บทที่ 178 เป็นส่วนหนึ่งของเตาหลอม
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่หยางเสี่ยวเทียนตวัดปลายนิ้วท่ามกลางสายตาทุกคู่ มวลประกายไฟจะพุ่งเข้าโจมใส่สมุนไพรด้วยความแม่นยำกระทั่งสมบูรณ์แบบ
ทั้งความรุนแรงของเปลวไฟที่เขาควบคุม ยังคงความเสถียรได้อย่างเหมาะสม ทำสมุนไพรที่ควรจะไหม้ด้วยถูกไฟโดยตรง มิมีแม้ปรากฏหรือส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ใดให้รับรู้เลย
หากมองเพียงผ่านๆ ตา พวกเขาคงไม่คิดอะไรมาก แต่ครั้นเพ่งพินิจอย่างละเอียดถี่ถ้วน มันกลับน่าอัศจรรย์มาก
เวลานี้ สมุนไพรที่ลอยนิ่งให้ผลาญจวนแทบละลายนั้น ได้ตกลงในเตาหลอมโอสถด้านล่าง พร้อมถูกละลายเป็นของเหลวจนหมด ด้วยประกายไฟจากหยางเสี่ยวเทียนผู้โถมเข้าใส่อย่างทันที
ส่วนเหล่าสมุนไพรที่เหลือต่อจากนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็ใช้วิธีผลาญมันแบบเดียวกัน ระหว่างหลอมสมุนไพรทั้งหมดในเตาหลอมรอให้ละลาย เปลวไฟจากเขากลับหาได้ขาดช่วงด้วยเหน็ดเหนื่อยไม่
กระทั่งสมุนไพรหลายสิบชนิด พลันละลายกลายเป็นของเหลวโดยไม่รู้ตัว
หยางเสี่ยวเทียนดีดนิ้วอีกครั้ง มวลเปลวไฟหลายสิบลูกพร้อมพุ่งโถม โจมเข้ายังเตาหลอมจนเริ่มหมุน เวียนช้าๆ อยู่สองถึงสามหนประดุจมีกลไกลจากคน คอยพยุงหมุนได้อย่างมั่นคงมิมีเอนหรือเอียง
ระหว่างที่มันหมุนวนอยู่นั้น ควันจางๆ ของโอสถก็พลันลอยปรากฏออกมาเหนือเตาหลอม
หยางเสี่ยวเทียนตวัดปลายนิ้วต่อไป ซึ่งทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหวนิ้วทั้งสอง มวลประกายไฟหลายสิบลูก จะพุ่งโถมเข้ากับเตาหลอมโอสถอย่างพร้อมเพรียง
จากระยะไกล ผู้คนต่างรู้สึกราวกับมองดูฝนดาวตกอันน่าพึงใจยามกลางวัน ครั้นมันโจมกระทบกับเตาหลอมโอสถ เปลวไฟก็พร้อมสาดกระเด็นออกมาอย่างงดงาม
ในเตาหลอมโอสถ ควันจากโอสถยังคงลอยออกมามิขาดสาย ทักษะการหลอมโอสถอันเป็นเอกลักษณ์นี้ เป็นที่เปิดหูเปิดตาสำหรับทุกคนยิ่งนัก
แทบทุกอย่างที่อยู่ในมือหยางเสี่ยวเทียนเช่นการหลอมโอสถ มันกลับไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่เป็นศิลปะการแสดงทักษะอันงดงามมีเสน่ห์หรือไม่… เพียงการแสดงทักษะเช่นนี้น่าประหลาดใจยิ่ง
แม้แต่หลิวอัน ผู้เป็นหนึ่งในนักปรุงโอสถไม่กี่คนจากจักรวรรดิเทียนโต้ว ยังประสบเห็นทักษะนี้เป็นครั้งแรก และเพิ่งได้รู้ว่ามีการหลอมโอสถเช่นตรงหน้าด้วย
เขาหันหาผู้เป็นอาจารย์หมายจะถามให้หายสงสัย แต่กลับพบว่าอาจารย์ตน ก็จดจ้องมองหยางเสี่ยวเทียนภายใต้สายตาอันฉงนใจเช่นกัน
อูฉีเพลานี้ เขาหาได้สนใจสิ่งรอบข้างไม่ นอกจากเพ่งมองท่วงท่าที่หยางเสี่ยวเทียนเคลื่อนไหว ในสายตาอันมุ่งมั่นของเขา ทุกอิริยาบถหยางเสี่ยวเทียนนั้น มันช่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบไปเสียหมด
หยางเสี่ยวเทียนผู้ยืนอยู่กลางลานแข่ง ประดุจเป็นส่วนหนึ่งของเตาหลอมโอสถพร้อมไฟแห่งสวรรค์และโลกยังหลอมรวมกับเขาได้อย่างบริบูรณ์
เมื่อฝึกฝนเพลงกระบี่จนเชี่ยวชาญถึงขั้นวรยุทธไร้เทียมทาน สภาวะกระบี่รวมเป็นหนึ่งกับกายผู้ฝึกจะเกิดขึ้น
การหลอมโอสถ ก็มีสภาวะที่ร่างกายของนักปรุงโอสถเป็นหนึ่งเดียวกับเตาหลอม ซึ่งหยางเสี่ยวเทียนตอนนี้ เขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเตาหลอมแล้วเช่นกัน
ครั้นเขาบรรลุสภาวะการเป็นส่วนหนึ่งระหว่างเตาหลอมแล้ว ทักษะการหลอมโอสถก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
