ตอนที่ 230 มื้ออาหารบนเรือสำราญ
“ว้าว ที่นี่สวยเกินไปแล้ว?”
“ใช่ การตกแต่งดูหรูหราโอ่อ่าไม่น้อยจริงๆ”
“นี่คือสถานที่ที่คนรวยมากินข้าว?”
หลังจากขึ้นมาบนร้านอาหารบนเรือสําราญลํานี้แล้ว กลุ่มเพื่อนๆ ของ ซูเหวิน ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้น ดวงตาพวกเขาแต่ละคนพลันเบิกกว้างขึ้น
เรือสำราญลำนี้ใหญ่ และมีความหรูหรามากพอจริงๆ
ที่นี่เต็มไปด้วยสีสันที่หลากหลาย และสดใส ไม่ว่ามองไปทางไหนก็ดูงดงาม
ในล็อบบี้ชั้นหนึ่งของเรือสําราญ ขณะนี้มีแขกจํานวนมากที่แต่งตัวหรูหรากําลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารของตนเอง และเพลิดเพลินกับอาหารอร่อย
“สวัสดีคะ ยินดีต้อนรับค่ะ, ขอถามว่าทั้งหมดกี่ท่านอยากขึ้นไปทานที่ชั้นไหนค่ะ?”
ในเวลานี้ มีบริกรคนหนึ่งเดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม ทัศนคติของเธอดูสุภาพมาก
“ยิ่งชั้นสูงเท่าไหร่ สภาพแวดล้อมก็ยิ่งดีขึ้น?”
ซูเหวิน ย้อนถาม
“อืม คือประมานนั้นค่ะ ทางเรามีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น แต่ยิ่งชั้นสูงราคาก็จะยิ่งแพงขึ้นตาม…”
บริกรตอบกลับทันที
ซูเหวิน พยักหน้า เหตุผลนี้เขาเข้าใจ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า : “งั้นพาเราขึ้นไปชั้นเจ็ดเถอะ!”
“จริงสิ คุณเรียกผู้จัดการของคุณมาที่นี่ด้วย”
ซูเหวิน กล่าวเสริมไปอีกประโยคหนึ่ง
“เอ่อ.. ให้ตามผู้จัดการเหรอคะ?”
“คุณมีอะไรหรือเปล่า?”
บริกรก็สะดุ้งเล็กน้อย
ในฐานะที่เป็นพนักงานระดับล่าง เธอไม่รู้ว่าเจ้านายของเธอเปลี่ยนคนแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่เข้าใจว่าทําไมอีกฝ่ายถึงพูดแบบนี้..
“คุณแค่บอกกับผู้จัดการของพวกคุณก็พอ บอกเขาไปว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ซูเหวิน มาทานข้าวที่นี่ และเดี๋ยวเขาจะเข้าใจเอง”
ซูเหวิน ยิ้มเบาๆ แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
ร้านอาหารของตัวเอง และการที่เขามากินข้าวทำไมจะต้องจ่าย..
การที่เขาเรียกผู้จัดการมา ย่อมอยากให้เขามาทักทายดีกว่าให้เขาไปที่เคาน์เตอร์แผนกต้อนรับตามปกติ
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง นอกจากผู้จัดการแล้ว คาดว่าคงมีไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาเป็นเจ้านายคนใหม่ของที่นี่
เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดแบบนี้ บริกรยังคิดว่าสุภาพบุรุษคนนี้รู้จัก หรือเป็นเพื่อนกับผู้จัดการ เธอเลยพยักหน้า แล้วหยิบวิทยุสื่อสารออกมาติดต่อหาผู้จัดการ บอกเล่าถึงสถานการณ์ทางด้านนี้
แน่นอนว่าผู้จัดการตกใจทันทีเมื่อได้ยินชื่อ ซูเหวิน เขารีบบอกให้บริกรต้อนรับ ซูเหวิน อย่างดีทันที และเขาจะรีบลงไปจากนั้นเขาวางวิทยุสื่อสาร
ทัศนคติที่ผิดปกติของเขาทําให้บริกรประหลาดใจมาก
ต่อจากนั้นในเวลาไม่ถึงนาที ชายหนุ่มในชุดสูทอายุประมาณ 30 ปีก็วิ่งมาจากทางลิฟต์อย่างเร่งรีบมาถึงตรงหน้า ซูเหวิน และคนอื่นๆ
“ประธานซู คุณมาแล้ว ดูสิทำไมคุณถึงไม่บอกผมก่อนล่วนหน้าผมจะได้เตรียมการต้อนรับ!”
“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับครับ..”
