ตอนที่ 229 แผนการ
“ฉู่ห่ง กรุ๊ป?”
มือของ คุณฉี ที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่มชาหยุดไปชั่วขณะ เขาได้มองไปที่ โจวล่าง
“ประธานของ ฉู่ห่ง กรุ๊ป เป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทียนเวย.. ฉันฟังไม่ผิดไปใช่มั้ย?”
คุณฉี ขมวดคิ้ว และเขากำลังสงสัยว่าผู้ชายคนนี้กําลังหลอกเขาหรือไม่..
“มันเป็นความจริง ผมรู้ว่าคําพูดนี้พูดออกไปอาจทําให้คนเชื่อได้ยาก แต่นี่เป็นสิ่งที่ผมเห็นมาด้วยตาตัวเอง”
โจวล่าง อธิบายอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็บอก คุณฉี เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิดเมื่อวานนี้
ต่อจากนั้น คุณฉี ก็ได้เชื่อคำพูดของ โจวล่าง
“ที่คุณเรียกฉันมา ก็เพื่อต้องการให้ฉันช่วยระบายความโกรธให้คุณ?”
คุณฉี ถามอีกครั้ง
“ใช่ ผมเกลียด ซูเหวิน คนนี้เข้ากระดูกดํา ถ้าผมไม่ให้บทเรียนเขาบ้าง ผมคงไม่สามารถทนกล้ำกลืนความโกรธนี้ลงไปได้จริงๆ”
“แต่ตัวตนของ ซูเหวิน คนนี้ไม่ง่ายเลย เขาเป็นประธานของ ฉู่ห่ง กรุ๊ป ในโลกนี้มีคนไม่มากที่กล้าจัดการกับเขา และผมคิดว่ามีเพียงคุณเท่านั้นที่มีความสามารถนี้”
โจวล่าง มองไปที่ คุณฉี เขากล่าวอย่างเต็มไปด้วยความหวัง
ขณะเดียวกัน ในคําพูดของเขาก็เต็มไปด้วยคำเยินยออีกฝ่าย
แต่เห็นได้ชัดว่า คุณฉี คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
เมื่อเผชิญหน้ากับคําเยินยอของ โจวล่าง เขาไม่ได้แสดงความภาคภูมิใจมากนัก เพียงแค่กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มไปว่า : “เรื่องนี้ฉันสามารถช่วยได้ แต่ก่อนหน้านี้ฉันต้องบอกกับคุณก่อนว่า ฉัน ฉีเจา ไม่ได้ทําการกุศล การมาขอให้ฉันช่วยนั้นได้ แต่คุณต้องจ่ายค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกัน ไม่เช่นนั้นแม้ว่าฉันจะเต็มใจช่วยคุณ แต่.. ตระกูลฉี ของเราก็ไม่เต็มใจ”
คุณฉี กล่าวไปอย่างไม่แยแส
คงจะดีถ้าเขาอธิบายอีกฝ่ายก่อนล่วงหน้า
“ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี ตราบใดที่คุณช่วยผมจัดการกับเขาได้ คุณยื่นเสนอราคามาได้เลย”
โจวล่าง พยักหน้า และไม่แปลกใจเลย
ของฟรีมันไม่มีในโลก และเขาเองเข้าใจความจริงในข้อนี้
จากนั้นเขาก็ถามต่อว่า : “ไม่รู้ว่า คุณฉี จะจัดการกับ ซูเหวิน อย่างไร?”
อย่างไรก็ตาม เขาที่เพิ่งพูดจบ คุณฉี ก็โยนปัญหานี้ให้กับ โจวล่าง เอง
“อันนี้ คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า ..คุณอยากจะตอบโต้บริษัทเขา หรือตอบโต้เขา?”
“แน่นอน ถ้าในความเห็นส่วนตัวของฉัน ตอบโต้เขาโดยตรงจะดีกว่า แบบนี้ค่าตอบแทนที่คุณต้องจ่ายจะน้อยลงมาก และผลลัพธ์ก็เห็นผลทันที”
“แต่ถ้าคุณอยากตอบโต้บริษัทของเขา ฮ่าฮ่าๆ ฉันต้องบอกว่าวิธีนี้โง่เกินไป และค่าตอบแทนก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถจ่ายได้แน่นอน”
คุณฉี กล่าวเสริมอีกสองประโยค
พอคําพูดนี้ออกมา คุณชายโจว ก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายแล้ว
สิ่งที่เขาพูดมานั้นมีเหตุผล และมันเป็นจริงตามเขากล่าวมา..
และสิ่งที่เรียกว่าการตอบโต้โดยตรงคือการหาโอกาสลงมือกับ ซูเหวิน ด้วยตนเอง
ด้วยวิธีการนี้ก็เป็นไปตามที่อีกฝ่ายพูด ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายจะน้อยลงกว่ามาก
แต่ถ้าตอบโต้บริษัทอีกฝ่าย.. แน่นอนว่ามันแตกต่างออกไป
คุณลองคิดดูสิว่า ฉู่ห่ง กรุ๊ป เป็นบริษัทใหญ่ขนาดไหน การตอบโต้บริษัทนี้ต้องใช้กําลังคน และทรัพยากร เท่าไหร่?
แล้วคิดหรือว่าเขาสามารถจ่ายได้?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ โจวล่าง ก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสแก้มของตัวเอง
การตบที่พ่อเขาตบเมื่อวานนี้ ดูเหมือนจะยังเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย
พอเขารับรู้ถึงความเจ็บปวดนี้ โจวล่าง ก็ยิ่งอยากที่จะฉีกร่าง ซูเหวิน ออกเป็นชิ้นๆ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า : “โอเค งั้นก็ตอบโต้เขาโดยตรง”
“คุณฉี ผมหวังว่าคุณจะทำให้มันพิการได้ และมันจะดีที่สุดหากคุณจัดการหักมือหักเท้าของมัน ทำให้มือมันไม่สามารถใช้ได้ เท้ามันไม่สามารถใช้เดินได้อีก ทำให้มันกลายเป็นคนพิการโดยสมบูรณ์ เอาชนิดที่ว่าให้มันอยู่ไม่สู้ตาย ด้วยวิธีนี้ ผมเองก็อยากจะเห็นว่า มันยังจะอวดเก่ง(กร่าง)ได้อยู่อีกไหม..”
“และผมก็ไม่เชื่อว่าหลังจากที่ ซูเหวิน มันเป็นแบบนี้แล้ว คุณหนูเซี่ย จะยินดีอยู่กับมัน…”
โจวล่าง พูดอย่างดุดัน
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับอยากจะทำลายอีกฝ่ายลงทันที
แต่ต้องบอกว่าผู้ชายคนนี้หมกมุ่นอยู่กับ เซี่ย ซินเหยา มากจริงๆ
จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนเขายังไม่สามารถลืมเลือนอีกฝ่ายได้เลย
ในที่สุด คุณฉี ก็พยักหน้า และตอบรับคำของอีกฝ่ายหนึ่ง
“แต่ทว่า คุณฉี ผมได้ยินมาตลอดว่าคุณทำงานเรียบร้อย ไม่เหลือทิ้งร่องรอยใดๆ แล้วครั้งนี้…”
ทันใดนั้น โจวล่าง ก็พูดอีกครั้ง
น้ำเสียงเขาค่อนข้างเป็นกังวลเล็กน้อย
“วางใจได้ พวกเราทุกคนทำงานกันเป็นครอบครัว และเราไม่เคยทิ้งร่องรอยอะไรไว้อย่าว่าแต่การทำให้ ซูเหวิน คนนี้กลายเป็นคนพิการ แม้ว่าจะทำให้เขาหายไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง ..ก็ยากที่จะสืบค้นได้ว่าใครเป็นคนทำ”
เมื่อได้ยินความกังวลในคําพูดของอีกฝ่าย
คุณฉี หัวเราะอย่างเย็นชา แล้วตอบกลับอีกฝ่ายอย่างมั่นใจ
จากนั้นเขาเงยหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย มองไปที่คนสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา แล้วพูดว่า..
“พวกคุณสองคนได้ยินคำขอของ คุณชายโจว แล้วใช่ไหม เรื่องนี้ฉันจะฝากให้พวกคุณสองคนไปจัดการแล้วกัน”
บอดี้การ์ดทั้งสองไม่แม้แต่จะกระพริบตา พวกเขาแค่ตอบไปว่า “ครับ” เล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไรอีก
ดูเหมือนว่างานแบบนี้สำหรับพวกเขานั้นเป็นเรื่องปกติมาก ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย
พอได้ยินว่า คุณฉี จัดให้บอดี้การ์ดสองคนนี้ไปจัดการเรื่องนี้จริงๆ
โจวล่าง มีความสุขมาก แม้แต่ในหัวใจของเขาก็พลันรู้สึกโล่ง
บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ข้างหลัง คุณฉี เป็นใคร.. เขาย่อมรู้
พวกเขานั่นคือทหารรับจ้างอันดับต้นๆ ของโลก และเป็นนักฆ่าอันดับต้นๆ ของโลกเช่นกัน พวกเขาต่างเป็นคนลึกลับ และมีวิธีการที่ไม่ธรรมดา
ถ้าพวกเขาลงมือ เขาก็สามารถมั่นใจได้…
มาดูกันว่าคราวนี้ ซูเหวิน มันจะเย่อหยิ่งได้อย่างไรอีก
ในเวลานี้ หัวใจของ โจวล่าง สามารถอธิบายได้ว่าหยิ่งผยอง และเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
ราวกับว่าเขาได้เห็นรูปลักษณ์ที่น่าสังเวชของ ซูเหวิน แล้ว
ในขณะเดียวกัน ซูเหวิน ที่อยู่ห่างออกไปอีกด้านหนึ่งของเมืองม่อ เขาไม่แม้แต่คิดเลยว่าตัวเองจะถูก โจวล่าง คํานวณ และกำลังจะเผชิญกับปัญหารอบใหม่ที่กําลังจะมาถึง…
.........
“เหล่าซู เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ นายกำลังคิดจะพาเราไปทานข้าวบนเรือสำราญ ว้าวว ให้ตาย นี่ฉันไม่ได้ยินผิดไปใช่มั้ย?”
“โอ้วว สุดยอด ฉันไม่เคยไปกินมื้อใหญ่บนเรือกลางทะเลมาก่อนเลย!”
“เฮ้ ลืมไปแล้วหรือไง บนเรือยอชท์ของ เหล่าซู พวกเราเคยขึ้นไปกินมาแล้วครั้งหนึ่ง”
“เรือยอชท์มันจะไปเหมือนกับเรือสําราญได้ยังไง เรือสําราญมีขนาดใหญ่ขนาดนั้น การได้ไปนั่งกินบนเรือสําราญมันก็ต้องสนุกกว่านี้แน่!”
ในมหาวิทยาลัยเทียนเวย ซูเหวิน กําลังอยู่ในชั้นเรียน
แต่ในกลุ่มเพื่อน VX ของเขา ตอนนี้เพื่อนๆ ต่างกําลังพูดคุยกันอย่างคึกคัก
และเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้กลุ่มคึกคักได้ขนาดนี้ ก็ย่อมเป็นเพราะว่าหลังเลิกเรียนเมื่อครู่นี้, ซูเหวิน บอกว่าเขาจะพาพวกเขาไปทานอาหารเย็นด้วยกันบนเรือสำราญ
นับตั้งแต่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลโจว เมื่อ 2 วันก่อน
ซูเหวิน ได้รับหุ้นทั้งหมดในร้านอาหารบนเรือสําราญมาทันที
และในช่วงบ่ายวันนั้นเขาก็ได้ไปรับช่วงต่อเรือสําราญลํานี้มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันนี้เขาจึงอยากพาเพื่อนๆ ไปทานอาหาร และชื่นชมวิวทิวทัศน์บนเรือสําราญลํานี้ด้วยกัน
ไม่เพียงแค่นั้น…
เขายังส่งข้อความไปให้พ่อกับแม่ของเขา พ่อแม่ของ เซี่ย ซินเหยา และครอบครัวของ เซี่ย เคอหมิง ร่วมถึงคนอื่นๆ โดยเชิญพวกเขามาร่วมด้วย
ในเมื่อเราจะไปทานอาหารบนเรือสำราญ มันจึงเหมาะที่จะพาทุกคนไปสัมผัสกับความรู้สึกแปลกใหม่นี้
เวลามาถึงตอนเย็นอย่างรวดเร็ว
ซูเหวิน และเพื่อนๆ ต่างรอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งเลิกเรียนในตอนเย็น
หลังจากนั้นทุกคนรีบกลับไปอาบน้ำที่หอพักทันที
พอเวลาเกือบหกโมงครึ่ง เราก็ออกเดินทางไปยัง เดอะบันด์(The Bund)
แต่ ซูเหวิน นำรถ Lamborghini มาที่มหาลัย เขาจึงทำได้เพียงพา เซี่ย ซินเหยา ไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
คนอื่นเลยต้องนั่งรถแท็กซี่ตามไป
ส่วนฝั่งพ่อกับแม่ ลุงเซี่ย ป้าเซี่ย และครอบครัวของ เซี่ย เคอหมิง พวกเขาขับรถไปที่นั่นด้วยตัวเอง
หลังจากทุกคนมาถึงที่เกิดเหตุแล้ว
ซูเหวิน พบว่า ครั้งนี้เขาเชิญคนมาทานอาหารเย็นด้วยกันไม่น้อยจริงๆ
หากนับโดยละเอียด เกรงว่าจะต้องมีไม่ต่ำกว่า 20 คน
“เด็กดี.. เสี่ยวเหวิน คราวนี้เธอได้กระอักเลือดแน่ จัดมื้อใหญ่ๆ ให้เราด้วยล่ะ!”
เซี่ย เฉิงตง มอง ซูเหวิน แล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ในคืนนี้เขาเชิญผู้คนมากมายรวมถึงพ่อแม่ และเพื่อนของเขา
“ฮ่าฮ่าๆ ใช่ ดูคึกคักไม่น้อยเลย”
ซู กว่างเซิง พ่อของ ซูเหวิน หัวเราะไปพลางพูดขึ้น
เมื่อพูดถึง พ่อซู คืนนี้เขาดูมีชีวิตชีวามากเช่นกัน
หลังจากพยายามเรียนขับรถมาหลายวัน ตอนนี้เขาเชี่ยวชาญทักษะการขับรถขั้นพื้นฐานแล้ว
ตราบใดที่ไม่ขับเร็วก็ไม่มีปัญหาอะไร
ตอนนี้เขาสามารถพาภรรยาออกไปข้างนอกได้แล้ว เขาจะขับรถหรูพาภรรยาออกไปเสมอ แน่นอนว่ามีสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามมากมายที่พวกเขายังไม่เคยไป..
“อืม วันนี้เนื่องจากผมเชิญทุกคนมา เช่นนั้นคืนนี้ขอให้ทุกคนสนุกกันอย่างเต็มที่ได้เลย”
“เรือสำราญกำลังมาแล้ว เรามาเตรียมตัวขึ้นไปดูกันเถอะ ดูว่าภายในร้านอาหารเรือสำราญลำนี้เป็นอย่างไร…”
เมื่อฟังการสนทนาระหว่างพ่อของเขา กับลุงเซี่ย ซูเหวิน พลันยิ้มอย่างใจเย็น
ในระหว่างพูดคุย ร้านอาหารบนเรือสําราญขนาดใหญ่ก็ได้มาถึงท่าจอดเรือที่ ซูเหวิน และคนอื่นๆ ยืนรออยู่แล้ว
จากนั้น ซูเหวิน ก็พาทุกคนขึ้นไปบนเรือสําราญสุดหรูลํานี้ด้วยกัน…