อูฉีตัดขาดจากทุกสิ่งยังโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง กระทั่งเวลาที่เอาแต่เหม่อมองหยางเสี่ยวเทียนเพียงผู้เดียว ก็ดูเหมือนจะเชื่องช้าลง
แต่เมื่อหยางเสี่ยวเทียนหยุดการเคลื่อนไหวลงกะทันหัน อูฉีก็พลันรู้สึกสูญเสีย ขณะจ้องหยางเสี่ยวเทียนอย่างเต็มสติอีกครั้ง นันย์ตาเขากลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้เขายังไม่มั่นใจ แม้ประจักษ์เห็นเองกับตา ว่าหยางเสี่ยวเทียนพิชิตเปลวไฟดาราได้จริง และถึงมารู้ทีหลัง ว่าหยางเสี่ยวเทียนหยั่งรู้ศิลากระบี่ทั้งร้อยพร้อมกลายเป็นเจ้าตำหนักกระบี่จนเริ่มประหลาดใจ แต่ความไม่เชื่อใจยังคงเหนียวแน่นอย่างสมบูรณ์
ซึ่งสิ่งที่กล่าวข้างต้นนั้น หาใช่ความรู้สึกต่อหยางเสี่ยวเทียนเพลานี้ ที่มันเปลี่ยนไปพร้อมศรัทธาเขาอย่างมิมีข้อกังขาอีกอื่นใดจนหมดสิ้นแล้ว
แววตาแน่วแน่ระหว่างมองหยางเสี่ยวเทียนพร้อมกำหมัดแน่น ขณะนี้ อูฉีได้ตัดสินใจแล้วว่าจะรู้สึกอย่างไรกับเด็กน้อยผู้เป็นเจ้าชีวิตตน
หลังจากหยางเสี่ยวเทียนหยุดนิ่งไปนานแล้ว ผู้คนโดยรอบกลับยังคงจมอยู่กับฉากการหลอมโอสถของเขามิคลาย โดยเฉพาะหลี่เหวิน อู๋ฉี และคนอื่นๆ ที่ยังฉายภาพท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกในตอนนี้
การได้ประสบเห็นทักษะหลอมโอสถของหยางเสี่ยวเทียนเมื่อสักครู่ ทำพวกเขารู้แจ้ง
ซึ่งการได้รู้แจ้งที่ว่านี้ ทำลายพันธนาการเกี่ยวกับทักษะ กระทั่งความแข็งแกร่งในการหลอมโอสถที่พวกเขาล่วงรู้มาตลอดชีวิตสิ้น
ทุกคนยังคงนิ่งเงียบ กระทั่งหยางเสี่ยวเทียนเปิดปากรบกวนให้ผู้ประเมินโอสถทำการตรวจสอบ หลี่เหวินและคนอื่นๆ ถึงตื่นจากสภาวะรู้แจ้งดังกล่าวแต่ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนนัก
ครั้งนี้ หลินหยวนยังทำหน้าที่เป็นผู้ประเมินส่วนตัวให้แก่หยางเสี่ยวเทียนเช่นเดิม
ซึ่งความรู้สึกเป็นกังวลแลหวั่นวิตกขณะย่างใกล้เตาหลอมโอสถ ก็ยังคงเดิมอย่างมากเช่นกัน
เขาชะเง้อมองเข้าไปในเตาหลอม ก่อนประจักษ์เห็นเม็ดโปร่งใสดั่งหยกบริสุทธิ์ของโอสถ นอนนิ่งที่ก้นเตาหลอมเงียบๆ แต่ครั้นมีเงาคนรบกวน เสียงมังกรและเสือพลันส่งคำรามทันที
ภายในเม็ดใสบริสุทธิ์ที่ว่า ปรากฏมีร่างรางจางๆ ของมังกรและเสือเวียนวนกันอยู่จริง
หลินหยวนพยายามควบคุมมืออันสั่นเทาให้นิ่ง ขณะเทโอสถในเตาหลอมลงจานหยกที่เตรียมไว้ภายใต้สายตาทุกคนผู้เฝ้าจับจ้อง
แกร๊ง!
จานหยกส่งเสียงกระทบ พร้อมการกลิ้งเคลื่อนไหวของเม็ดโอสถชัดเจน
หลี่เหวิน อู๋ฉี เฟิงซิง เผิงจื้อกังและคนอื่นๆ ต่างรู้สึกราวกับหายใจไม่ออกเมื่อเห็นมันอย่างถนัดชัดตา
“ระดับสูงสุด โอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุด!”
แม้ระดับสวรรค์แทบเป็นเรื่องยากจะพบเจอ แต่โอสถระดับสูงสุดกลับพอมีให้ปรากฏในสมาคมการค้าต่างๆ อยู่บ้าง
ทันทีหลังเฉิงหลง เฉินจื่อหานกับคนอื่นๆ เห็นโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุดที่หลินหยวนเทไป พวกเขาพลันรู้สึกสิ้นหวังพร้อมโชคที่เพิ่งรอดชีวิตมาได้ ก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
ใบหน้าพวกเขาทุกคน ล้วนไม่มีสีอื่นใดปนนอกจากสีเทาสนิท
ระหว่างทุกสิ่งอย่างพลางเงียบสงบ
“หยางเสิน!”
“หยางเสิน!”
ทันใดนั้น บรรดาอาจารย์และเหล่าศิษย์ของสำนักเสินเจี้ยน กลับพากันยกแขนร้องตะโกนนามที่คุ้นเคยออกมาได้อย่างสง่าผ่าเผยเต็มเสียง