Chapter 196 : สังหารเสือผีดิบด้วยสายฟ้า (3)
สถานที่แห่งนี้เองก็ยังเต็มไปด้วยผีดิบขอบเขตที่8 ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมืองหลวงแดนต้นกกนั้นคือสถานที่ที่อันตรายที่สุดในแดนลับแห่งนี้แล้ว
ดาบพิษเดินมาได้เพียงไม่กี่ก้าวก็พลันได้ยินเสียงคำรามแหบแห้งดังมาจากบ้านหลังที่อยู่ใกล้ๆ
หลังจากนั้นผีดิบขอบเขตที่7เลเวล3ก็พุ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นและกระโจนเข้าใส่เขาพร้อมด้วยเสียงคำรามดุดัน
ดาบพิษไม่มีความคิดที่จะสู้กับผีดิบแต่อย่างใด เขารีบเร้นกายเข้าไปในเงาของบ้านเรือนและใช้ผ้าคลุมเร้นเงาเพื่อลบตัวตนของตนเองจนหมดจด
ผีดิบตนนั้นเมื่อเสียเป้าหมายไปก็ดูเหมือนจะสงบสติอารมณ์ลง
มันย้อนกลับไปยังบ้านหลังที่โผล่ออกมาและซ่อนตัวอย่างเงียบๆรอคอยให้นักสู้ไม่ระมัดระวังตัวคนถัดไปผ่านมา
แดนต้นกกนั้นไม่ได้สงบสุขแต่อย่างใด เหล่านักสู้ที่ทรงพลังทั้งหมดล้วนมาเก็บเลเวลกันที่นี่ดังนั้นดาบพิษจึงมักจะได้ยินเสียงการต่อสู้ดังขึ้นอยู่บ่อยๆ
ผีดิบจะถูกกระตุ้นโดยเสียงจากการต่อสู้และมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น
ยิ่งเสียงของการต่อสู้ดังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดึงดูดผีดิบได้มากเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนักสู้ที่กล้าส่งเสียงดังนั้นล้วนแล้วแต่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตนทั้งสิ้น
แน่นอนว่าพวกเขาต้องมั่นใจในความเร็วในการหลบหนีของตนเองด้วยเช่นกัน
ตราบใดที่วิ่งหนีได้เร็วพอและหนีออกจากขอบเขตการรับรู้ของผีดิบได้ผีดิบพวกนี้ก็จะย้อนกลับไปยังตำแหน่งเดิมเนื่องจากเสียเป้าหมายหรือไม่ก็จะรอเป้าหมายถัดไปอย่างเงียบๆไม่ก็เตร็ดเตร่ไปมาอย่างไร้จุดหมาย
ในเวลานี้เองเขาพลันได้ยินเสียงการต่อสู้รุนแรงดังขึ้นมาไม่ไกลออกไปนักและเสียงนั้นก็ใกล้เข้ามามากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
ตูม!
บ้านหลังหนึ่งถูกทำลายลง
นักสู้คนนั้นกระอักเลือดออกมาแต่ก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้านหลังของเขามีอสูรปิศาจ3ตนที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์แต่ร่างกายเป็นนกไล่ตามมาด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
เมื่อมองดูใกล้ๆจะพบว่าใบหน้าของพวกมันนั้นน่าเกลียดยิ่งเพราะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่นับว่าเป็นเครื่องหน้าของมนุษย์
ถ้าจะให้อธิบายก็คงต้องอธิบายว่าเหมือนเอาตาไว้ตรงนี้ จมูกตรงนั้นแล้วก็หาที่ใส่หูกับปากเย็บพวกมันติดกันบนใบหน้า
แม้จะบอกไม่ได้ว่าบิดเบี้ยวแต่อย่างน้อยก็เบี้ยวกับตาและปาก
ร่างกายเองก็ไม่ต่างอะไรจากเหยี่ยวขนาดยักษ์ ขนบนร่างของพวกมันดูสมบูรณ์ดกดำยิ่งและความกว้างของปีกเองก็ใหญ่มาก มีกงเล็บแหลมคมฉายประกายเย็นเยียบ
อสูรประเภทนี้ถูกเรียกว่าเหยี่ยวหน้าคน
ภายในแดนลับทั่วทุกแห่งบนโลกมีแดนลับเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มีเหยี่ยวหน้าคนและแดนต้นกกก็คือหนึ่งในนั้น
นอกจากนั้นแล้วแดนลับที่มีเหยี่ยวหน้าคนมากที่สุดนั้นก็คือแดนลับมหึมาที่อยู่ภายใต้การครอบครองขององค์กรผู้กู้โลกอย่าง ‘แดนลับปราการเทวทูติ’
ดาบพิษใช้สกิลตรวจสอบขั้นสูงออกไปตามสัญชาตญาณและพบว่าพวกมันทั้งสามตัวนั้นล้วนเป็นอสูรขอบเขตที่7เลเวล6ทั้งสิ้น
เทียบกับผีดิบในระดับเดียวกันจากเมืองหวังเซี่ยแล้วค่าสถานะของพวกมันสูงกว่ามากทีเดียว
“เวรเอ๊ยดันมาถูกไอ้พวกเหยี่ยวหน้าคนพันแข้งพันขาซะได้”
นักสู้ผู้นั้นลุกขึ้นยืนพร้อมกับสบถด่าออกมาและรีบวิ่งเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งในทันที
อย่างไรก็ตามในพริบตาต่อมาบ้านหลังนั้นก็ถูกเหยี่ยวหน้าคนทั้งสามตัวที่อยู่กลางอากาศทำลายจนเป็นชิ้นๆ
ในเวลานี้เองเขาพลันสังเกตเห็นดาบพิษที่อยู่ใกล้ๆ พริบตาต่อมาเขาก็รีบพุ่งตรงเข้าหาดาบพิษในทันที
หลินเซวียนเองก็เห็นภาพนี้เช่นกันและเริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
ตัวตนของดาบพิษนั้นเกือบจะเป็นศูนย์อยู่แล้วถึงขั้นที่ว่ากระทั่งเหยี่ยวหน้าคนก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงเขาได้แต่เจ้านักสู้ผู้นี้กลับทำได้
เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายมีสกิลพิเศษหรืออุปกรณ์พิเศษบางอย่างที่สามารถตรวจจับเขาได้
“เจ้าหนูช่วยฉันขวางเหยี่ยวหน้าคนทั้งสามตัวนี้ที ฉันมายาโมโตะ เรียวมะจะตอบแทนนายอย่างงามเลย!”
นักสู้ผู้นั้นหัวเราะและกระทืบเท้าลงบนพื้น ร่างของเขาพุ่งตรงเข้ามาราวกับลูกปืนใหญ่พร้อมกับเตะก้อนหินขนาดใหญ่ใส่ดาบพิษ
ดาบพิษขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องออกจากเงาของสิ่งปลูกสร้างเพื่อหลบหินขนาดมหึมา
เหยี่ยวหน้าคนที่อยู่บนอากาศพลันสังเกตเห็นดาบพิษได้ในทันที
เหยี่ยวหน้าคนทั้งสามตัวนั้นส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงออกมาอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะส่งหนึ่งในพวกมันเข้าโจมตีดาบพิษขณะที่อีกสองตัวยังคงไล่ล่ายามาโฒโตะ เรียวมะต่อไป
ยามาโมโตะ เรียวมะสบถด่าออกมา “โชคไม่ดีจริงเว้ย ฉันก็แค่ขโมยไข่มาเองไม่ใช่รึไง?”