บทที่ 49 การฉายภาพ (7)
[ผู้แปล BamแปลNiyay รับหน้าที่แทนต่อจากนี้เป็นต้นไป หากคำผิด+ชื่อผิด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย]
บทที่ 49 การฉายภาพ (7)
ด้วยการปรากฏตัวของคังวูจิน ‘สำนักงานนักสืบ’ จึงดึงดูดสายตาของคนรุ่นใหญ่จำนวนมาก แถมฉากไคลแม็กซ์เมื่อภาพพื้นหลังเปลี่ยนไปเป็นคฤหาสน์ยิ่งสุดยอดเข้าไปใหญ่
-เฮ้อออ...
คุณภาพเสียงช่างสมจริงจนน่าทึ่งเกินไปแล้ว เมื่อฉากและเสียงรวมเข้าด้วยกัน คฤหาสน์บนหน้าจอก็ปรากฏขึ้นอย่างน่าขนลุก สีหน้าวิตกกังวลของคิมรยูจินที่ปรากฏขึ้นในตอนนั้น ทำให้บรรยากาศอันเย็นยะเยือกรุนแรงขึ้น มันเพียงพอที่จะทำให้ผู้กำกับหลายสิบคนที่ดูสิ่งนี้ต้องกลืนน้ำลายอันฝืดเคืองลงไปเลย
ในเวลานี้เอง
["อุ๊บ"]
ในบรรยากาศตึงเครียด คิมรยูจินบนนหน้าจอกลับสะดุดอย่างงุ่มง่าม การเคลื่อนไหวที่ประหลาดเขา ได้ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าของผู้ชมชั้นยอดเหล่านี้ อันที่จริง ประมาณครึ่งหนึ่งของพวกเขาต่างหัวเราะคิกคัก แน่นอนว่าบางคนก็รู้สึกประทับใจกับการแสดงของคังวูจินเช่นกัน
นั่นคือวิธีที่ ‘สำนักงานนักสืบ’ ค่อย ๆ นำผู้ชมเข้าสู่ความน่าสะพรึงกลัวของเสียง
แนวหน้าผู้ที่ดำเนินเรื่องคือคิมรยูจินแห่ง ‘สำนักงานนักสืบ’ ที่ต้องติดอยู่ในพื้นที่จำกัด เสียงกรอบแกรบดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ลมหายใจของหญิงสาวที่ซ่อนอยู่ เสียงฝีเท้าของชายร่างสูงเข้ามาใกล้และอื่น ๆ อีกมากมาย ภาพยนตร์ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่การแสดงของคิมรยูจินบนหน้าจอนั้นยอดเยี่ยมมาก
ความตึงเครียด ความเร่งด่วน ความโล่งใจ ความประหลาดใจ ความตึงเครียดที่วกกลับมาอีกครั้ง ความกลัว และความโล่งใจ
คำพูดไม่ได้มีอะไรมากนัก แต่การแสดงออกและการเคลื่อนไหวของคิมรยูจินเพียงอย่างเดียวก็ถ่ายทอดทุกอย่างออกมาแล้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างต่อเนื่อง และลมหายใจที่สั่นไหว การแสดงของเขามีรายละเอียดมาก แต่ไม่ได้ฉายออกมาชัดเจน
ทุกคนต่างหลงใหลในตัวคิมรยูจิน
‘สำนักงานนักสืบ’ ใช้วิธีการตัดต่อที่ทำให้ไม่สามารถละสายตาไปได้เลย ตั้งแต่ตอนที่คิมรยูจินเข้ามาในคฤหาสน์ มันก็ไม่มีการหยุดชะงักลงเลย มันโดดเด่นในแง่ของคุณภาพ เมื่อเทียบกับหนังสั้นเรื่องอื่น ๆ ที่เอามาฉาย ผู้ตัดสินที่นั่งอยู่ทางซ้ายอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“... นักแสดงคนนั้นมาจากไหนกัน?”
