ตอนที่แล้วตอนที่ 229 แผนการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 231 ลงมืออย่างรวดเร็ว

ตอนที่ 230 มื้ออาหารบนเรือสำราญ


“ว้าว ที่นี่สวยเกินไปแล้ว?”

“ใช่ การตกแต่งดูหรูหราโอ่อ่าไม่น้อยจริงๆ”

“นี่คือสถานที่ที่คนรวยมากินข้าว?”

หลังจากขึ้นมาบนร้านอาหารบนเรือสําราญลํานี้แล้ว กลุ่มเพื่อนๆ ของ ซูเหวิน ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้น ดวงตาพวกเขาแต่ละคนพลันเบิกกว้างขึ้น

เรือสำราญลำนี้ใหญ่ และมีความหรูหรามากพอจริงๆ

ที่นี่เต็มไปด้วยสีสันที่หลากหลาย และสดใส ไม่ว่ามองไปทางไหนก็ดูงดงาม

ในล็อบบี้ชั้นหนึ่งของเรือสําราญ ขณะนี้มีแขกจํานวนมากที่แต่งตัวหรูหรากําลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารของตนเอง และเพลิดเพลินกับอาหารอร่อย

“สวัสดีคะ ยินดีต้อนรับค่ะ, ขอถามว่าทั้งหมดกี่ท่านอยากขึ้นไปทานที่ชั้นไหนค่ะ?”

ในเวลานี้ มีบริกรคนหนึ่งเดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม ทัศนคติของเธอดูสุภาพมาก

“ยิ่งชั้นสูงเท่าไหร่ สภาพแวดล้อมก็ยิ่งดีขึ้น?”

ซูเหวิน ย้อนถาม

“อืม คือประมานนั้นค่ะ ทางเรามีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น แต่ยิ่งชั้นสูงราคาก็จะยิ่งแพงขึ้นตาม…”

บริกรตอบกลับทันที

ซูเหวิน พยักหน้า เหตุผลนี้เขาเข้าใจ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า : “งั้นพาเราขึ้นไปชั้นเจ็ดเถอะ!”

“จริงสิ คุณเรียกผู้จัดการของคุณมาที่นี่ด้วย”

ซูเหวิน กล่าวเสริมไปอีกประโยคหนึ่ง

“เอ่อ.. ให้ตามผู้จัดการเหรอคะ?”

“คุณมีอะไรหรือเปล่า?”

บริกรก็สะดุ้งเล็กน้อย

ในฐานะที่เป็นพนักงานระดับล่าง เธอไม่รู้ว่าเจ้านายของเธอเปลี่ยนคนแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่เข้าใจว่าทําไมอีกฝ่ายถึงพูดแบบนี้..

“คุณแค่บอกกับผู้จัดการของพวกคุณก็พอ บอกเขาไปว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ซูเหวิน มาทานข้าวที่นี่ และเดี๋ยวเขาจะเข้าใจเอง”

ซูเหวิน ยิ้มเบาๆ แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง

ร้านอาหารของตัวเอง และการที่เขามากินข้าวทำไมจะต้องจ่าย..

การที่เขาเรียกผู้จัดการมา ย่อมอยากให้เขามาทักทายดีกว่าให้เขาไปที่เคาน์เตอร์แผนกต้อนรับตามปกติ

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง นอกจากผู้จัดการแล้ว คาดว่าคงมีไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาเป็นเจ้านายคนใหม่ของที่นี่

เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดแบบนี้ บริกรยังคิดว่าสุภาพบุรุษคนนี้รู้จัก หรือเป็นเพื่อนกับผู้จัดการ เธอเลยพยักหน้า แล้วหยิบวิทยุสื่อสารออกมาติดต่อหาผู้จัดการ บอกเล่าถึงสถานการณ์ทางด้านนี้

แน่นอนว่าผู้จัดการตกใจทันทีเมื่อได้ยินชื่อ ซูเหวิน เขารีบบอกให้บริกรต้อนรับ ซูเหวิน อย่างดีทันที และเขาจะรีบลงไปจากนั้นเขาวางวิทยุสื่อสาร

ทัศนคติที่ผิดปกติของเขาทําให้บริกรประหลาดใจมาก

ต่อจากนั้นในเวลาไม่ถึงนาที ชายหนุ่มในชุดสูทอายุประมาณ 30 ปีก็วิ่งมาจากทางลิฟต์อย่างเร่งรีบมาถึงตรงหน้า ซูเหวิน และคนอื่นๆ

“ประธานซู คุณมาแล้ว ดูสิทำไมคุณถึงไม่บอกผมก่อนล่วนหน้าผมจะได้เตรียมการต้อนรับ!”

“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับครับ..”