ผู้จัดการเห็น ซูเหวิน รีบพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มทันที
ทัศนคติของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
บริกรที่อยู่ข้างๆ รวมถึงพนักงานแคชเชียร์ที่อยู่ไม่ไกลพากันมองไปที่เขาด้วยสายตาตกตะลึง
“เสี่ยวถิง จำไว้นะ ประธานซู คนนี้เขาได้ซื้อเรือสำราญลำนี้ไปเมื่อ 2 วันก่อน ดังนั้นจากนี้ไป เขาจึงเป็นเจ้าของเรือสำราญคนใหม่”
เมื่อเห็นบริกรที่อยู่ข้างๆ มองตัวเองด้วยสีหน้าตกตะลึง ผู้จัดการจึงรู้ว่าเธอยังไม่รู้จักตัวตนของ ประธานซู จึงรีบอธิบาย
“อะไรนะคะ เจ้านายใหม่?”
พอคําพูดนี้หลุดออกมา บริกรที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจมาก
เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าชายหนุ่มที่ดูเหมือนอายุยังน้อยคนนี้จะซื้อเรือสําราญลํานี้ไปจริงๆ นี่คือ.. เขารวยขนาดไหนกัน?
แต่ต่อมา ผู้จัดการกลับแสดงสีหน้าตกใจมากขึ้น
เพราะเขาพบว่าในกลุ่มของ ซูเหวิน มีบุคคลหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นหน้ามาก เหมือนเขาจะเห็นอีกฝ่ายบ่อยๆ ในข่าวธุรกิจ
และคนคนนี้ย่อมเป็น เซี่ย เฉิงตง เป็นธรรมดา..
“คุณ... คุณคือ ประธานเซี่ย ของ ฮั่วซิน กรุ๊ป?”
ผู้จัดการเบิกตากว้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
โอ้.. พระเจ้า, เซี่ย เฉิงตง
นั่นคือการดำรงอยู่ของบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ในเมืองม่อ
ความตกใจในใจของเขาที่ได้เห็นบุคคลนี้ในวันนี้ และได้สัมผัสอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ คุณเองสามารถจินตนาการได้..
เซี่ย เฉิงตง ยิ้มอย่างสงบ และพยักหน้าซึ่งถือเป็นการตอบสนองต่ออีกฝ่าย
“ลุงเซี่ย คือ ประธานเซี่ย ของ ฮั่วซิน กรุ๊ป จริงๆ”
“แต่ผมคิดว่า คุณพาเราไปที่โต๊ะก่อนจะดีกว่า การปล่อยให้ทุกคนยืนอยู่เช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องดีหรอกว่าไหม?”
เมื่อเห็นว่าผู้จัดการของเขาดูตื่นเต้นมาก ซูเหวิน ก็ยิ้มไปพลางเตือนสติเขา
“ไอ๊หยา ผมนี่แย่จริงๆ ผมลืมเรื่องนี้ซะสนิทเลย ทุกคนเชิญตามผมมาทางนี้ครับ ผมจะพาทุกคนขึ้นไปเดี๋ยวนี้”
พอผู้จัดการตบหน้าผากตัวเองเสร็จแล้ว และเอาเข้าจริงๆ เมื่อกี้นี้เขาตื่นเต้นจนลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท
จากนั้นเขาพา ซูเหวิน และคนอื่นๆ ไปที่ทางเข้าลิฟต์พร้อมกับบริกรหญิงคนนั้น และขึ้นไปที่ชั้นเจ็ด
ขณะเดียวกันหัวใจของเขาก็รู้สึกตกใจมาก
บุคคลเช่น เซี่ย เฉิงตง มาปรากฏตัวที่นี่ ..จริงๆ
เมื่อมองไปที่ ประธานซู อีกครั้ง แน่นอนว่าเขารวยมาก ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ประธานเซี่ย อยู่มากด้วย
ดูเหมือนว่าตัวตนของบอสคนใหม่ของเขาคนนี้จะไม่ธรรมดา!
ในใจของผู้จัดการอดไม่ได้ที่จะเคารพ ประธานซู มากยิ่งขึ้น
ในขณะที่เขาตกใจ ทุกคนได้ขึ้นมาถึงที่ชั้น 7 แล้ว
ซูเหวิน ขอให้ผู้จัดการจัดโต๊ะให้สองที่ที่ดีที่สุด ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาหลายคนไม่สามารถนั่งโต๊ะเดียวได้
ผู้จัดการเอง ไม่กล้าเพิกเฉย
เขารีบจัดสถานที่ริมหน้าต่างไว้สองที่ให้สำหรับทุกคนทันที
จากนั้น เพื่อนๆ และเซี่ย เคอหมิง กับน้องสาวของเขาก็นั่งลงที่โต๊ะเดียวกัน
ส่วน ซูเหวิน, เซี่ย ซินเหยา และผู้ใหญ่อีกหลายคนนั่งด้วยกันอีกโต๊ะหนึ่ง
ทุกคนพากันสนุกกับการชมวิวโดยรอบๆ พร้อมกับเปิดเมนูสั่งอาหาร ทำให้บรรยากาศในเวลานี้เป็นไปอย่างคึกคักมีชีวิตชีวามาก
ต้องบอกว่า มันให้ความรู้สึกดีจริงๆ ที่ได้นั่งอย่างเพลิดเพลินมองดูวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของ เดอะบันด์ ไปบนเรือสำราญนี้..
สีสันที่หลากหลาย และสดใส พากันสว่างไสวอยู่โดยรอบ ทุกอย่างนี้อยู่ในสายตาเรา..
พวกเขาชื่นชมอยู่พักใหญ่ เมื่ออาหารมาถึงแล้ว ทุกคนจึงเริ่มทานอาหารกัน
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ อาหารมื้อนี้จึงถือว่าทานกันเสร็จแล้ว, ทุกคนพากันมาที่ชั้นดาดฟ้าของเรืออีกครั้ง การได้มายืนอยู่ข้างนอกเพื่อสัมผัสกับลมทะเลเช่นนี้ ช่างทำให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลาย และรื่นรมย์ได้มากขึ้นจริงๆ
คือจะว่าอย่างไรดี!
หากพูดถึงฝีมือการทําอาหารเพียงอย่างเดียว ซูเหวิน รู้สึกว่ารสชาติของอาหารบนเรือสําราญลํานี้นั้นแตกต่างจากรสชาติอาหารในโรงแรมระดับเจ็ดดาวมาก และซึ่งแต่ละอย่างก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง
แต่หลังจากเราทานอาหารเสร็จแล้ว การได้ขึ้นมาสัมผัสลมทะเลบนชั้นดาดฟ้านี้ นี่ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าสนใจอีกแบบหนึ่ง
เพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น เรือสำราญลำนี้ก็ชนะขาดแล้ว
และเช่นเดียวกับในขณะนี้
ผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง
เมื่อทุกคนรู้สึกว่าใกล้ได้เวลาแล้ว หลังจากเรือสําราญวนรอบใหญ่พวกเขาก็กลับมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือ
จากนั้นทุกคนพากันก้าวลงจากเรือสําราญไปอย่างไม่เต็มใจ และกลับไปที่จุดเริ่มต้นในตอนแรก
เพื่อนๆ ต่างก็นั่งรถแท็กซี่กลับไปที่มหาลัย
ลุง และป้าเซี่ย และครอบครัวของ เซี่ย เคอหมิง ก็ต่างคนต่างกลับบ้านเช่นกัน
ส่วน ซูเหวิน เขาได้พา เซี่ย ซินเหยา กลับไปที่ อ่าว ไห่หยุน กับพ่อแม่ของเขา
เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ พวกเขาจึงขี้เกียจเกินกว่าจะกลับไปที่มหาลัยเหมือนกัน
“คืนนี้กินมากเกินไปจริงๆ ออกไปเดินเล่นกันหน่อยไหม?”
หลังจากกลับมาที่วิลล่าของ ตระกูลซู ในอ่าว ไห่หยุนแล้ว เซี่ย ซินเหยา ก็ผุดความคิดที่จะออกไปเดินเล่น ดังนั้นเธอจึงเสนอพลางคลี่ยิ้มดูทรงเสน่ห์ไม่น้อย
ส่วนสาเหตุหลักคือคืนนี้ดวงจันทร์ดูสวยเหมาะแก่การเดินเล่นมาก..
“อืม ก็ดีเหมือนกัน”
สำหรับความเห็นของแฟนสาวของเขานั้น เป็นธรรมดาที่ ซูเหวิน ..ไม่คิดจะคัดค้าน
อีกอย่างคืนนี้เขากินไปเยอะมากจริงๆ ดังนั้นการได้ออกไปเดินเล่นสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน
ดังนั้นหลังจากทั้งสองคนออกจากที่จอดรถแล้ว พวกเขาจึงเริ่มต้นเดินเล่นกันในบริเวณ วิลล่า อ่าว ไห่หยุน
อุณหภูมิอุ่นขึ้นหลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็ยังหนาวอยู่บ้างเล็กน้อยในตอนกลางคืน
เวลานี้.. แทบไม่มีใครอยู่บนถนนในบริเวณวิลล่า
ทั้งสองคนได้จับมือกันเดินเล่นกันไปอย่างสบายๆ แบบนี้
เพียงแต่ว่าเมื่อทั้งสองคนรู้สึกถึงความสงบสุข และความสบายใจในสภาพแวดล้อมแบบนี้
ทันใดนั้น มีเงาสีดําสองเงาค่อยๆ ย่างเท้าเดินตรงเข้าไปหา ซูเหวิน และเซี่ย ซินเหยา จากทิศทางหนึ่งอย่างช้าๆ
ขณะเดียวกัน แสงสีเงินก็ส่องประกายเล็กน้อยบนมือของร่างเงาสีดำทั้งสองเงา
ถ้าไม่สังเกตดูดีๆ คุณคงไม่สามารถสังเกตเห็นได้
แต่หากสังเกตดูดีๆ แล้วจะพบว่าจริงๆ แล้วพวกมันเป็นมีดสั้นสองเล่ม…