“ผมก็อยากพูดแบบนั้นเหมือนกัน ดูตาเขาที่กระตุกได้ถูกช่วงขนาดนั้นสิ ช่องว่างทางทักษะกับนักแสดงคนอื่น ๆ นั้นมันใหญ่เกินไปแล้ว”
“ว่าแต่มีใครเคยเห็นนักแสดงคนนั้นมาก่อนไหม? เขาดูไม่คุ้นหน้าเลยนะ”
จากนั้นเอง
“เขาไม่ได้เป็นที่รู้จักที่นี่ แต่เขาเคยไปต่างประเทศมาก่อนครับ”
ผู้กำกับควอนกีแท็ก ได้เริ่มแพร่ความเข้าใจผิดออกมาท่ามกลางหมู่ผู้ตัดสิน
“ผมได้ยินมาว่าเขาไปอยู่ต่างประเทศนานพอสมควรเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของผู้ตัดสินก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
"โอ้? ผู้กำกับควอน คุณรู้จักเขางั้นเหรอ?”
“เป็นนักแสดงที่คุณรู้จักงั้นเหรอ?”
"ต่างประเทศ? ที่ไหน?”
ผู้กำกับควอนกีแท็กตอบกลับมาเบา ๆ ท่ามกลางคำถามมากมาย
“ผมไม่รู้รายละเอียด เพียงแค่ได้ยินเรื่องนี้เพราะได้พูดคุยกันเล็กน้อย”
หลังจากผ่านอุตสาหกรรมละครไปแล้ว ดูท่าจำนวนผู้ติดเชื้อจากความเข้าใจผิดก็เพิ่มขึ้นมากในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เช่นกัน เมื่อ ‘สำนักงานนักสืบ’ สิ้นสุดลง ในที่สุดเสียงปรบมือก็ดังขึ้น
- แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ!!
มันดังมากกว่าผลงานทุกชิ้นที่ขึ้นแสดง
สองวันต่อมา วันที่ 7 พฤษภาคม
กำหนดการฉายของ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ซึ่งเข้มข้นขึ้นจนถึงเมื่อวานนี้ได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงกิจกรรมเดียวเท่านั้น พิธีปิดและพิธีมอบรางวัล ขณะนี้เลยเวลา 14.00 น. ไปแล้ว โดยงานจะเริ่มเวลา 15.00 น. สถานที่สำหรับพิธีปิดและมอบรางวัลอยู่ภายในอาคารสำนักงานของผู้สนับสนุน ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ คนใหม่
หากจะกล่าวให้ชัดเจนขึ้น คงต้องบอกว่ามันถูกจัดภายในห้องโถงกิจกรรมของอาคารแห่งหนึ่ง
มันเป็นห้องโถงขนาดกลางที่ใช้สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ มีที่นั่งสำหรับประมาณ 500 คนและเวทีขนาดใหญ่พอสมควรที่ด้านหน้า ภายในห้องโถงและทางเข้า ต่างคึกคักไปด้วยคนมากหน้าหลายตา
“โอ้ คุณนักเขียนพัค! ฮ่า ๆ ๆ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“โอ้ ผู้กำกับคิม เป็นยังไงบ้างคะ?”
"ก็เยี่ยมเลยครับ ฮ่าฮ่า ผมตั้งตารอละครเรื่องใหม่ของคุณอยู่นะ!”
มีนักเขียนพัคอึนมีที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีปิดและมอบรางวัลด้วย ซึ่งยามนี้ที่นั่งภายในห้องโถงกว่าครึ่งเต็มไปหมดแล้ว แม้ว่าที่นั่งหลายที่จะถูกจัดเตรียมตามชื่อไว้แล้ว แต่สาเหตุที่มันดูยุ่งวุ่นวาย อาจเพราะทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการเดินไปมาและทักทายคนรู้จักกัน
“อ๊า คุณซูจอง! คุณสนุกกับภาพยนตร์ในครั้งนี้หรือเปล่าครับ? ไว้มาร่วมงานกับเราในโปรเจกต์ถัดไปของคุณนะครับ!”
