บทที่ 179 บดขยี้จนเป็นชิ้นเนื้อ!
“หยางเสิน!”
กู่ซี องค์ชายแห่งอาณาจักรกู่เจี้ยนตะโกนสุดเสียงด้วยสีหน้าตื่นเต้นยิ่งกว่าเหล่าคนจากสำนักเสินเจี้ยนเสียอีก
สุดยอดวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูง หยั่งรู้ศิลากระบี่ร้อยเล่มจนมีตำแหน่งเป็นเจ้าตำหนักกระบี่แห่งสำนักเสินเจี้ยน ที่ไม่เคยมีผู้ใดได้ครองตำแหน่งนี้มาเป็นเวลากว่าหลายร้อยปีแล้ว
และตอนนี้ เขายังสามารถหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุดได้สำเร็จ นับว่าพรสวรรค์ด้านการหลอมโอสถแก่กล้าพอๆ กับทักษะด้านวรยุทธกระบี่ชั้นยอด
ผู้ถือว่าเป็นอัจฉริยะแท้จริงเช่นหยางเสี่ยวเทียน จะไม่ให้เขานับถือแลศรัทธาจนแทบคลั่งได้อย่างไร
“หยางเสิน!”
เหล่าปรมาจารย์กระบี่แห่งอาณาจักรกู่เจี้ยน และบรรดาปรมาจารย์นักปรุงโอสถทั้งหมด ก็ร่วมตะโกนอย่างบ้าคลั่งไม่น้อยหน้าเขาเช่นกัน
ในลานแข่งเพลานี้ ศิษย์จากสำนักหลักอื่นๆ พร้อมทั้งเหล่าวิญญาจารย์ของตระกูลน้อยใหญ่ ต่างเปล่งเสียงเรียกหยางเสินด้วยความปลาบปลื่มยินดี กระทั่งรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ประจักษ์เห็นพรสวรรค์เขาเองกับตา มิใช่จากเพียงข่าวลือ
แม้แต่หลินหยงและเฉินหยวนก็ยังอดกลั่นเอ่ยร้องเรียกนามเขาไม่ได้ หลังปล่อยให้ผู้คนนำหน้าไปอยู่ครู่
ระหว่างทั้งสองมองเน้นหาหยางเสี่ยวเทียนกลางลานแข่ง ความรู้สึกปลื่มเปรมแลภาคภูมิใจในตัวเขา กลับยิ่งเหนียวแน่นทวีขึ้นไปอีก
พวกเขาภูมิใจ ที่ได้เป็นเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักเสินเจี้ยน ที่มีศิษย์อัจฉริยะเช่นหยางเสี่ยวเทียนเป็นถึงเจ้าตำหนักกระบี่ ครองตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเสินเจี้ยน อันนำพาพวกตนเชิดอกได้อย่างสมเกียรติ
ยิ่งกว่านั้น ชื่อเสียงของสำนักเสินเจี้ยนทั่วทั้งอาณาจักรตอนนี้ คงมิมีผู้ใดไม่รู้จักและต้องการเข้าร่วมเป็นศิษย์ รวมกระทั่งเหล่าอัจฉริยะจากทั่วทุกมุมโลก
เฉิงเป่ยเป่ยพร้อมเหล่าองครักษ์รอบกาย ถูกรายล้อมไปด้วยสุ้มเสียงของผู้คนทั้งอัฒจันทร์จนหูอื้ออีกครั้ง นางยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนขณะจับจ้องไปที่โอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุด ก่อนพึมพำกับตนเอง โดยหามีผู้ใดล่วงรู้ไม่ ว่านางกำลังพูดถึงอะไร
หยางเสี่ยวเทียนยืนนิ่ง แม้สีหน้าจะปรากฏอารมณ์รู้สึกยินดีต่อความชื่นชมสรรเสริญจากผู้คนโดยรอบเพียงเล็กน้อย แต่ยิ่งได้ยินเสียงร้องตะโกนเรียกนามด้วยตื่นตาของทุกคน เขาก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ต้องปฏิบัติตนเช่นไรนอกจากต้องฉีกยิ้มเจียมๆ อย่างถ่อมตัวขณะใบหน้าน้อยๆ ขาวซีดพลางแดงก่ำ
หากเขาไม่จงใจลดคุณภาพของโอสถวิญญาณหลงหู่ให้เป็นเพียงระดับสูงสุด แล้วเผลอพลั้งลืมตัวหลอมได้ระดับสวรรค์ขึ้นมาละก็…
เพราะการที่เขาอายุเพียงเท่านี้ ทั้งยังเพิ่งปลุกวิญญาณยุทธไม่ถึงปี แต่กลับสามารถทำสิ่งที่ปรมาจารย์นักปรุงโอสถทุกคนไม่สามารถทำได้ มันอาจส่งผลกระทบหรือแรงกระเพื่อมด้านดีและร้ายเกิดกว่าจะคาดการณ์ตามมามหาศาล
ซึ่งถ้าครู่นั้นเขาพลาดหลอมโอสถระดับสวรรค์ขึ้นมาจริง ตามความรู้สึกเขาต่อผู้คนอันเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าเพลานี้ ทั้งหมดอาจเร่งรีบเข้าเสนอตัวสร้างความชมชอบ หรือไม่ ก็บดขยี้เขาจนเป็นชิ้นเนื้อ
การแข่งขันหลอมโอสถของเหล่านักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาวยังไม่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม เฉิงหลง เฉินจื่อหาน เติ้งอี้ชุน หูซิง และคนอื่นๆ กลับไม่สามารถมุ่งความสนใจไปที่การหลอมโอสถของตนเพลานี้ได้ แม้จะพยายามสงบสติอารมณ์ให้ผ่อนคลายลงเท่าไร ภาพโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุดของหยางเสี่ยวเทียน กลับยิ่งตราตรึงในหัวมิจางไปไหน
ในระหว่างกระบวนการหลอมโอสถ การกระทำทุกอย่างของพวกเขามักเกิดข้อผิดพลาดจนท้ายที่สุด ก็ไม่มีใครสามารถหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ได้สำเร็จ
แม้แต่เฉิงหลงผู้มีเปลวไฟซากวิญญาณศีตละไว้ในครอบครอง ก็ยังสามารถหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ได้เพียงระดับต่ำสุดเท่านั้น
โอสถระดับต่ำสุด นับว่าเป็นของด้อยคุณภาพ ไม่มีกระทั่งคุณสมบัติอันสมควรนำมาเพิ่มเป็นคะแนนได้ด้วยซ้ำ
ครั้นเฉิงหลงมองดูโอสถวิญญาณหลงหู่เม็ดสีดำที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าตน มันไม่ส่งกลิ่นหรือสร้างความภาคภูมิใจใดๆ ให้แก่เขาเลยนอกจากความอับอายแลอัปศย!
เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่หยางเสี่ยวเทียนหลอมออกมา โอสถวิญญาณหลงหู่ของเขาคุณภาพด้อยกว่ามาก กระทั่งผู้คนเข้าใจผิดว่าพวกเขาหลอมโอสถคนละประเภท
สุดท้าย อันดับหนึ่งในการแข่งขันหลอมโอสถของนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาว ก็ตกเป็นของหยางเสี่ยวเทียนอย่างไม่ต้องสงสัย
หลี่เหวินมอบรางวัลสำหรับผู้ครองอันดับหนึ่งในการแข่งขันให้กับหยางเสี่ยวเทียน ขณะเขามองเด็กน้อยตรงหน้า เวลาเดียวกัน อารมณ์ความรู้สึกในใจเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยชื่นชมแลเชื่อมั่นอย่างยิ่ง
“คงอีกไม่นาน สหายตัวน้อยของข้า คงเป็นที่กล่าวขานไปทั่วดินแดนชางเสินแน่นอน” หลี่เหวินกล่าวด้วยรอยยิ้มปิติยินดี
ตอนนี้ ดินแดนที่หยางเสี่ยวเทียนอยู่ เรียกว่าดินแดนชางเสิน
แต่ดินแดนชางเสินแห่งนี้ นับว่ากว้างใหญ่ไพศาลและไร้ขอบเขต มีจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่หลายสิบ ที่รายล้อมไปด้วยอาณาจักรแลสำนัก รวมทั้งตระกูลผู้ทรงอำนาจมากมายสุดคณานับ ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเหล่านั้น
“ท่านปรมาจารย์หลี่ ชมกันเกิดไปแล้ว” หยางเสี่ยวเทียนน้อมรับของรับรางวัล พร้อมกล่าวน้ำคำอย่างสุภาพ
ของรางวัลสำหรับการแข่งขันหลอมโอสถระดับนักปรุงโอสถหนึ่งดาวค่อนข้างใจกว้าง อย่างแรกคือโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสวรรค์ สองคือคัมภีร์สำหรับหลอมโอสถขั้นเซียนเทียน สามคือเตาหลอมโอสถ ซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณขั้นสูง ส่วนของชิ้นสุดท้ายคือหินวิญญาณระดับต่ำอีกสิบก้อน
อย่างไรก็ตาม ครั้นพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้แล้ว หยางเสี่ยวเทียนก็แอบส่ายหัวในใจเงียบๆ
สิ่งเหล่านี้ อาจเป็นของรางวัลอันล้ำค่าสำหรับผู้อื่น แต่มันไม่มีประโยชน์สำหรับเขาเลย โดยเฉพาะโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสวรรค์ เพราะทุกวันนี้ สิ่งที่เขากลืนลงไปคือโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์ ซึ่งมีความบริสุทธิ์มากกว่า
สำหรับเตาหลอมที่เป็นอาวุธวิญญาณนั้น เขาสามารถหลอมใช้เองได้อย่างแน่นอนและเป็นระดับอาวุธวิญญาณขั้นสุดยอดกว่านี้ด้วย
แต่มีของรางวัลเพียงสิ่งเดียวที่เป็นประโยชน์สำหรับเขาตอนนี้คือ หินวิญญาณระดับต่ำสิบก้อน
หินวิญญาณเหล่านี้ ควบแน่นมาจากพลังทางจิตวิญญาณของสวรรค์และโลก มันสามารถนำไปใช้ในการบำเพ็ญบ่มเพาะได้โดยตรง นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสกุลเงินอันสำคัญที่ใช้กันทั่วไปตามหอสมาคมการค้าหลายแห่ง
หินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งก้อน มีมูลค่าเทียบเท่าทองหนึ่งหมื่นเหรียญ