บทที่ 50 การฉายภาพ (8)
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 50 การฉายภาพ (8)
อันที่จริง คังวูจินผู้ซึ่งกำลังปรับตัวให้เข้ากับ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ เริ่มรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
มันเริ่มต้นเมื่อฮงฮเยยอนได้กลับมานั่งที่ของเธอ
“คุณจะไม่แสดงความยินดีให้ฉันหน่อยเหรอคะ?”
"...ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ"
วูจินรู้สึกว่ามันแปลก ที่เธอได้รับรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม แต่หลังจากนั้นเขาก็พูดชมเธอไป เขาคิดว่า เธอจะได้รับรางวัลใหญ่กว่านี้อย่างแน่นอนเสียอีก ไม่เพียงแต่การแสดงของเธอเท่านั้น แต่ประสบการณ์และชื่อเสียงของเธอไม่อาจเป็นสิ่งที่เมินเฉยได้เลย แต่ฮงฮเยยอนกลับได้รับรางวัลแค่นักแสดงนำยอดเยี่ยม
“ขอบคุณค่ะ ถึงฉันจะไม่ได้รับรางวัลอะไรมากมายก็เถอะ”
“ว่าแต่ทำไมคุณถึงแสดงความยินดีกับผมล่วงหน้าเหรอครับ?”
“ทำไมคุณถึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ล่ะ? ถ้าฉันได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม คำตอบก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอคะ? อย่าแสร้งทำเป็นเจียมเนื้อเจียมตัวหน่อยเลย”
“······”
“แล้วก็ ฉันอยากแสดงความยินดีกับคุณเป็นคนแรกน่ะ ถึงจะได้รับรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกแย่เลย เพราะฉันรู้มาแต่แรกแล้ว”
ในระหว่างนั้นเอง
-ฟึบ
เนื่องจากตารางเวลาของเขา ชเวชองกุนผู้มาสายจึงมาถึงเสียที ในระหว่างพิธี เขาโค้งคำนับและขยับไปข้าง ๆ ผู้กำกับชินดงชุนและฮงฮเยยอน
ชเวชองกุนสวมชุดสูท ยกนิ้วโป้งให้ฮงฮเยยอนทันที
“ขอโทษครับผู้อำนวย ผมมาสายไปหน่อย ว้าว ฮเยยอน เธอได้รับรางวัลเหรอ? เธอได้รางวัลอะไรนะ?”
“นักแสดงนำยอดเยี่ยม”
“ทำได้ดีมาก ทำได้ดีมากเลย งี้ฉันคงต้องเตรียมตัวตื่นเต้นแล้วสินะ”
เมื่อฮงฮเยยอนบอกว่าเธอได้รับรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม เขาก็ดูเหมือนจะไม่แปลกเลย ระหว่างมองทั้งสอง คังวูจินลุกขึ้นจากที่นั่ง เขารักษามารยาท แม้จะอยู่ท่ามกลางความสับสน
‘ด้านหน้าแคบไปหน่อยแฮะ’
เนื่องจากชเวชองกุนนั่งอยู่ในที่นั่งว่างทางขวาของวูจิน เขาจึงพยายามหาที่ว่างให้เดินผ่านไป ด้วยเหตุนี้ ทั้งชเวชองกุนและฮงฮเยยอนจึงหันความสนใจไปที่คังวูจินผู้ที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืน
หลังจากนั้นเอง
“รางวัลชนะเลิศด้านการแสดง…ยินดีด้วย นักแสดงคังวูจินจากเรื่อง ‘สำนักงานนักสืบ' !”
ทันใดนั้น ชื่อของคังวูจินก็ดังขึ้นจากเวทีและวูจินก็มองออกไปในทิศทางของเวทีหลัก
ณ จุดนี้ ฮงเฮยอนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็หัวเราะคิกคัก
"ดูนั่นสิ เขาลุกขึ้นก่อนที่จะถูกเรียกชื่อเสียอีก เขาคงแน่ใจเลยสินะว่ารางวัลใหญ่เป็นของเขา”
ชเวชองกุนก็ยิ้มและตบไหล่ของคังวูจินเช่นกัน
“ฉันชอบความมั่นใจแบบนั้นนะ ขอแสดงความยินดีและไปรับรางวัลของนายก่อนเลยเถอะ”
ผู้กำกับชินดงชุนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของฮงฮเยยอนก็แสดงความยินดีเช่นกัน มีความเข้าใจผิดเล็กน้อยเกิดขึ้น แต่วูจินไม่มีโอกาสได้แก้ไข
“….”
เขาพยายามจัดระเบียบลมหายใจและความคิดของเขา ทว่าอากาศในห้องโถงมันกลับรู้สึกแตกต่างออกไป มันรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ แต่คล้ายกำลังล่องลอย มันทำให้เขาเหมือนเมานิดหน่อย เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลมได้เลยหากสูญเสียสมาธิไปชั่วขณะ มันเป็นอารมณ์ที่ใกล้เคียงกับความตื่นเต้น แต่คังวูจินไม่มีเวลาที่จะไปคิดถึงมันแล้ว
- ตุบ ตุบ ตุบ
เพราะเขาต้องเดินไปที่เวทีอย่างสุดกำลัง
เขาไม่ได้ยินปฏิกิริยาของผู้คนหลายสิบคนที่บ่นพึมพำและไม่รู้สึกถึงเสียงปรบมือเลย คังวูจิน ผู้ซึ่งได้รับเพียงเหรียญเงินในโรงเรียนประถมศึกษาจากการขว้างปาเครื่องร่อนกระดาษไกลที่สุด ตอนนี้กลับได้กลายเป็นผู้ชนะรางวัลชนะเลิศ เอาชนะนักแสดงระดับชั้นนำ
ไม่แปลกเลยที่วิญญาณของคังวูจินคล้ายกำลังหลุดจากร่าง
ไม่ว่าเขาจะรู้สึกเช่นไร ความรู้สึกที่ท่วมท้นของประสบการณ์ครั้งแรกก็กำลังถาโถมเข้าใส่เขา จากนี้ไป ความมีเหตุผลของวูจินก็เลือนหายไปและสัญชาตญาณเริ่มเข้าครอบงำร่างกายของเขาแทน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ท่าทางอันเย็นชาของเขามันดูเหมือนจริงมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เอง คังวูจินอยู่บนเวที จิตใจของเขายังคงสับสน แต่สีหน้าของเขาแข็งกร้าวอย่างชัดเจน
จากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงภาษาญี่ปุ่น
"ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ! งานของคุณยอดเยี่ยมจริง ๆ ”
นั่นคือเสียงของผู้กำกับเคียวทาโร่ ทว่าเสียงภาษาญี่ปุ่นที่เขาเพิ่งได้ยิน มันกลับไม่รู้สึกแปลกแยกเลยสำหรับวูจิน มันให้ความรู้สึกเหมือนภาษาเกาหลี ดังนั้นเขาจึงตอบภาษาญี่ปุ่นออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับเป็นภาษาเกาหลี
“ありがとうございます, 監督 (ขอบคุณครับคุณผู้กำกับ)”
มันไม่ได้เป็นความตั้งใจ แต่มันถูกพูดออกไปราวกับติดเป็นนิสัย
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณชอบ ‘สำนักงานนักสืบ' ครับ”
ในขณะเดียวกัน ที่นั่งของผู้ชมที่อยู่ใกล้เวทีก็เริ่มส่งฮือฮา ดวงตาของผู้กำกับเคียวทาโร่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่าล่ามที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาก็เช่นกัน
ล่ามจึงถามวูจิน คราวนี้เป็นภาษาเกาหลี
“คุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้เหรอครับ?”
ล่ามที่ประหลาดใจได้ถามทันที จากนั้นเอง ความมีเหตุผลก็ได้เริ่มลอยกลับเข้าร่างคังวูจินอย่างเชื่องช้า
'...อา หา? ภาษาญี่ปุ่น? ฉันเพิ่งตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นไปเหรอ?'
มุมมองที่คับแคบของคังวูจินเริ่มกว้างขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยเหตุนี้ ความตึงเครียดที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาเริ่มเลือนหายไปเล็กน้อย
“ไม่ครับ ผมพูดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
เมื่อคังวูจินตอบล่าม เขาก็ได้รู้สึกตัวอีกครั้ง มันเป็นช่วงเวลาที่คล้ายถูกสายตาอันหนักอึ้งมากมายจับจ้องมอง ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวในการเปิดตัวของเขา มันอาจจบลงไม่เป็นท่าก็ได้ สิ่งต่อไปที่ผู้กำกับเคียวทาโร่พูด ก็คือคำนี้
แน่นอนว่ามันเป็นภาษาญี่ปุ่น
“คุณเคยอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นงั้นเหรอครับ? เพราะการออกเสียงของคุณดูเหมือนจะไม่ได้มาจากการเรียนเลย”
คังวูจินถือถ้วยรางวัลและช่อดอกไม้ในมือของเขา สบตากับผู้กำกับเคียวทาโร่ ดวงตาของเขาเป็นประกาย เป็นเพราะแสงหรือเปล่านะ? ช่างเหอะ ยังไงเขาก็ควรจะลองพูดภาษาญี่ปุ่นสักหน่อยไหม? คังวูจินตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างสุภาพ
“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ แต่ทักษะของผมไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้นหรอก มันแค่เพียงพอสำหรับการสื่อสารเท่านั้นครับ”
“ฮ่า ๆ ไม่เอาน่า ด้วยภาษาญี่ปุ่นในระดับนั้น คุณอยู่ในระดับเจ้าของภาษาด้วยซ้ำไป ผมควรพูดไงดี มันแบบประหลาดใจพอสมควรเลย”
"หมายความว่าไงเหรอครับ?"
“…ก็ในเมื่อคุณเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศในระดับนั้นและมีทักษะการแสดงที่น่าทึ่งเช่นนี้ ทำไมคุณถึงมาอยู่แค่ในวงการหนังสั้นเท่านั้นกันครับ? มีนักแสดงหลายคนแบบคุณในเกาหลีอีกงั้นเหรอ?”
อยู่แค่ในวงการหนังสั้น? มันหมายความว่ายังไงกัน? คังวูจินหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ในขณะเดียวกัน ผู้เป็นล่ามก็ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาควรตีความบทสนทนาครั้งนี้หรือไม่?
มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงสับสนเช่นนี้
“นั่นเขาพูดอะไรน่ะ? เขาเป็นคนญี่ปุ่นหรือเปล่า?”
"ฉันไม่คิดงั้นนะ เขาเองก็พูดภาษาเกาหลีได้ดีด้วยสิ”
“หรือเขาเตรียมไว้ล่วงหน้า?”
ในขณะนั้นเอง ผู้ชมประมาณร้อยคนกำลังเอียงศีรษะด้วยความสับสน เป็นเรื่องแปลกที่นักแสดงโนเนมได้รับรางวัลชนะเลิศด้านการแสดง แต่ยิ่งแปลกไปกว่านั้นคือนักแสดงโนเนมกำลังสนทนากับผู้กำกับระดับปรมาจารย์จากญี่ปุ่นบนเวทีอย่างสบาย ๆ
“เขาชื่อคังวูจินเหรอ? เขาพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่องด้วย? อา แสดงว่าเขาต้องทำงานที่ญี่ปุ่นแน่ ๆ”
“บางทีเขาอาจเป็นไซนิจิ (ชาวเกาหลีในญี่ปุ่น) ก็ได้นะ? ไม่งั้นเขาจะสนิทชิดเชื้อกับผู้กำกับเคียวทาโร่ได้เหรอ?”
“เขามีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่นหรือเปล่านะ? ชาวเกาหลีไซนิจิมักจะมีชื่อภาษาญี่ปุ่นแยกต่างหากด้วยสิ”
“เขาช่างเป็นคนที่แปลกประหลาดเหลือเกิน”
ใคร ๆ ก็คงคิดว่ามันแปลก ถ้าคนที่ไม่รู้จักคังวูจินรู้สึกว่ามันแปลกขนาดนี้ แล้วคนที่รู้จักเขาล่ะ?
โดยเฉพาะ
"...ภาษาญี่ปุ่น?"
ผู้กำกับควอนกีแท็ก ซึ่งอยู่ในตำแหน่งผู้ตัดสิน
'เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? ฉันคิดว่าเขาทำงานในต่างประเทศในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่เขาได้ไปญี่ปุ่นด้วยงั้นเหรอ? หรือว่าเขาสะสมทักษะการแสดงจากทั้งสองประเทศเลย?’