“ช่วงนี้บริษัทภาพยนตร์ของคุณเงียบไปหน่อยไหมเนี่ย?”
“ก็แหม ฉันไม่มีอะไรให้ทำเลยเลยในช่วงครึ่งแรกของปี ไว้ค่อยพยายามท้ายปีแล้วกันค่ะ”
มีคนอยู่ข้างในประมาณ 50 คนและทางเข้าก็ค่อนข้างยุ่งพอควร มีอย่างน้อย 30 คนกำลังวุ่นวายพูดคุยกันอยู่ มีการถ่ายรูป นักข่าวพร้อมด้วยกล้อง และกลุ่มแขกรับเชิญที่กำลังทยอยมากัน
ผู้สื่อข่าวกำลังยุ่งอยู่กับการถ่ายเหล่าคนมีชื่อเสียงมากหน้าหลายตา
- แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ!
- แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ!
และที่โซนถ่ายภาพภายใน ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ มีโลโก้ผู้สนับสนุน นักแสดงและผู้กำกับชื่อดังกำลังโพสท่ากันอยู่ ซึ่ง ณ ตอนนี้อย่างน้อย 100 คนได้มารวมตัวกันภายในพิธีปิดและมอบรางวัลแล้ว
ในยามนั้นเอง
-บรืน
ทีม ‘สำนักงานนักสืบ’ เพิ่งมาถึง เป็นผู้กำกับชินดงชุน ฮงฮเยยอนและคังวูจินในชุดสูท ชุดสูทของวูจินข้ากันได้ดีอย่างสมบูรณ์แบบตามที่สั่งทำมา ผมและการแต่งหน้ามีสไตล์แต่งแบบเบา ๆ ของเขายิ่งส่งเสริมความสมบูรณ์แบบไปอีก เห็นได้ชัดว่าฮันเยจุง ผู้เป็นสไตลิสต์ทำหน้าที่ได้ดีมาก
วันนี้เขากำลังเปล่งรัศมีของนักแสดงอย่างแท้จริง ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมของเขายิ่งสร้างรัศมีให้เปล่งประกายเข้าไปอีก
แต่ทว่า
'......บ้าไปแล้ว นี่มันอะไรกัน? มีคนมากมายเต็มไปหมดเลย อ้า ขาฉันสั่นไปหมดแล้ว ’
ตรงกันข้ามกับรูปร่างหน้าตาของเขา ขาของคังวูจินกลับเริ่มสั่นเล็กน้อย เพราะมันเป็นภาพที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน นักแสดงที่มีชื่อเสียง ซึ่งเขาเห็นแค่ในทีวีเท่านั้น กลับมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แถมยังมีแสงแฟลชที่สว่างปรากฏขึ้นทุกจุด นี่คือโลกที่ฉันอาศัยอยู่จริง ๆ เหรอ? ถ้าเป็นโลกอืน่ฉันจะไม่แปลกใจอะไรเลย
‘ชักรู้สึกคลื่นไส้แล้วสิ’
จากนั้นเอง
"คุณวูจิน"
ฮงฮเยยอนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาได้เรียกคังวูจิน ซึ่งเธอเองก็อยู่ในชุดสูท แต่กางเกงที่เธอสวมใส่นั้นมีทรงขาบาน ดูสวยมีสไตล์ไปอีกแบบ
“คุณเคยมางานเทศกาลภาพยนตร์มาก่อนหรือเปล่าคะ?”
"...ไม่ครับ"
“แต่ดูเหมือนคุณจะไม่รู้สึกตื่นตาหรือตกใจอะไรเลยนะคะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเทศกาลหนังสั้นที่เรียบง่าย แต่มันก็ยังเป็น เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ อยู่ดีนะ”
เรียบง่าย? นี่น่ะเหรอเรียบง่าย? สำหรับคังวูจิน แม้แต่เทศกาลภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่เขาอาจได้เข้าร่วมสักวันหนึ่ง มันก็ยังดูห่างไกลจากตัวเขามาก ในระหว่างนี้เอง ผู้กำกับชินดงชุนลูบหน้าอกของเขา
“อ่า ผมเคยเข้าร่วมงานมอบรางวัลละคร SBS อยู่บ่อยครั้ง แต่การมาเป็นผู้กำกับของเทศกาลที่นี่ ชักทำให้ผมประหม่าแล้วสิ”
ฮงเฮยอนก็ได้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“คุณผู้กำกับ นำทางไปเลยค่ะ จะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะคะ ต้องยืดไหล่ของคุณให้ตรงด้วย”
“บ-แบบนี้เหรอครับ?”
"ยิ่งกว่านี้ค่ะ"
"ขนาดนี้เลยเหรอครับ?"
"เอาอีก เอาอีกค่ะ"
สมกับเป็นนักแสดงหญิงชั้นนำ ฮงฮเยยอนเต็มไปด้วยความมั่นใจเปี่ยม สมแล้ว เธอคงเคยเคยมาที่นี่หลายครั้ง จนไม่รู้สึกตื่นตาอะไรเลย ในขณะเดียวกัน หลายคนรอบ ๆ ทางเข้าของห้องโถงสังเกตเห็นทีม ‘สำนักงานนักสืบ’ แล้ว
“โอ้ คุณฮเยยอน!”
ใครบางคนเรียกฮงฮเยยอน และนั่นกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของทุกอย่าง เกือบทุกสายตา รวมถึงผู้สื่อข่าวต่างจับจ้องไปที่พวกเขา เกิดแสงแฟลชจากกล้องขึ้น ทั้งหมดเป็นเพราะฮงฮเยยอน
“คุณฮเยยอน! มีเหตุผลอะไรที่จู่ ๆ คุณก็มาถ่ายหนังสั้นเหรอคะ?”
“หนังสั้นที่คุณถ่ายได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากเลยนะครับ! คุณฮเยยอน! คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?!”
“ฮงฮเยยอน! ตรงนี้ ตรงนี้! โพสท่าให้เราดูหน่อยค่ะ!”
เสียงที่ดังกึกก้องได้ปะทุขึ้น ที่จริง มันเป็นแค่ความรู้สึกจากในหูของคังวูจินเท่านั้น ส่วนทางด้าน ฮงฮเยยอนก็ยิ้มอย่างชื่นมื่น
-ฟึบ
ขณะมองไปที่นักข่าวหลายสิบคน เธอก็คว้าแขนของคังวูจินไว้ เขาถึงกับสะดุ้งเลย อะไรเนี่ย? ทำไมต้องจับแขนฉันด้วย? เมื่อวูจินมองเธอด้วยใบหน้าว่างเปล่า ฮงฮเยยอนก็กระซิบ
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบเรื่องแบบนี้ แต่คุณจะต้องทำตัวเป็นมิตรต่อหน้านักข่าวนะ อดทนกับมันสักหน่อยเถอะ”
