ตอนที่ 5: น้ำพุวิญญาณเขาหิมะ ความขยันชดเชยความอ่อนแอ
ตอนที่ 5: น้ำพุวิญญาณเขาหิมะ ความขยันชดเชยความอ่อนแอ
หวือหวือหวือ!
เสียงสายลมคมปลาบดังขึ้นในหูของฉู่อี้ขณะร่างกายเริ่มชาจากการแช่น้ำนานเกินไป
เขาหันศีรษะไปมองรอบด้านก่อนจะพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำ
ผนังหินของถ้ำมีบรรยากาศชื้นขณะน้ำเย็นจากลำธารสาดเข้าที่ด้านข้างของใบหน้าฉู่อี้
ฉู่อี้นึกย้อนกลับไปเมื่อครู่ว่าหลังจากถูกกระแสน้ำเชี่ยวดูดเข้าไปแล้วก็ไหลผ่านแม่น้ำไร้ก้นนับไม่ถ้วนก่อนจะลอยเข้ามาในถ้ำ
ซึ่งร่างกายในตอนนี้ฟื้นคืนกลับมาบางส่วนแล้ว
ฉู่อี้ขยับขาพลางค่อยโน้มตัวไปทางชายฝั่ง หลังจากยืนหยัดอย่างมั่นคง เขาจึงสังเกตเห็นฉากในถ้ำก่อนจะตกตะลึงอย่างรวดเร็ว
เพราะสิ่งที่เห็นคือไอน้ำที่เดิมถูกดูดซับไว้บนผนังหินคล้ายกับสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมา
หยดน้ำตกลงมาก่อนจะกลายเป็นหมอกสีขาวราวหิมะเมื่อสัมผัสกับความหนาวเย็น จากนั้นจึงกลายเป็นน้ำแข็งฝ้าในพริบตาราวกับทั่วทั้งถ้ำเย็นยะเยือกขึ้นมา
ฉู่อี้สั่นสะท้านขณะรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าบางอย่างแปลกประหลาดอยู่ที่นี่
อุณหภูมิในถ้ำยังคงลดลง
ร่างกายของเขาเปียกโชกอยู่ก่อนแล้ว หากรอนานไปกว่านี้อาจจะเกิดอาการเจ็บป่วยได้ เช่นนั้นอย่าอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วรีบออกไปโดยไวน่าจะเป็นผลดีกว่า
ฉู่อี้ตัดสินใจขณะหาทางออกอย่างรวดเร็ว
เขาชำเลืองมองรอบด้าน
น่าเสียดาย
มันมีเพียงเส้นทางสีดำสนิทอยู่ในถ้ำแห่งนี้ซึ่งมีอากาศเย็นเยือกยิ่งกว่าแผ่ซ่านออกมา
ส่วนด้านหลังของเขา แม่น้ำไหลเชี่ยวยังคงสูงขึ้นจนเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปทางเดิม เนื่องจากฉู่อี้ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะกลับไปที่ด้านล่างภูเขาได้แม้จะต้องทวนกระแสน้ำก็ตาม
"ทำได้แค่ลองเท่านั้น"
ฉู่อี้ถอนหายใจขณะออกกำลังอย่างง่ายด้วยขาเพื่อจะได้รับมือกับอันตรายฉับพลันได้ตลอดเวลา
วินาทีถัดไป
เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วดิ่งลงไปในเส้นทางมืดมิดอย่างรวดเร็วประหนึ่งลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย
หลังจากทะลุลงไปหลายร้อยเมตร ทันใดนั้นแสงสว่างจึงปรากฏตรงหน้าฉู่อี้
แต่ทว่า มันไม่ใช่แสงจากนอกถ้ำ แต่เป็นเหมือนกับสมบัติที่ส่องแสงมากกว่า
“หรือว่าจะเป็นไข่มุกของสัตว์ต่างแดน?”
ฉู่อี้พึมพำขณะนึกถึงราชันมัจฉาอายุหนึ่งร้อยปีที่เขาสังหารบริเวณก้นทะเลสาบใหญ่ตอนที่พละกำลังยังสมบูรณ์
กระดูกในร่างของราชันมัจฉาแข็ง ส่วนเลือดเนื้อเปรียบได้กับทองคำและเหล็กซึ่งช่วยให้อยู่ยงคงกระพัน
ฉู่อี้โชคดีพอที่จะสังหารมันได้ด้วยการใช้แสงกระบี่เพื่อทำลายอวัยวะภายใน
เขายังคงจำได้ว่าราชันมัจฉามีไข่มุกมัจฉาขนาดเท่ากำปั้นสองเม็ดซึ่งเป็นประกายและโปร่งแสงยิ่งกว่าหยก แล้วในที่สุดเจ้าขุนเขาจึงมอบพวกมันให้กับผู้ว่าเขตก่อนจะเรียกด้วยชื่ออย่างสละสลวยว่า “ไข่มุกนิรันดร์”
มันคือสิ่งเดียวกันกับเจ้านี่หรือเปล่า?
เมื่อฉู่อี้เข้าใกล้จึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่เปล่งประกายไม่ใช่ไข่มุก แต่เป็นเศษชิ้นส่วนสีน้ำเงินขนาดเท่าเล็บที่ค่อนข้างแหลมคม
เขาเหยียบมันด้วยเท้า แต่ทันทีที่สัมผัส ผิวหนังจึงถูกกรีดจนมีโลหิตไหลออกมา
ด้านหลังเศษชิ้นส่วนสีน้ำเงินมีศพขึ้นอืดพิงอยู่ที่ผนังขณะส่งกลิ่นฉุนของน้ำออกมา
ศพนั่งชิดกับผนังโดยมีถุงสีน้ำตาลห้อยอยู่ที่เอว
ฉู่อี้เห็ถนถึงความทนทานของเศษชิ้นส่วนสีน้ำเงิน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าหากอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มันจะต้องเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน
ศพดังกล่าวมีของดีเช่นนี้ก่อนจะเสียชีวิต
เช่นนั้นสิ่งของของคนผู้นี้อาจไม่แย่จนเกินไปจนอาจสามารถช่วยให้เขาพ้นจากปัญหาได้
ฉู่อี้ครุ่นคิดสักพักก่อนจะฉุกคิดได้ว่า “คนตายควรได้รับเกียรติ” จากนั้นจึงโค้งคำนับร่างนั้นก่อนจะใช้เท้าเกี่ยวถุงออกมา
เขาเขย่าเอาของที่อยู่ข้างในออกมา
ตำราหนึ่งเล่ม กระดาษหนังสัตว์หนึ่งแผ่น แผ่นป้ายหนึ่งอัน หินสีดำที่กระจัดกระจายและถุงเงินใบเล็ก
ฉู่อี้ชำเลืองมองของเหล่านั้นขณะสายตาจับจ้องไปยังตำรากับกระดาษหนังสัตว์
"เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ… (ตระกูลฉีแห่งเกาะน้ำเต้า ฉีชิงซู)"
"วิชาบำเพ็ญมัจฉาวิญญาณ (เล่มหนึ่ง)"
สีหน้าของฉู่อี้ประหลาดใจทันทีที่อ่านชื่อจนจบ
“เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ วิธีการตั้งชื่อทางการแบบนี้ค่อนข้างคล้ายกับนักพรตเต๋าที่เอาแต่พูดเกี่ยวกับ ‘อู๋เลี่ยงเทียนจุน’”
เนื่องจากการขยายอำนาจของเขากระบี่ผงาด ทำให้ฉู่อี้ตอนที่พละกำลังยังคงอยู่มักไปมาหาสู่กับสำนักใหญ่หลายแห่งที่กระจัดกระจายอยู่ตามห้วงน้ำทะเลสาบใหญ่
ในบรรดามรดกของนักพรตเต๋าที่ถูกเรียกว่า “วิหารสามเซียน” ได้สร้างความประทับใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก
วิหารสามเซียนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร โดยผู้แข็งแกร่งที่สุดในสำนักอยู่เพียงระดับปรมาจารย์เท่านั้น ทว่า “คัมภีร์เต๋า” ที่พวกเขาใช้ต่อสู้กับศัตรูสามารถถูกจารึกไว้บนร่างกายได้ชั่วคราว ทำให้มันยังหลงเหลือความประทับใจอันลึกล้ำให้กับฉู่อี้จนถึงทุกวันนี้
มันคือวิธีการเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้ชั่วคราว
ฉู่อี้ผู้เป็นมหาปรามาจารย์ในตอนนั้นเคยมองว่าความเข้าใจของลัทธิเต๋านี้เป็นหนึ่งในวิธีการทำความเข้าใจวิถีแห่งนักบุญยุทธ์หลังจากทะลวงจนถึงไปมหาปรมาจารย์
น่าเสียดายที่เขายังไม่มีเวลาฝึกฝน
ภายใต้การถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศ ทำให้ลงเอยด้วยการเสียแขนทั้งสองข้างหักจนกลายเป็นคนพิการ
"รอก่อนเถอะ... ทุกคนจะต้องชดใช้"
ฉู่อี้พึมพำอย่างแผ่วเบาขณะดวงตาเริ่มแดงก่ำ
เขามองตำราสองเล่มที่เพิ่งได้รับมาก่อนจะทราบว่าสิ่งสำคัญในการออกจากถ้ำอาจจะเกี่ยวข้องกับพวกมัน
ฉู่อี้เปิด "เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ" ขณะกวาดตามองทีละคำ จากนั้นจึงปิดมัน
วินาทีต่อมา
บอลแสงสีทองวูบไหวในใจ แล้วตัวอักษรจึงปรากฏขึ้น
ชื่อ: ฉู่อี้
ขอบเขต: ไม่มี
วิทยายุทธ์: วิชากระบี่วายุกระจ่าง (ระดับสี่: 596/800) ขาพิฆาตกระบี่ (100/100)
จากนั้น รายละเอียดของเคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะจึงวูบไหวตรงหน้าฉู่อี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นข้อความเดิมจึงเปลี่ยนไปอีกครั้งโดยมีการเพิ่มบรรทัดขึ้นมา
วิชายุทธ์: เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ (ระดับหนึ่ง: 1/100)
"สำเร็จแล้ว!"
ฉู่อี้ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมสิ่งที่อธิบายไม่ได้ซึ่งอยู่ในใจ
นับตั้งแต่จำความได้ หน้าต่างระบบก็ได้ปรากฏขึ้นในใจเพื่อทำการบันทึกข้อมูลบางส่วนของเขา
นอกจากความสามารถในการบันทึกแล้ว หน้าต่างระบบนี้ยังมีความสามารถลับอยู่
นั่นคือในขณะรวมวิทยายุทธ์กับวิชายุทธ์ใหม่เข้าด้วยกัน ฉู่อี้ยังสามารถเรียนรู้วิชายุทธ์ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ได้
หมายความว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว เขาสามารถข้ามขอบเขตธรณีประตูและเริ่มต้นได้ด้วยการพึ่งพาความพยายามของตัวเองเพื่อชดเชยข้อบกพร่องดังกล่าว
ไม่ช้า เมื่อความทรงจำเกี่ยวกับ "เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ" ปรากฏขึ้นในใจ มันจึงกลายเป็นสัญชาตญาณทางร่างกายทันที
ฉู่อี้นั่งขัดสมาธิขณะรู้สึกถึงความเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ภายในตันเถียน จากนั้นจึงแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายก่อนจะค่อยปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิในถ้ำ
ตอนนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะแข็งตายแล้ว
จากนั้นฉู่อี้ทำการฝึกฝนวิชาต่อไป
เมื่อเวลาผ่านไป เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสอากาศเย็นที่ไหลออกมาจากตันเถียน จากนั้นเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณที่ขาดสะบั้นเพื่อปล่อยคลื่นความเย็นออกมา
“นี่มัน… กำลังซ่อมแซมอาการบาดเจ็บหรือ?”
ฉู่อี้ประหลาดใจที่พบว่าความเจ็บปวดที่อยู่กับเขามาตลอดทั้งปีเริ่มบรรเทาลง
ราวกับมันทำให้เขาเห็นภาพลวงตา
ราวกับว่าหากยังอดทนรอต่อไป สักวันก็จะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์