ฮงเฮยอน ชเวชองกุนและผู้กำกับชินดงชุนต่างอ้าปากค้างไปแล้ว
‘เขาพูดภาษาญี่ปุ่นด้วยเหรอ? แถมเขาพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่องขนาดนี้ด้วย? นี่มันบ้าอะไรกัน เขากลับชาติมาเกิดหรืออะไรกันแน่เนี่ย?! มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ทำไมยิ่งขุดเรื่องเขาลึกขึ้นไป ยิ่งเจอความลับมากมายกัน!'
'…แบบนี้เองสินะ เพราะเขาพูดภาษาญี่ปุ่นได้ หมอนี้เคยมีชีวิตอยู่ในอดีตแบบไหนกัน?'
‘โอ้ ว้าว คุณวูจินคงอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเป็นแน่’
แน่นอนรวมถึงนักเขียนพัคอึนมีมีด้วย เธอประหลาดใจมากจนปิดปากด้วยมือทั้งสองข้าง
‘ทักษะการแสดงที่น่าทึ่ง ชำนาญทั้งอังกฤษและญี่ปุ่น... บางทีฉันควรจะเริ่มนับถือศาสนาแล้วสินะ’
แม้ว่าห้องโถงที่มีคนประมาณร้อยคนจะค่อนข้างเงียบ แต่ก็มีลมหมุนแห่งความสับสนและความเข้าใจผิดลอยตลบอบอวล ทว่าคังวูจิน ผู้สร้างพายุนั้นไม่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์เลย
เขาแค่มองไปที่ผู้กำกับเคียวทาโร่อย่างเคร่งขรึม
หลังจากนั้น
-ฟึบ
ทีมงานจาก ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ผู้อยู่ภายใต้เวทีได้หมุนนิ้วไปทางคังวูจิน มันเป็นสัญญาณให้ดำเนินการต่อด้วยการกล่าวสุนทรพจน์ อันที่จริง พวกเขาพูดกันมาบนเวทีสักรยะหนึ่งแล้ว ทางล่ามก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ เขาจึงหยุดการตีความและแสดงท่าทางให้วูจินรับรู้
“ขอเชิญกล่าวสุนทรพจน์ได้เลยครับ”
เมื่อรู้ถึงบรรยากาศ ผู้กำกับเคียวทาโร่จึงขอโทษวูจินเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย
"อ่า โทษที ผมคงเผลอไป"”
ในไม่ช้า คังวูจินก็ยืนอยู่หน้าไมโครโฟนที่ตั้งอยู่ ภาพคนจำนวนมากนับร้อย สามารถมองเห็นได้ด้วยการมองจากที่นี่ แม้ว่ามันจะไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มทั้ง 300 ที่นั่ง แต่สำหรับวูจินที่กำลังได้พบกับสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก มันก็ตื่นตาพอสมควร
“…….”
วูจินกลืนน้ำลายโดยไม่มีใครสังเกตเห็น มันเป็นช่วงเวลาแห่งความจริงแล้ว สุนทรพจน์งั้นเหรอ? เขาควรจะพูดอะไรดี? มันต้องจริงจัง แต่สุภาพด้วย ในช่วงเวลานั้นเอง ผู้สื่อข่าวที่อยู่ตำแหน่งรอบ ๆ เวทีได้ยกกล้องขึ้นมาหาคังวูจินอย่างลังเล
“ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เราควรต้องถ่ายรูปใช่ไหม?”
“ฉันมาถ่ายรูปฮงฮเยยอนหรือพัคจองฮยอกนะ”
“ว่าแต่เขาชื่ออะไร?”
“คังวูจิน คังวูจินไง”
คังวูจินผู้เย็นชาบนเวที ได้ถูกกล้องมากมายถ่ายอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้คังวูจินจึงต้องหรี่ตาลง มันราวกับสายฟ้าฟาดตรงหน้าเขา
'อ่า แม่งเอ๊ย ไม่รู้แล้วโว้ย มาทำให้มันจบ ๆ ไปแล้วกัน’
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความคิดของเขากระจัดกระจายหรืออะไร คังวูจินจึงได้ตัดสินใจที่จะพูดคำที่อยู่ในใจของเขาออกมา แน่นอนว่าเขาได้รักษาระดับน้ำเสียงของเขาไว้อย่างมั่นคง
“ขอบคุณครับ มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานและยากลำบาก แต่ตอนนี้ผมมีคนดี ๆ อยู่รอบตัวมากมาย ผมจะไม่พูดอะไรยาว ๆ เพราะผมคิดว่ารางวัลอันรุ่งโรจน์นี้เป็นคล้ายดั่งแส้ ตัวผมพยายามอย่างหนักกว่าตอนนี้โดยไม่หยุดยั้ง ขอบคุณครับ”
เมื่อคำพูดของคังวูจินจบลง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นพอประมาณ ในระหว่างนั้นเอง ผู้กำกับควอนกีแท็กยิ้มเยาะ
“ทำให้ดีที่สุดมากกว่าตอนนี้โดยไม่หยุดยั้งงั้นเหรอ? ชักน่ากลัวแล้วสิ”
คังวูจิน ผู้ซึ่งรักษาใบหน้านิ่งเหมือนไพ่โป๊กเกอร์ได้ลงมาจากเวทีแล้ว ในระหว่างนั้น แสงแฟลชจากกล้องของนักข่าวก็ไม่ได้หยุดลง และสายตาของผู้คนประมาณร้อยคนก็จับจ้องมองตามคังวูจิน
ทันทีที่คังวูจินมาถึงที่นั่ง ทีม ‘สำนักงานนักสืบ‘ ก็แสดงความยินดี
ทว่าคังวูจินที่ยังคงสับสนอยู่ ก็ได้กล่าวขอบคุณพวกเขาอย่างสุภาพและนั่งลง จากนั้นเอง เขาก็ก้มลงมองถ้วยรางวัลในมือ ตามที่คาดไว้ ความรู้สึกของความสำเร็จนั้นมันกลับสูงเฉียดฟ้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
‘อ้า มุมปากของฉันมันยกขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วสิ หยุดก่อนตัวฉัน หยุดไว้ก่อน’
ถึงมันเป็นหนังสั้น แต่มันเป็นรางวัลที่เขาได้รับจากการแสดงในเทศกาลภาพยนตร์เชียวนะ คังวูจินกำลังคิดว่าจะเอารางวัลนี้ไปไว้ที่ไหนในบ้านของเขาดี
หลังจากนั้นเอง
“รางวัลผลงานยอดเยี่ยม! ได้ออกมาแล้ว! ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ! กับ 'สำนักงานนักสืบ'!!”
ทันใดนั้น ‘สำนักงานนักสืบ’ ก็ถูกเรียกขึ้นมาเวที ในเวลาเดียวกัน ผู้กำกับชินดงชุนที่มีดวงตาแดงก่ำได้ลุกขึ้นยืน
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขาชนะสามรางวัลจาก ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’
"ขอบคุณ ขอบคุณทุกคนครับ!"
‘สำนักงงานนักสืบ’ ได้กวาดรางวัลทั้งเทศกาลไปแล้ว
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในร้านกาแฟขนาดใหญ่ภายในกรุงโซล
มันเป็นร้านกาแฟแฟรนไชส์ที่กว้างขวางมากในเกาหลี รอบ ๆ เคาน์เตอร์มีถ้วยและกระเป๋าที่มีโลโก้คาเฟ่ โต๊ะทั้งหมดเต็มไปด้วยลูกค้าจนไม่มีที่นั่งว่าง
ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการทำอะไรบางอย่าง ดูวุ่นวายมาก
ใครบางคนกำลังแชทอยู่ ใครบางคนกำลังเรียนอยู่ ใครบางคนกำลังใช้โทรศัพท์มือถือของพวกเขา ลูกค้าหลายคนกำลังยุ่งอยู่กับการทำสิ่งต่าง ๆ ของตัวเอง เสียงโวกเวกโวยวายดังขึ้นมั่วไปหมด ในหมู่ลูกค้าเหล่านั้น มีผู้หญิงที่คุ้นหน้าสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง มีเครื่องดื่มเสิร์ฟไว้แล้ว
อายุของพวกเธอประมาณ 20 กระมัง?
มีใบหน้าคล้ายนักศึกษามหาวิทยาลัยโดยทั่วไป ไม่มีบทสนทนาใดเป็นพิเศษ เพราะพวกเธอคุยกันมาสักพักแล้ว คนหนึ่งกำลังทำงานบางอย่างบนโน๊ตบุ๊คที่เธอนำมา และอีกสองคนที่เหลือกำลังมองไปที่โทรศัพท์มือถือของพวกเธอเอง
จากนั้นเอง
"หือ?"
หญิงสาวในเสื้อเชิ้ตสีขาวเอียงศีรษะขณะที่เธอกำลังมองอะไรบางอย่างในโทรศัพท์มือถือของเธอ
“เอ่อ ฉันเหมือนได้ยินชื่อนี้บ่อยมาก จากที่ไหนกันนะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เพื่อน ๆ รอบตัวเธอก็ตอบกลับมา
"อะไรเหรอ? ใคร?"
“ก็หมอนี้ไง”
"ไม่นะ! ไหน ไหน!"
หญิงสาวที่สวมเสื้อเชิ้ตบ่นเล็กน้อย รีบแสดงโทรศัพท์มือถือของเธอให้เพื่อน ๆ ดู บทความหนึ่งกำลังปรากฏบนโทรศัพท์
"ดูสิ! ชื่อนี้ไง! มันดูไม่คุ้นหน่อยเหรอ?”
เพื่อน ๆ หันไปมองโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“เอิ่ม หือ? มันก็ดูเหมือนจะเป็นชื่อที่คุ้น ๆ นะ แต่มันเป็นชื่อที่ค่อนข้างธรรมดาออก ไม่ใช่หนึ่งในคนที่เธอคบอยู่หรอกใช่ไหม?”
"ไม่ ไม่สักหน่อย!"
“แต่ผู้ชายคนนี้เขาเป็นนักแสดงเหรอ? เขาถ่ายทำหนังกับฮงฮเยยอนด้วยงั้นเหรอ? นั่นพิธีมอบรางวัลใช่ไหม?”
"ไม่รู้สิ ฉันเพิ่งเห็นมันในขณะที่เลื่อนดูข่าวบันเทิงพอดี”
“คังวูจิน คังวูจิน อืมมมม ฉันเคยได้ยินมาจากไหนกันนะ?”
“แต่เขาหล่อมากเลยทีเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหน้าใหม่แหละ”
นั่นแหละคือตอนที่...
“พวกเธอกำลังดูอะไรอยู่เหรอ?”
หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่มีเส้นผมยาวปานกลางและสวมหมวก ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังหญิงสาวทั้งสาม ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งกลับมาจากห้องน้ำ เพราะมือของเธอเปียกชุ่มพอควร คำถามถูกส่งต่อไปยังเธอทันที
"ฮยอนอา! เธอจำชื่อคังวูจินได้หรือเปล่า?”
หญิงสาวสวมหมวกตอบคำถามพลางยักไหล่ ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เหตุผลมันก็เรียบง่ายมาก
“จำได้สิ ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่หรือไงว่าเขาเป็นพี่ชายของฉัน?”
เพราะเธอเป็นน้องสาวของคังวูจิน คังฮยอนอา ซึ่งผู้หญิงสามคนที่นั่งอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนของเธอ จากนั้นเอง เพื่อนคนหนึ่งก็ปรบมือขึ้นมา
"อ๊า!! ใช่แล้ว! เป็นพี่ชายของฮยอนอา…หือ? พี่ชาย? พี่ชายเหรอ?"
"ใช่"
"ว้าว สุดยอดไปเลย"
“ว้าว ฮยอนอา เธอบอกว่าพี่ชายของเธอไม่ใช่นักแสดงไม่ใช่เหรอ?”
คังฮยอนอาที่นั่งลงก็ขมวดคิ้ว
"อะไรเนี่ย? ทำไมจู่ ๆ ถึงทำตัวแปลกกันแบบนี้? ทำไมพวกเธอถึงพูดถึงพี่ชายของฉันล่ะ?”
"ไม่สิ! ก็มันแบบ ว้าว! คือฮยอนอา พี่ชายของเธอกำลังเป็นข่าวอยู่นี่ไง?”
"...พวกเธอพูดอะไรกันเนี่ย? เขาเพิ่งพูดเองนะว่าจะเป็นนักแสดงเมื่อสองเดือนก่อน”
"เป็นเรื่องจริงนะ!"
เพื่อนคนหนึ่งผลักโทรศัพท์ของเธอไปทางคังฮยอนอา
“เขาปรากฏตัวพร้อมกับฮงฮเยยอนด้วยซ้ำ! เขาต้องได้รับรางวัลแน่ ๆ เลย! สุดยอด! พี่ชายของเธอหล่อจริง ๆ !”
“???”
คังฮยอนอามองเพื่อนที่ตื่นเต้นของเธอแล้วลดสายตาลงไปยังโทรศัพท์มือถือ
ในตอนนี้เอง
“...หา?”
ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ อาจเพราะ เธอรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือญาติทางสายเลือดของเธอผู้ถูกบันทึกภาพไว้ในบทความ แม้จะอยู่เคียงข้างนักแสดงชั้นนำฮงฮเยยอน เธอก็ยังทราบได้
"หา????"
ในขณะเดียวกัน ภายในจินจู คยองซังใต้
ใกล้สถานีขนส่งจินจู บนถนน มีรถบัสจำนวนมากขับมาและไป คึกคักไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายคน บางคนขึ้นรถเมล์หรือลงจากรถไปเฉย ๆ เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเหล่านี้ ที่นี่จึงมีร้านค้ามากมายรอบ ๆ สถานีขนส่ง
ในหมู่พวกเขา มีร้านขายโจ๊กอยู่
มันดูวุ่นวายน้อยกว่าร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหารคิมบับ การตกแต่งภายในสงบเงียบ ราวกับเป็นร้านข้าวต้มและดูเหมือนเจ้าของร้านจะเป็นคู่รักกันด้วย สามีมองไปยังจอมอนิเตอร์ที่เคาน์เตอร์ และภรรยาก็ถอนหายใจบนเก้าอี้นั่งที่อยู่ถัดจากเคาน์เตอร์
ทั้งคู่ดูเด็กพอสมควร
สามีค่อนข้างสูงจนน่าทึ่ง ส่วนภรรยาก็มีความสูงเฉลี่ยและดูมีผิวขาวนวล ปัญหาคือ...
"เฮ้อ-"
ภรรยาดูเหมือนจะมีความกังวลขณะที่เธอถอนหายใจสุดลมหายใจ
“ฉันล่ะเป็นห่วง เป็นห่วงพวกมันจริง ๆ”
สามีที่กำลังคลิกเมาส์อยู่ก็ถามโดยไม่ละสายตาจากจอภาพ
"ทำไมล่ะ?"
“คุณไม่เป็นห่วงบ้างเหรอคะ? นี่คุณคงไม่สนใจลูกชายของเราแล้วสินะ”
“ฮยอนมี คุณกังวลมากเกินไปแล้ว เขาดูแลตัวเองได้น่า รอดูไปเถอะ”
เมื่อสามีของเธอตอบกลับไป ภรรยาก็บ่นอย่างเงียบ ๆ ในช่วงเวลานี้เอง ได้มีลูกค้าเข้ามาและภรรยาก็ทักทายลูกค้าอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้น เธอก็รับเมนูและกลับไปที่เคาน์เตอร์
“โจ๊กผัก โจ๊กฟักทอง”
“……….”
แต่ในวันนี้มันกลับไม่มีเสียงตอบรับจากสามีของเธอ เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ภรรยาก็แตะไหล่ของสามี
“เป็นอะไรของคุณกันคะ?”
จากนั้น สามีที่ดูเหมือนจะกลับสู่โลกความเป็นจริงก็หันจอภาพที่เขามองไปทางภรรยาของเขา
“…ฮยอนมี ผมคลิกเข้าเว็บนี้เพราะชื่อสะดุดตา แต่ทำไมลูกชายของเราถึงถ่ายรูปกับคน ๆ นี้ได้กันล่ะ?”
ด้วยคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย ภรรยาพึมพำบางอย่างคล้ายกับว่า ‘คุณกำลังพูดบ้าอะไรอยู่’ และจ้องมองไปที่หน้าจอ แต่เธอก็อ้าปากค้างในทันที
ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
"หา? วูจิน…ของเรา?”
“ใช่แล้ว วูจิน แต่ทำไมลูกชายของเราถึงตกเป็นข่าวได้ล่ะ?”
สำหรับคู่รักคู้นี้ ไม่สิ ในฐานะพ่อแม่ของคังวูจิน
『[เทศกาลภาพยนตร์] ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง‘ รวมภาพของนักแสดงที่ได้รับรางวัล! ฮงฮเยยอนได้รับ ‘รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม’ คังวูจิน นักแสดงหน้าใหม่ได้รับ ’รางวัลชนะเลิศ’/ภาพ』
มันเป็นข่าวที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่งยวด
*****