สมแล้ว คังวูจินพยายามปิดซ่อนรอยยิ้มของเขาและเผชิญหน้ากับนักข่าว ขณะที่กล้องกระพริบตรงหน้า เขาก็คิดในใจว่า ‘ฉันมีเรื่องอื่นที่จะคุยโวกับเพื่อน ๆ ของฉันแล้วสิ’
เป็นเวลาหลายนาทีที่ทีม ‘สำนักงานนักสืบ’ ต้องพบปะผู้คนมากมาย
“ฮ่าฮ่า ฮเยยอน คุณถ่ายทำภาพยนตร์สั้นระหว่างที่คุณกำลังเล่นละครด้วยงั้นเหรอ? ช่างน่าทึ่งจริง ๆ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยค่ะ การถ่ายทำใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง”
“คุณรู้ไหมว่าผมประหลาดใจแค่ไหนที่ได้เห็นคุณในภาพยนตร์?”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกคน นักแสดง ผู้กำกับ พนักงาน ต่างพูดกับฮงฮเยยอนเท่านั้น บางครั้งผู้กำกับชินดงชุนก็เข้ามาคุยด้วย ไม่มีใครพูดอะไรกับคังวูจินสักคน นั่นทำให้วูจินรู้สึกโล่งใจจริง ๆ
แต่เรื่องที่น่าสนใจก็คือ
-ฟึบ
ไม่ว่าจะเป็นใคร หลังจากพูดคุยกันแล้ว พวกเขามักจะจ้องไปที่คังวูจินอย่างตั้งใจ ราวกับประเมินใบหน้าและร่างกายโดยรวมของเขา
ซึ่งทางคังวูจินก็ตอบไปด้วยการยักไหล่
‘อืม พวกเขาอาจจะแค่สงสัย เพราะใบหน้าของฉันมันไม่คุ้นเคยล่ะมั้ง’
เขาทำเป็นไม่สนใจ จากนั้นเอง
"สวัสดีครับ! คุณเป็นทีมของ ‘สำนักงานนักสืบ’ ใช่ไหมครับ? คุณสามารถเข้าไปในห้องโถงได้โดยตรงได้เลยครับ!”
ทีมงานเทศกาลภาพยนตร์คนหนึ่งวิ่งเข้ามาและทำท่าทางชี้ไปที่ด้านในของห้องโถง ทีม ‘สำนักงานนักสืบ’ เข้ามาในห้องโถงตามที่ถูกบอกทางมา ในขณะเดียวกัน สายตาที่อยากรู้อยากเห็นของคนประมาณ 50 คนที่อยู่ข้างในก็ทวีความรุนแรงขึ้น พวกเขาไม่ได้เข้าใกล้พวกเขาเหมือนข้างนอก แต่พวกเขามองดูทีม ‘สำนักงานนักสืบ‘ อย่างเปิดเผยหรือแบบซ่อน ๆ กัน
ซึ่งก็เข้าใจได้
‘อ่า นั่นนักเขียนพัค’
นักเขียนพัคอึนมี ซึ่งแต่งตัวน่าดูดีและผู้กำกับควอนกีแท็ก ซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่คณะผู้ตัดสินด้านหน้า ได้โบกมือให้กับคังวูจิน ไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่ทุกคนนั่งอยู่ ทีมงานเทศกาลได้ประกาศจากเวทีว่า
“ตอนนี้เราจะเริ่มพิธีมอบรางวัลแล้วนะครับ”
ทางคังวูจินและทีม ‘สำนักงานนักสืบ’ นั่งอยู่ตรงกลางของผู้ชมทั้งหมด วูจินอยากจะกลอกตามองไปมาเหลือเกิน อาจเป็นเพราะนักแสดงที่นั่งอยู่รอบ ๆ ตัวเขาแหละนะถึงทำให้เขากลายเป็นแบบนี้
ซึ่งระหว่างนั้นเอง
“สำหรับรางวัลหนังสั้นอันทรงเกียรติที่น่ากล่าวถึง...”
พิธีมอบรางวัลเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว นักแสดงชั้นนำหรือผู้กำกับระดับปรมาจารย์ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลต่างมารวมตัวกัน ผลงานห้าชิ้นได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วม และผลงานหนึ่งชิ้นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแต่ละรางวัลจะมีแบ่งอันดับจากทองแดงเป็นทอง ทุกครั้งที่ผู้กำกับมือใหม่ขึ้นไปบนเวทีเพื่อรับโล่และช่อดอกไม้ เสียงปรบมือก็ดังขึ้น
ผู้กำกับมือใหม่ทุกคนต่างมีสีหน้ายินดีปรีดา
จากนั้นพิธีกรก็เปลี่ยนหัวข้อรางวัล
“ตอนนี้เรามีรางวัลใหม่สำหรับนักแสดงที่โดดเด่นในปีนี้ด้วย เรามีรางวัลที่ดีที่สุดและรางวัลใหญ่พอสมควรเลย ก่อนอื่นเรามาดูรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมกันก่อนเลยครับ”
ทันทีที่พิธีกรพูดจบ
-ฟึบ
ผู้กำกับควอนกีแท็กจากที่นั่งของผู้ตัดสินได้ขึ้นไปบนเวที มีแนวโน้มว่าเขาจะเป็นผู้มอบรางวัล ในไม่ช้า ผู้กำกับควอนที่ยืนอยู่ตรงกลางเวทีก็กล่าวว่า
“ผมอยู่ที่นี่เมื่อปีที่แล้วเหมือนกับปีนี้เช่นกัน แต่ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง‘ ในปีนี้มีบางสิ่งที่พิเศษยิ่ง ผมได้เรียนรู้มากมายเลย ตอนนี้มาประกาศผู้ได้รางวัลกันดีกว่าครับ”
โดยไม่รอช้า เขามองลงไปที่กระดาษของเขาแล้วประกาศชื่อนักแสดงให้ผู้ชมทราบ
“รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม ฮงฮเยยอนจาก ‘สำนักงานนักสืบ’ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”
รางวัลยอดเยี่ยมตกเป็นของฮงฮเยยอน ทันทีที่ชื่อของเธอถูกเรียก เธอก็ลุกขึ้นยืนทันที ทว่าเสียงปรบมือก็เบาลงเล็กน้อย แต่กลับมีเสียงบ่นจากนักแสดงและแขกรับเชิญมากขึ้น
"อะไรเล่าเนี่ย? ฮงฮเยยอนได้รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมงั้นเหรอ?”
“อ่า หมายความว่าพัคจองฮยอกอาจจะได้รับรางวัลชนะเลิศด้านการแสดงใช่ไหม?”
“วันนี้พวกคุณเห็นพัคจองฮยอกบ้างไหม? ผมไม่คิดว่าผมจะเห็นเขานะ”
“แต่ฮงฮเยยอนแสดงได้ดีกว่าพัคจองฮยอกไม่ใช่เหรอ?”
ไม่ว่าอย่างไร ฮงฮเยยอนก็เพียงเผยรอยยิ้มบาง ๆ พลางขึ้นไปบนเวที ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ไม่พอใจกับการได้รับรางวัลแค่นี้ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็สยายผมยาวและยืนอยู่ต่อหน้าผู้กำกับควอนกีแท็กและรับถ้วยรางวัลมา
"ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ"
“ขอบคุณค่ะ คุณผู้กำกับ”
ถ้วยรางวัลที่เธอได้รับมีรูปทรงกล้องและโลโก้ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ อยู่บนนั้น ต่อไป เป็นตาของฮงฮเยยอนที่จะพูด ต่อไป เป็นเวลากล่าวสุนทรพจน์ของฮงฮเยยอน ทว่าเธอเพียงแค่มองไปที่ถ้วยรางวัลของเธอและไม่ได้พูดอะไรเป็นเวลาประมาณ 10 วินาที
หลังจากนั้น ฮงฮเยยอนก็กล่าวกับผู้ชมประมาณร้อยคน
“ก่อนอื่นเลย ต้องขอบคุณมากเลยนะคะ ฉันมาที่นี่โดยไม่ได้คาดหวังเลย เพราะนักแสดงคนอื่นแสดงได้ดีกันมาก ดังนั้นฉันจึงประหลาดใจเล็กน้อย”
เธอยังคงพูดต่อไปอย่างราบรื่น
“ฉันอยากจะขอบคุณผู้กำกับชินดงชุนที่สร้าง ‘สำนักงานนักสืบ’ อันน่าทึ่งขึ้น ขอบคุณทีมงานที่ทำงานหนักกับเราในช่วงเวลาสั้น ๆ และนักแสดงที่ฉันทำงานด้วย”
ในขณะที่ฮงฮเยยอนกำลังจะพูดจบ ทันใดนั้นเธอก็พูดเสริมว่า
“อีกอย่างหนึ่ง”
เธอมองไปที่คังวูจินที่นั่งอยู่ตรงกลางและกล่าวไปว่า
"ฉันขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับคุณด้วยนะคะ!"
คำขอบคุณของเธอ ทำให้หลายคนเอียงศีรษะสงสัยว่าเธอแสดงความยินดีกับเขาเรื่องอะไร ทว่าเธอไม่คิดอธิบายอะไรอีก ฮงฮเยยอนทักทายทุกคนและกลับไปยังที่นั่งของเธอ
โดยในเวลาเดียวกันนั้นเอง
"ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ต่อไปคือรางวัลชนะเลิศด้านการแสดง”
พิธีกรรางวัลต่อไป
“ผู้กำกับเคียวทาโร่ ทาโนกุจิ ขอเชิญให้เป็นผู้มอบรางวัลนี้ด้วยครับ”
รางวัลชนะเลิศด้านการแสดง กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันบ่งบอกถึงผู้ที่เก่งกาจที่สุดในหมู่นักแสดงที่มาร่วมแสดงใน ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ของปีนี้ แขกส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ดูหนังสั้น ต่างคาดเดาว่าพัคจองฮยอกเป็นผู้ได้มันไปครอง เพราะฮงฮเยยอนได้แค่รางวัลยอดเยี่ยม
ไม่นานนัก
-ตึก ตึก
ผู้กำกับเคียวทาโร่ ทาโนกุจิ ผู้มีผมสั้นที่เต็มไปด้วยสีเทาได้ก้าวขึ้นไปบนเวที เขาเป็นผู้กำกับชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเสียงในด้านผลงานมากมายและได้รับเชิญเป็นพิเศษให้เข้าร่วมงาน ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ เขาสวมรอยยิ้มที่น่ารื่นรมย์และพูดว่า
“光栄です (ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง)”
เขากล่าวความรู้สึกสั้น ๆ ต่อผู้ชม
“ขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้ยืนอยู่บนเวทีอันล้ำค่าเช่นนี้โดยไม่คำนึงถึงแค่สัญชาติของผม ผมจะขอทำหน้าที่เป็นผู้กำกับที่รักศิลปะและภาพยนตร์สั้นในครั้งนี้”
ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาซึ่งเป็นนักแปลได้ตีความคำพูดของเขาเป็นภาษาเกาหลีให้ทุกคนฟังอย่างรวดเร็ว ทันทีที่การแปลเสร็จสิ้น ผู้กำกับเคียวทาโร่ก็ก้มลงมองกระดาษที่ยื่นให้เขา
“รางวัลชนะเลิศด้านการแสดง…”
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้กำกับเคียวทาโร่ก็ตะโกนใส่ไมโครโฟนที่ยืนอยู่
“ยินดีด้วยกับ นักแสดงคังวูจินจากเรื่อง ‘สำนักงานนักสืบ' ครับ!”
คังวูจิน ในงาน ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ คังวูจินที่แทบไม่รู้จักได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ เขายังกวาดรางวัลนักแสดงจากเรื่อง ‘สำนักงานนักสืบ’ มาอีกด้วย สิ่งที่แปลกคือ ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ เสียงปรบมือไม่ได้ดังขึ้นทันทีจากเหล่าแขกรับเชิญที่มาร่วมงาน
“คัง…ใครนะ?”
"หา? คังวูจิน?”
"เอ๊? ต้องเป็นพัคจองฮยอกไม่ใช่เหรอ?”
“คัง…วูจินคือใครกัน? ฉันไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลย”
“ถ้าอย่างนั้น นักแสดงคนนี้ที่ชื่อคังวูจินชนะฮงฮเยยอนงั้นเหรอ?”
“เขาเป็นใครเนี่ย? แล้วเขาอยู่ที่ไหนกัน?”
นักแสดง ทีมงานและผู้คนมากมาย หากพวกเขาไม่ได้ดู ‘สำนักงานนักสืบ’ หรือไม่รู้จักคังวูจิน มันก็ย่อมเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติ ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปรอบ ๆ มองหาใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย เขาเป็นใคร? เป็นใครกันแน่? จากนั้น เสียงปรบมือก็ดังขึ้นมา
-แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ
คังวูจินที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งด้วยสีหน้าสงบนิ่งได้ลุกขึ้นยืน จากนั้น ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที ‘โอ้นั่นเขาเหรอ?’
“ทำไมเขาดูไม่มีความสุขเลยล่ะ? สีหน้าของเขาดูเย็นชามาก”
“เป็นเพราะเขาประหม่าเกินไปหรือเปล่านะ?”
“เขาดูไม่เหมือนคนได้รางวัลนี้เลยแฮะ”
“ว่าแต่คนนี้ใครกัน?” มีใครรู้จักเขาบ้างไหม?”
“เขาได้รับรางวัลชนะเลิศด้านการแสดงไป แต่ไหงไม่มีคนรู้จักเขากัน? ว้าว มีคนที่หลายคนไม่รู้จักได้ขึ้นไปบนเวทีด้วยเหรอ?”
วูจินไม่สนใจเสียงพึมพำพวกนั้น เขาเดินไปบนเวทีอย่างมั่นคงด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ไม่ลังเล ไม่สะทกสะท้าน เขาแค่เยือกเย็น ทว่า มันกลับมีความผิดพลาดเล็กน้อยในระหว่างการก้าวของเขา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นก็เถอะ
ต่อจากนั้น
“······”
ในชุดสูทเต็มรูปแบบ คังวูจินเดินขึ้นไปบนเวทีที่ผู้กำกับเคียวทาโร่ยืนอยู่ ผู้กำกับเคียวทาโร่ที่มีศีรษะเต็มไปด้วยผมหงอกตาเป็นประกายทันทีที่วูจินยืนอยู่ตรงหน้าเขา ราวกับว่าเขาได้เชยชมสมบัติที่เขาปรารถนา จากนั้นเอง นักแปลที่ยืนอยู่ข้างผู้กำกับเคียวทาโร่ก็พูดกับคังวูจิน
“คุณยืนอยู่ข้างหลังไกลเกินไปแล้วนะครับ”
“ช่วยก้าวมาข้างหน้าได้ไหม?”
"ครับ ครับ"
"ผมขอโทษที"
“แบบนี้ดีแล้วครับ”
จากนั้น ผู้กำกับเคียวทาโร่ก็รับถ้วยรางวัลและช่อดอกไม้จากทีมงานที่อยู่ข้าง ๆ แล้วจึงส่งให้คังวูจินพร้อมกับพูดด้วยความดีใจเป็นภาษาญี่ปุ่น
"ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ! ผลงานของคุณยอดเยี่ยมจริง ๆ ”
ตอนนั้นเอง ประโยคสั้น ๆ ในภาษาญี่ปุ่นเหมือนที่นักแปลตีความได้หลุดออกมาจากปากของชายผู้หนึ่ง
“ありがとうございます, 監督 (ขอบคุณครับคุณผู้กำกับ)”
คังวูจินที่มีใบหน้านิ่งเหมือนโป๊กเกอร์ ได้ตอบกลับเป็นคนแรกในภาษาญี่ปุ่นอย่างคล่องแคล่ว
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณชอบ ‘สำนักงานนักสืบ' ครับ”
ในเวลานั้น นักแปลที่อยู่ข้าง ๆ เขากะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความประหลาดใจพลางมองไปที่คังวูจินที่ดูเฉยเมย
‘อ-อะไรเนี่ย...เฮ้! ทำไมการออกเสียงของนายถึงดีกว่าของฉันขนาดนั้นกันเล่า?'
*****