ผู้จัดการเห็น ซูเหวิน รีบพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มทันที

ทัศนคติของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

บริกรที่อยู่ข้างๆ รวมถึงพนักงานแคชเชียร์ที่อยู่ไม่ไกลพากันมองไปที่เขาด้วยสายตาตกตะลึง

“เสี่ยวถิง จำไว้นะ ประธานซู คนนี้เขาได้ซื้อเรือสำราญลำนี้ไปเมื่อ 2 วันก่อน ดังนั้นจากนี้ไป เขาจึงเป็นเจ้าของเรือสำราญคนใหม่”

เมื่อเห็นบริกรที่อยู่ข้างๆ มองตัวเองด้วยสีหน้าตกตะลึง ผู้จัดการจึงรู้ว่าเธอยังไม่รู้จักตัวตนของ ประธานซู จึงรีบอธิบาย

“อะไรนะคะ เจ้านายใหม่?”

พอคําพูดนี้หลุดออกมา บริกรที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจมาก

เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าชายหนุ่มที่ดูเหมือนอายุยังน้อยคนนี้จะซื้อเรือสําราญลํานี้ไปจริงๆ นี่คือ.. เขารวยขนาดไหนกัน?

แต่ต่อมา ผู้จัดการกลับแสดงสีหน้าตกใจมากขึ้น

เพราะเขาพบว่าในกลุ่มของ ซูเหวิน มีบุคคลหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นหน้ามาก เหมือนเขาจะเห็นอีกฝ่ายบ่อยๆ ในข่าวธุรกิจ

และคนคนนี้ย่อมเป็น เซี่ย เฉิงตง เป็นธรรมดา..

“คุณ... คุณคือ ประธานเซี่ย ของ ฮั่วซิน กรุ๊ป?”

ผู้จัดการเบิกตากว้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

โอ้.. พระเจ้า, เซี่ย เฉิงตง

นั่นคือการดำรงอยู่ของบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ในเมืองม่อ

ความตกใจในใจของเขาที่ได้เห็นบุคคลนี้ในวันนี้ และได้สัมผัสอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ คุณเองสามารถจินตนาการได้..

เซี่ย เฉิงตง ยิ้มอย่างสงบ และพยักหน้าซึ่งถือเป็นการตอบสนองต่ออีกฝ่าย

“ลุงเซี่ย คือ ประธานเซี่ย ของ ฮั่วซิน กรุ๊ป จริงๆ”

“แต่ผมคิดว่า คุณพาเราไปที่โต๊ะก่อนจะดีกว่า การปล่อยให้ทุกคนยืนอยู่เช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องดีหรอกว่าไหม?”

เมื่อเห็นว่าผู้จัดการของเขาดูตื่นเต้นมาก ซูเหวิน ก็ยิ้มไปพลางเตือนสติเขา

“ไอ๊หยา ผมนี่แย่จริงๆ ผมลืมเรื่องนี้ซะสนิทเลย ทุกคนเชิญตามผมมาทางนี้ครับ ผมจะพาทุกคนขึ้นไปเดี๋ยวนี้”

พอผู้จัดการตบหน้าผากตัวเองเสร็จแล้ว และเอาเข้าจริงๆ เมื่อกี้นี้เขาตื่นเต้นจนลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท

จากนั้นเขาพา ซูเหวิน และคนอื่นๆ ไปที่ทางเข้าลิฟต์พร้อมกับบริกรหญิงคนนั้น และขึ้นไปที่ชั้นเจ็ด

ขณะเดียวกันหัวใจของเขาก็รู้สึกตกใจมาก

บุคคลเช่น เซี่ย เฉิงตง มาปรากฏตัวที่นี่ ..จริงๆ

เมื่อมองไปที่ ประธานซู อีกครั้ง แน่นอนว่าเขารวยมาก ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ประธานเซี่ย อยู่มากด้วย

ดูเหมือนว่าตัวตนของบอสคนใหม่ของเขาคนนี้จะไม่ธรรมดา!

ในใจของผู้จัดการอดไม่ได้ที่จะเคารพ ประธานซู มากยิ่งขึ้น

ในขณะที่เขาตกใจ ทุกคนได้ขึ้นมาถึงที่ชั้น 7 แล้ว

ซูเหวิน ขอให้ผู้จัดการจัดโต๊ะให้สองที่ที่ดีที่สุด ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาหลายคนไม่สามารถนั่งโต๊ะเดียวได้

ผู้จัดการเอง ไม่กล้าเพิกเฉย

เขารีบจัดสถานที่ริมหน้าต่างไว้สองที่ให้สำหรับทุกคนทันที

จากนั้น เพื่อนๆ และเซี่ย เคอหมิง กับน้องสาวของเขาก็นั่งลงที่โต๊ะเดียวกัน

ส่วน ซูเหวิน, เซี่ย ซินเหยา และผู้ใหญ่อีกหลายคนนั่งด้วยกันอีกโต๊ะหนึ่ง

ทุกคนพากันสนุกกับการชมวิวโดยรอบๆ พร้อมกับเปิดเมนูสั่งอาหาร ทำให้บรรยากาศในเวลานี้เป็นไปอย่างคึกคักมีชีวิตชีวามาก

ต้องบอกว่า มันให้ความรู้สึกดีจริงๆ ที่ได้นั่งอย่างเพลิดเพลินมองดูวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของ เดอะบันด์ ไปบนเรือสำราญนี้..

สีสันที่หลากหลาย และสดใส พากันสว่างไสวอยู่โดยรอบ ทุกอย่างนี้อยู่ในสายตาเรา..

พวกเขาชื่นชมอยู่พักใหญ่ เมื่ออาหารมาถึงแล้ว ทุกคนจึงเริ่มทานอาหารกัน

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ อาหารมื้อนี้จึงถือว่าทานกันเสร็จแล้ว, ทุกคนพากันมาที่ชั้นดาดฟ้าของเรืออีกครั้ง การได้มายืนอยู่ข้างนอกเพื่อสัมผัสกับลมทะเลเช่นนี้ ช่างทำให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลาย และรื่นรมย์ได้มากขึ้นจริงๆ

คือจะว่าอย่างไรดี!

หากพูดถึงฝีมือการทําอาหารเพียงอย่างเดียว ซูเหวิน รู้สึกว่ารสชาติของอาหารบนเรือสําราญลํานี้นั้นแตกต่างจากรสชาติอาหารในโรงแรมระดับเจ็ดดาวมาก และซึ่งแต่ละอย่างก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง

แต่หลังจากเราทานอาหารเสร็จแล้ว การได้ขึ้นมาสัมผัสลมทะเลบนชั้นดาดฟ้านี้ นี่ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าสนใจอีกแบบหนึ่ง

เพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น เรือสำราญลำนี้ก็ชนะขาดแล้ว

และเช่นเดียวกับในขณะนี้

ผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง

เมื่อทุกคนรู้สึกว่าใกล้ได้เวลาแล้ว หลังจากเรือสําราญวนรอบใหญ่พวกเขาก็กลับมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือ

จากนั้นทุกคนพากันก้าวลงจากเรือสําราญไปอย่างไม่เต็มใจ และกลับไปที่จุดเริ่มต้นในตอนแรก

เพื่อนๆ ต่างก็นั่งรถแท็กซี่กลับไปที่มหาลัย

ลุง และป้าเซี่ย และครอบครัวของ เซี่ย เคอหมิง ก็ต่างคนต่างกลับบ้านเช่นกัน

ส่วน ซูเหวิน เขาได้พา เซี่ย ซินเหยา กลับไปที่ อ่าว ไห่หยุน กับพ่อแม่ของเขา

เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ พวกเขาจึงขี้เกียจเกินกว่าจะกลับไปที่มหาลัยเหมือนกัน

“คืนนี้กินมากเกินไปจริงๆ ออกไปเดินเล่นกันหน่อยไหม?”

หลังจากกลับมาที่วิลล่าของ ตระกูลซู ในอ่าว ไห่หยุนแล้ว เซี่ย ซินเหยา ก็ผุดความคิดที่จะออกไปเดินเล่น ดังนั้นเธอจึงเสนอพลางคลี่ยิ้มดูทรงเสน่ห์ไม่น้อย

ส่วนสาเหตุหลักคือคืนนี้ดวงจันทร์ดูสวยเหมาะแก่การเดินเล่นมาก..

“อืม ก็ดีเหมือนกัน”

สำหรับความเห็นของแฟนสาวของเขานั้น เป็นธรรมดาที่ ซูเหวิน ..ไม่คิดจะคัดค้าน

อีกอย่างคืนนี้เขากินไปเยอะมากจริงๆ ดังนั้นการได้ออกไปเดินเล่นสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

ดังนั้นหลังจากทั้งสองคนออกจากที่จอดรถแล้ว พวกเขาจึงเริ่มต้นเดินเล่นกันในบริเวณ วิลล่า อ่าว ไห่หยุน

อุณหภูมิอุ่นขึ้นหลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็ยังหนาวอยู่บ้างเล็กน้อยในตอนกลางคืน

เวลานี้.. แทบไม่มีใครอยู่บนถนนในบริเวณวิลล่า

ทั้งสองคนได้จับมือกันเดินเล่นกันไปอย่างสบายๆ แบบนี้

เพียงแต่ว่าเมื่อทั้งสองคนรู้สึกถึงความสงบสุข และความสบายใจในสภาพแวดล้อมแบบนี้

ทันใดนั้น มีเงาสีดําสองเงาค่อยๆ ย่างเท้าเดินตรงเข้าไปหา ซูเหวิน และเซี่ย ซินเหยา จากทิศทางหนึ่งอย่างช้าๆ

ขณะเดียวกัน แสงสีเงินก็ส่องประกายเล็กน้อยบนมือของร่างเงาสีดำทั้งสองเงา

ถ้าไม่สังเกตดูดีๆ คุณคงไม่สามารถสังเกตเห็นได้

แต่หากสังเกตดูดีๆ แล้วจะพบว่าจริงๆ แล้วพวกมันเป็นมีดสั้นสองเล่ม…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด