ตอนที่แล้วบทที่ 10 หุบเขาเมฆาทมิฬ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12 วิญญาณยุทธ์อันน่าสะพรึง

บทที่ 11 หมาป่าเกล็ดดำ!


หลังออกจากเมืองฉีซานแล้ว หลัวเฉิงก็เร่งฝีเท้าขึ้น และมาถึงหุบเขาเมฆาทมิฬในอีกชั่วยามต่อมา

ครั้นมองจากระยะไกล หุบเขาเมฆาทมิฬก็ดูคล้ายคลาดั่งมังกรดำ ที่ไร้หัวไร้หางประหนึ่งลอยอยู่เหนือผืนปฐพีนี้ อีกทั้งยังแผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงปกคลุมไปทั่ว

หลัวเฉิงเลือกที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตามชายขอบป่า โดยมิได้หยั่งลึกเข้าไปกลางหุบเขาแต่อย่างใด

เนื่องจาก เขาอยู่เพียงขั้นหลอมกายาระดับหก และไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้จริงมาก่อน ในสถานที่อันตรายเช่นนี้ ควรระมัดระวังให้มาก จึงตัดสินใจหาประสบการณ์แถวชายขอบป่าเท่านั้น

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ท่ามกลางป่าทึบแห่งนี้ มันคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอันน่าสะอิดสะเอียน

หลัวเฉิงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งโดยรอบเต็มไปด้วยซากศพสัตว์ร้ายห้าตัว พวกมันแต่ละตัวล้วนมีสภาพแหลกเละ จนแทบจำไม่ได้ว่ามันเป็นสัตว์ร้ายชนิดไหน

ด้วยการต่อสู้จริงอยู่ในป่าสามวัน ทำให้ประสบการณ์การต่อสู้ของหลัวเฉิงเพิ่มขึ้นไม่น้อย จากที่รู้สึกกระวนกระวายในตอนแรก  มาบัดนี้เขากลับสามารถลงมือสังหารได้อย่างมิมีหวั่นเกรง แม้นต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายหลายตัวก็ตาม

นอกจากนี้ เพลงหมัดสยบภูผาของเขา ก็ยังมีความก้าวหน้าทวีมากขึ้นอีกด้วย ทุกครั้งที่ชกหมัดออกไป อากาศโดยรอบจะบิดตัวขาดสะบั้นจนส่งเสียงคำราม

แม้นกระนั้นแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าพลังยุทธ์จะมีความก้าวหน้าขึ้นแต่อย่างใด เขายังคงอยู่ในขั้นหลอมกายาระดับหกเช่นเคย

“มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับเจ็ด ปราการด่านสุดท้ายนี้ช่างยากเย็นนัก” หลัวเฉิงพึมพำกับตนเอง

ระหว่างนั้น เขาก็ส่ายศีรษะและทอดสายตามองลึกเข้าไปในป่าทึบ ด้วยใจที่คิดว่า หากฝึกอยู่รอบนอกนี้ต่อไปเกรงจะไม่สามารถเลื่อนระดับพลังยุทธ์ได้

แต่ทว่า ลึกเข้าไปในหุบเขาเมฆาทมิฬ มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ ซึ่งมันอาจช่วยกระตุ้นศักยภาพในตัวได้

สัตว์อสูรมีวิญญาณสัตว์อยู่ภายในร่างกาย ซึ่งมันสามารถดูดซับปราณแห่งสวรรค์และโลก เพื่อใช้ในการบำเพ็ญตบะได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็พลันรุดหน้าเข้าป่าลึกทันที ระหว่างวิ่งเขาก็กวาดสายตาไปรอบข้างอย่างละแวกระวัง

ไม่นานนัก หลัวเฉิงก็มุ่งลึกเข้าไปในป่าราวยี่สิบหรือสามสิบลี้ รอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่จนสามารถบดบังท้องฟ้า และแสงจากดวงอาทิตย์ได้

กรร!

เสียงคำรามดังขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนร่างทะมึนดำจะพุ่งเข้ามา พร้อมกับจิตสังหารอันรุนแรง

หลัวเฉิงรับรู้ถึงการมาของมัน ก็หันร่างตนกระโจนหลบออกไปราวกับลูกเกาทัณฑ์

ปัง!

กรงเล็บแหลมคมฟาดผ่านหลัวเฉิงไปอย่างเฉียดฉิว มันกระแทกเข้าที่พื้นจนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ไม่ถึงลมหายใจ เงาดำขนาดใหญ่ที่มีแววตาดุร้ายก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

“หมาป่ายักษ์สีดำ!” หลังเฉิงอุทานด้วยประหลาดใจ

หมาป่ายักษ์ตัวนี้ มีลำตัวยาวถึงหกฉื่อ ซึ่งทั้งร่างของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำวาวอันเย็นเยือก

“หมาป่าเกล็ดดำ! สัตว์อสูรระดับกลางหนึ่งดาว!” หลัวเฉิงรู้ในทันที ว่ามันเป็นสัตว์อสูรชนิดไหน หลังได้เห็นรูปลักษณ์อันน่าเกรงขามของมัน

สัตว์อสูรระดับหนึ่งดาวมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นหลอมกายา และสัตว์อสูรระดับกลางหนึ่งดาว มีความแข็งแกร่งเช่นเดียวกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหลอมกายาระดับกลาง

หมาป่าเกล็ดดำ เป็นสัตว์อสูรระดับหนึ่งดาว ที่พบได้ทั่วไปในหุบเขาเมฆาทมิฬ ทั่วร่างของมันมีเกล็ดปกคลุมอยู่ ซึ่งเกล็ดเหล่านี้แข็งพอๆ กับเหล็กกล้า ทั้งมันยังมีนิสัยดุร้ายนัก!

กรร!

ทันใดนั้น ดวงตาของหมาป่าเกล็ดดำก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ มันคำรามแล้ววิ่งเข้าหาหลัวเฉิงอีกครั้ง

สีหน้าหลัวเฉิงเข้มขึ้น แล้วพลันตะโกนดังลั่นสนั่นป่า “เข้ามา! ข้าจะใช้โอกาสนี้ฝึกฝนกับเจ้า!”

สิ้นเสียง หลัวเฉิงรีบพุ่งไปประจันหน้ากับมันโดยตรง แววตาเขาเยือกเย็น ไม่มีหวั่นเกรงแม้แต่น้อย

ท่ามกลางป่าทึบ ปรากฏสองร่างพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งสองนั้นล้วนเต็มไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า

“เพลงหมัดสยบภูผา!” หลัวเฉิงคำรามเสียงต่ำ เขากระชับหมัดแน่นแล้วชกออกไปในทันที

ปัง!

สองร่างปะทะกันอย่างรุนแรงเสียงดังสนั่นไปทั่วป่า จนส่งผลให้หมาป่าเกล็ดดำถอยหลังไปสี่หรือห้าก้าว ขณะที่หลัวเฉิงเองก็ปลิวถอยหลังไปเกือบสามสิบฉื่อ!

หมาป่าเกล็ดดำตัวนี้อยู่ในช่วงปลายของระดับกลางแล้ว และความแข็งแกร่งของมันก็เทียบเท่ากับขั้นหลอมกายาระดับเจ็ด!

บูม!

ด้วยแรงปะทะครั้งต่อมา ทำเอาหลัวเฉิงถึงกับทรุดเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น พร้อมเลือดที่ไหลจากมุมปากเล็กน้อย แต่กระนั้น เขาก็เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเขากับสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น

ในระหว่างการเผชิญหน้ากับสัตว์อสูร เขาก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปะทุขึ้นทั่วทั้งสรรพางค์กาย ประหนึ่งว่ามีเปลวไฟกำลังผลาญร่างเขาอยู่

นั่นคือพลังของโอสถหยกเย็นหลอมกายาที่แทรกซึมอยู่ทั่วร่าง ซึ่งขณะนี้มันกำลังถูกกระตุ้น!

“ดีมาก! มาลองอีกครั้ง!” หลัวเฉิงตะโกนลั่นพร้อมรอยยิ้มอันสำราญบนใบหน้า

เขารีบปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตน ไม่ช้า ไข่ที่ปกคลุมไปด้วยแสงลึกลับเก้าสีก็ปรากฏขึ้นทันที จากนั้นเขาก็พุ่งหมัดเข้าใส่หมาป่าเกร็ดดำอีกครั้ง

ปัง… ปัง… ปัง…

หนึ่งคนหนึ่งสัตว์เข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด จนเกิดเสียงแรงระเบิดมิมีหยุดหย่อน พร้อมพสุธาสั่นสะเทือนอย่างมิขาดสาย

หลังจากนั้นไม่นาน ทั่วร่างของหลัวเฉิงก็เต็มไปด้วยคราบเลือด ส่วนหมาป่าเกล็ดดำนั้นก็มิได้ดีไปกว่าเขานัก เกล็ดแข็งตามตัวของมันแตกละเอียด ผิวหนังและกล้ามเนื้อถูกทะลวงจนเป็นแผลฉีกขาดขนาดใหญ่!

หมาป่าเกล็ดดำที่เคยดุร้ายก่อนหน้า มาเพลานี้ในดวงตาของมันกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันถอยหลังไปสามก้าวรีบหันตัวเตรียมจะวิ่งหนี

ทว่า หลัวเฉิงก็ไม่เปิดโอกาสให้มันหลุดรอดเงื้อมมือไปแต่อย่างใด เขากระโจนปราดเข้าใกล้อีกครา แล้วใช้กระบวนท่าเพลงหมัด ชกมันจนร่างปลิวลอยลิ่วกระแทกต้นไม้ใหญ่อย่างแรง

ปัง!

เสี้ยวอึดใจ หลัวเฉิงอาศัยจังหวะนี้รวมพลังทั้งหมดมาไว้ที่หมัด แล้วพลันชกหัวหมาป่าเกล็ดดำจนแตกกระจายคล้ายทุบไหสุรา ทำให้หมาป่าแน่นิ่งสิ้นใจตายในทันที!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด