ตอนที่แล้วตอนที่ 4: ถ้ำในน้ำ ร่องรอยของชุดชั้นใน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6: พลังของน้ำพุวิญญาณ เจ้าขุนเขาทำการทะลวง

ตอนที่ 5: น้ำพุวิญญาณเขาหิมะ ความขยันชดเชยความอ่อนแอ


ตอนที่ 5: น้ำพุวิญญาณเขาหิมะ ความขยันชดเชยความอ่อนแอ

หวือหวือหวือ!

เสียงสายลมคมปลาบดังขึ้นในหูของฉู่อี้ขณะร่างกายเริ่มชาจากการแช่น้ำนานเกินไป

เขาหันศีรษะไปมองรอบด้านก่อนจะพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำ

ผนังหินของถ้ำมีบรรยากาศชื้นขณะน้ำเย็นจากลำธารสาดเข้าที่ด้านข้างของใบหน้าฉู่อี้

ฉู่อี้นึกย้อนกลับไปเมื่อครู่ว่าหลังจากถูกกระแสน้ำเชี่ยวดูดเข้าไปแล้วก็ไหลผ่านแม่น้ำไร้ก้นนับไม่ถ้วนก่อนจะลอยเข้ามาในถ้ำ

ซึ่งร่างกายในตอนนี้ฟื้นคืนกลับมาบางส่วนแล้ว

ฉู่อี้ขยับขาพลางค่อยโน้มตัวไปทางชายฝั่ง หลังจากยืนหยัดอย่างมั่นคง เขาจึงสังเกตเห็นฉากในถ้ำก่อนจะตกตะลึงอย่างรวดเร็ว

เพราะสิ่งที่เห็นคือไอน้ำที่เดิมถูกดูดซับไว้บนผนังหินคล้ายกับสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมา

หยดน้ำตกลงมาก่อนจะกลายเป็นหมอกสีขาวราวหิมะเมื่อสัมผัสกับความหนาวเย็น จากนั้นจึงกลายเป็นน้ำแข็งฝ้าในพริบตาราวกับทั่วทั้งถ้ำเย็นยะเยือกขึ้นมา

ฉู่อี้สั่นสะท้านขณะรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าบางอย่างแปลกประหลาดอยู่ที่นี่

อุณหภูมิในถ้ำยังคงลดลง

ร่างกายของเขาเปียกโชกอยู่ก่อนแล้ว หากรอนานไปกว่านี้อาจจะเกิดอาการเจ็บป่วยได้ เช่นนั้นอย่าอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วรีบออกไปโดยไวน่าจะเป็นผลดีกว่า

ฉู่อี้ตัดสินใจขณะหาทางออกอย่างรวดเร็ว

เขาชำเลืองมองรอบด้าน

น่าเสียดาย

มันมีเพียงเส้นทางสีดำสนิทอยู่ในถ้ำแห่งนี้ซึ่งมีอากาศเย็นเยือกยิ่งกว่าแผ่ซ่านออกมา

ส่วนด้านหลังของเขา แม่น้ำไหลเชี่ยวยังคงสูงขึ้นจนเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปทางเดิม เนื่องจากฉู่อี้ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะกลับไปที่ด้านล่างภูเขาได้แม้จะต้องทวนกระแสน้ำก็ตาม

"ทำได้แค่ลองเท่านั้น"

ฉู่อี้ถอนหายใจขณะออกกำลังอย่างง่ายด้วยขาเพื่อจะได้รับมือกับอันตรายฉับพลันได้ตลอดเวลา

วินาทีถัดไป

เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วดิ่งลงไปในเส้นทางมืดมิดอย่างรวดเร็วประหนึ่งลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย

หลังจากทะลุลงไปหลายร้อยเมตร ทันใดนั้นแสงสว่างจึงปรากฏตรงหน้าฉู่อี้

แต่ทว่า มันไม่ใช่แสงจากนอกถ้ำ แต่เป็นเหมือนกับสมบัติที่ส่องแสงมากกว่า

“หรือว่าจะเป็นไข่มุกของสัตว์ต่างแดน?”

ฉู่อี้พึมพำขณะนึกถึงราชันมัจฉาอายุหนึ่งร้อยปีที่เขาสังหารบริเวณก้นทะเลสาบใหญ่ตอนที่พละกำลังยังสมบูรณ์

กระดูกในร่างของราชันมัจฉาแข็ง ส่วนเลือดเนื้อเปรียบได้กับทองคำและเหล็กซึ่งช่วยให้อยู่ยงคงกระพัน

ฉู่อี้โชคดีพอที่จะสังหารมันได้ด้วยการใช้แสงกระบี่เพื่อทำลายอวัยวะภายใน

เขายังคงจำได้ว่าราชันมัจฉามีไข่มุกมัจฉาขนาดเท่ากำปั้นสองเม็ดซึ่งเป็นประกายและโปร่งแสงยิ่งกว่าหยก แล้วในที่สุดเจ้าขุนเขาจึงมอบพวกมันให้กับผู้ว่าเขตก่อนจะเรียกด้วยชื่ออย่างสละสลวยว่า “ไข่มุกนิรันดร์”

มันคือสิ่งเดียวกันกับเจ้านี่หรือเปล่า?

เมื่อฉู่อี้เข้าใกล้จึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่เปล่งประกายไม่ใช่ไข่มุก แต่เป็นเศษชิ้นส่วนสีน้ำเงินขนาดเท่าเล็บที่ค่อนข้างแหลมคม

เขาเหยียบมันด้วยเท้า แต่ทันทีที่สัมผัส ผิวหนังจึงถูกกรีดจนมีโลหิตไหลออกมา

ด้านหลังเศษชิ้นส่วนสีน้ำเงินมีศพขึ้นอืดพิงอยู่ที่ผนังขณะส่งกลิ่นฉุนของน้ำออกมา

ศพนั่งชิดกับผนังโดยมีถุงสีน้ำตาลห้อยอยู่ที่เอว

ฉู่อี้เห็ถนถึงความทนทานของเศษชิ้นส่วนสีน้ำเงิน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าหากอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มันจะต้องเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน

ศพดังกล่าวมีของดีเช่นนี้ก่อนจะเสียชีวิต

เช่นนั้นสิ่งของของคนผู้นี้อาจไม่แย่จนเกินไปจนอาจสามารถช่วยให้เขาพ้นจากปัญหาได้

ฉู่อี้ครุ่นคิดสักพักก่อนจะฉุกคิดได้ว่า “คนตายควรได้รับเกียรติ” จากนั้นจึงโค้งคำนับร่างนั้นก่อนจะใช้เท้าเกี่ยวถุงออกมา

เขาเขย่าเอาของที่อยู่ข้างในออกมา

ตำราหนึ่งเล่ม กระดาษหนังสัตว์หนึ่งแผ่น แผ่นป้ายหนึ่งอัน หินสีดำที่กระจัดกระจายและถุงเงินใบเล็ก

ฉู่อี้ชำเลืองมองของเหล่านั้นขณะสายตาจับจ้องไปยังตำรากับกระดาษหนังสัตว์

"เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ… (ตระกูลฉีแห่งเกาะน้ำเต้า ฉีชิงซู)"

"วิชาบำเพ็ญมัจฉาวิญญาณ (เล่มหนึ่ง)"

สีหน้าของฉู่อี้ประหลาดใจทันทีที่อ่านชื่อจนจบ

“เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ วิธีการตั้งชื่อทางการแบบนี้ค่อนข้างคล้ายกับนักพรตเต๋าที่เอาแต่พูดเกี่ยวกับ ‘อู๋เลี่ยงเทียนจุน’”

เนื่องจากการขยายอำนาจของเขากระบี่ผงาด ทำให้ฉู่อี้ตอนที่พละกำลังยังคงอยู่มักไปมาหาสู่กับสำนักใหญ่หลายแห่งที่กระจัดกระจายอยู่ตามห้วงน้ำทะเลสาบใหญ่

ในบรรดามรดกของนักพรตเต๋าที่ถูกเรียกว่า “วิหารสามเซียน” ได้สร้างความประทับใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก

วิหารสามเซียนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร โดยผู้แข็งแกร่งที่สุดในสำนักอยู่เพียงระดับปรมาจารย์เท่านั้น ทว่า “คัมภีร์เต๋า” ที่พวกเขาใช้ต่อสู้กับศัตรูสามารถถูกจารึกไว้บนร่างกายได้ชั่วคราว ทำให้มันยังหลงเหลือความประทับใจอันลึกล้ำให้กับฉู่อี้จนถึงทุกวันนี้

มันคือวิธีการเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้ชั่วคราว

ฉู่อี้ผู้เป็นมหาปรามาจารย์ในตอนนั้นเคยมองว่าความเข้าใจของลัทธิเต๋านี้เป็นหนึ่งในวิธีการทำความเข้าใจวิถีแห่งนักบุญยุทธ์หลังจากทะลวงจนถึงไปมหาปรมาจารย์

น่าเสียดายที่เขายังไม่มีเวลาฝึกฝน

ภายใต้การถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศ ทำให้ลงเอยด้วยการเสียแขนทั้งสองข้างหักจนกลายเป็นคนพิการ

"รอก่อนเถอะ... ทุกคนจะต้องชดใช้"

ฉู่อี้พึมพำอย่างแผ่วเบาขณะดวงตาเริ่มแดงก่ำ

เขามองตำราสองเล่มที่เพิ่งได้รับมาก่อนจะทราบว่าสิ่งสำคัญในการออกจากถ้ำอาจจะเกี่ยวข้องกับพวกมัน

ฉู่อี้เปิด "เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ" ขณะกวาดตามองทีละคำ จากนั้นจึงปิดมัน

วินาทีต่อมา

บอลแสงสีทองวูบไหวในใจ แล้วตัวอักษรจึงปรากฏขึ้น

ชื่อ: ฉู่อี้

ขอบเขต: ไม่มี

วิทยายุทธ์: วิชากระบี่วายุกระจ่าง (ระดับสี่: 596/800) ขาพิฆาตกระบี่ (100/100)

จากนั้น รายละเอียดของเคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะจึงวูบไหวตรงหน้าฉู่อี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นข้อความเดิมจึงเปลี่ยนไปอีกครั้งโดยมีการเพิ่มบรรทัดขึ้นมา

วิชายุทธ์: เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ (ระดับหนึ่ง: 1/100)

"สำเร็จแล้ว!"

ฉู่อี้ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมสิ่งที่อธิบายไม่ได้ซึ่งอยู่ในใจ

นับตั้งแต่จำความได้ หน้าต่างระบบก็ได้ปรากฏขึ้นในใจเพื่อทำการบันทึกข้อมูลบางส่วนของเขา

นอกจากความสามารถในการบันทึกแล้ว หน้าต่างระบบนี้ยังมีความสามารถลับอยู่

นั่นคือในขณะรวมวิทยายุทธ์กับวิชายุทธ์ใหม่เข้าด้วยกัน ฉู่อี้ยังสามารถเรียนรู้วิชายุทธ์ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ได้

หมายความว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว เขาสามารถข้ามขอบเขตธรณีประตูและเริ่มต้นได้ด้วยการพึ่งพาความพยายามของตัวเองเพื่อชดเชยข้อบกพร่องดังกล่าว

ไม่ช้า เมื่อความทรงจำเกี่ยวกับ "เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ" ปรากฏขึ้นในใจ มันจึงกลายเป็นสัญชาตญาณทางร่างกายทันที

ฉู่อี้นั่งขัดสมาธิขณะรู้สึกถึงความเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ภายในตันเถียน จากนั้นจึงแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายก่อนจะค่อยปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิในถ้ำ

ตอนนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะแข็งตายแล้ว

จากนั้นฉู่อี้ทำการฝึกฝนวิชาต่อไป

เมื่อเวลาผ่านไป เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสอากาศเย็นที่ไหลออกมาจากตันเถียน จากนั้นเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณที่ขาดสะบั้นเพื่อปล่อยคลื่นความเย็นออกมา

“นี่มัน… กำลังซ่อมแซมอาการบาดเจ็บหรือ?”

ฉู่อี้ประหลาดใจที่พบว่าความเจ็บปวดที่อยู่กับเขามาตลอดทั้งปีเริ่มบรรเทาลง

ราวกับมันทำให้เขาเห็นภาพลวงตา

ราวกับว่าหากยังอดทนรอต่อไป สักวันก็จะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด