองอย่างต่อเนื่อง การเล่าเรื่องทั้งหมดของเกม'โรคจิตแต่กำเนิด'จะเป็นการทดลองเสมือนจริงของผู้เล่นซึ่งดําเนินการร่วมกับสมองของว่านหยู วัตถุประสงค์คือเพื่อสํารวจว่าเขาสามารถเอาชนะการเลี้ยงดูที่กระทบกระเทือนจิตใจและกําหนดชะตากรรมของเขาใหม่เองได้หรือไม่ หลังจากถูกชักนําให้มีชีวิตใหม่โดยปราศจากอิทธิพลของความโรคจิตที่สร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์

การทดลองชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงในตัวว่านหยู แต่ความเป็นจริงนั้นน่ากลัว ตัวว่านหยูนั้นเหลือเพียงสมองที่อยู่ในภาชนะพิเศษ

คําสัญญาของเกาหมิงที่มีต่อว่านหยูเต็มไปด้วยความสําคัญ "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครรังแกนายได้อีก" มันเป็นคําปฏิญาณว่าจะปกป้องและอาจเป็นวิธีหนึ่งในการแก้ไขอันตรายที่เขาสร้างขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจของชีวิตวัยเยาว์นี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด