ตอนที่แล้วตอนที่ 267 ความแข็งแกร่งอันน่าทึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 269 ตรากฏใหม่

ตอนที่ 268 รออะไรอยู่? (ฟรี)


ตอนที่ 268 รออะไรอยู่?

เมื่อเทพมารในบริเวณนี้ต่างก็เข้าไปปิดล้อมซูหยาง มันทำให้แรงกดดันต่อผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ ลดลงอย่างกะทันหัน

“ข้ารู้จักเขา ชายคนนี้ชื่อซูหยาง และเขามีฉายาว่าอมตะปู้สื่อ ( อมตะนิรันดร์ ) เหตุผลก็คือเขาเชี่ยวชาญกฎแห่งร่างโคลน และไม่มีใครสามารถค้นหาร่างหลักของเขาได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาก็ได้เข้าสู่โลกเซียนเว่ยด้วยร่างโคลนเช่นกัน”

เมื่อพยายามนึกสักพักหนึ่ง ในไม่ช้าก็มีบางคนเปิดเผยตัวตนของซูหยางออกมา

เมื่อฝึกฝนมาถึงระดับนี้ เป็นการยากที่จะปกปิดตัวตนจากสายตาของคนอื่น และซูหยางในตอนนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิด จึงรู้ได้ไม่ยากว่าเขาเป็นใคร

หลังจากรู้ว่าซูหยางเคยทำอะไรมาบ้าง ผู้ฝึกฝนหลายคนก็ตกตะลึง และตกใจมากยิ่งขึ้น

“หากเป็นแบบนี้ ชายคนนี้ก็จะไม่มีทางตายเพราะนี่เป็นร่างโคลน เราควรเรียกว่าเขาว่าอมตะปู้สื่อในโลกเซียนเว่ยด้วยหรือไม่?”

“ก็ยังไม่แน่ มีหลายคนที่เชี่ยวชาญกฎแห่งร่างโคลน หากเขาต้องการใช้ฉายานี้ต่อไป เขาก็ต้องสามารถควบแน่นโคลนได้อย่างรวดเร็วเหมือนที่เคยทำในแดนอมตะ”

“เหตุผลที่เขาได้รับฉายานี้ในแดนอมตะก็เพราะร่างโคลนของเขาสามารถควบแน่นได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องจ่ายสิ่งใด และไม่สามารถค้นหาร่างหลักของเขาได้จึงเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าเขา”

“นั่นก็จริง ถ้าเขาสามารถควบแน่นร่างโคลนได้อย่างรวดเร็วฉายานี้ก็เหมาะสมแล้ว”

“ก่อนหน้านี้เขาเป็นเพียงอมตะทองคำ ตอนนี้เขาเป็นอมตะต้าหลัว ด้วยความต่างถึงหนึ่งอาณาจักร เกรงว่าเขาคงจะไม่สามารถควบแน่นร่างโคลนได้อย่างรวดเร็วดั้งเดิมอีกต่อไป”

“เราจะจะได้รู้เองว่ามันจะเป็นยังไง สำหรับตอนนี้ แค่เฝ้าสังเกตอย่างเงียบๆ ก็พอ”

"เจ้าพูดถูก"

“แล้วตอนนี้เราควรจะทำยังไงจะถอยงั้นรึ?”

“ไม่จำเป็นต้องถอยในตอนนี้ เนื่องจากชายคนนี้สกัดกั้นเทพมารส่วนใหญ่ไว้ให้ เราก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องพิจารณาว่าควรจะรับมือกับศัตรูอย่างไรดี”

“จำนวนเทพมารดูเหมือนจะมากกว่าของเราสองหรือสามเท่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ มีแนวโน้มว่าเราจะถูกบดขยี้ เราต้องหาทางรวบรวมทรัพยากรโดยเร็วที่สุดเพื่อชดเชยความต่างของจำนวนด้วยความแข็งแกร่ง”

"ไม่เช่นนั้น สงครามครั้งนี้เรามีโอกาสแพ้สูง..."

ผู้ฝึกฝนหลายคนใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ซูหยางสร้างให้เพื่อหารือกันว่าควรทำอย่างไรต่อไป

ในขณะนี้ พวกเขารู้สึกกดดันอย่างยิ่ง และสถานการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก

สำหรับพวกเขายังดีที่มีซูหยางอยู่ข้างๆ แต่ผู้ฝึกฝนในที่แห่งอื่นอาจเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง

อาจกำลังถูกทุบตี และต้องมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

มีเทพมารมากเกินไป ในแง่ของความแข็งแกร่ง ทั้งสองฝ่ายพอๆ กัน นั้นทำให้ถูกบดขยี้ด้วยความต่างของจำนวน

หากฐานการบ่มเพาะต่างกัน พวกเขาจะไม่สนใจปริมาณ แต่ตอนนี้เมื่อความแข็งแกร่งไม่ต่างกันมากนักก็ต้องดูที่ปริมาณ

แม้ว่าจะมีความยากลำบากมากมายรออยู่ข้างหน้า แต่ความคิดแรกของพวกเขาก็คือ ไม่ยอมแพ้

หากมีปัญหาก็ต้องหาทางแก้!

กว่าจะฝึกฝนมาถึงจุดๆ นี้ได้ พวกเขาประสบความยากลำบากมามากมาย แล้วพวกเขาจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไร?

สำหรับผู้ฝึกฝน เส้นของพวกเขาคือ การฝืนลิขิตฟ้า เปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเอง ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แล้วพวกเขาจะพูดถึงการล่าถอยได้อย่างไร?

สงครามยังคงปะทุขึ้น และซูหยางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อความแข็งแกร่งของเขาถูกเปิดเผย เขาถูกสังเกตเห็นโดยเทพมารที่ทรงพลังกว่าหลังจากการสังหารศัตรูอย่างสนุกสนาน

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอมตะต้าหลัวขั้นสูงสุดเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกัน บางคนแข็งแกร่งมาก บางคนอ่อนแอ

ฐานการบ่มเพาะใช้ระบุถึงพลังต่อสู้อย่างคร่าวๆ ได้ แต่พลังต่อสู้ไม่ได้อิงจากฐานการบ่มเพาะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ไม่เช่นนั้น คงไม่มีการสู้ข้ามระดับ คงไม่มีผู้แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ

นอกจากฐานการบ่มเพาะแล้ว สิ่งที่มีผลต่อพลังต่อสู้คือ ทักษะ และคุณภาพของสมบัติที่ถือครองอยู่

ในสนามรบ ซูหยางได้ยกดาบของเขาขึ้นมาแล้วสังหารเทพมารระดับอมตะต้าหลัวขั้นสูงสุดไหลายร้อยตน

หัวมากมายเกลือกกลิ้งไปมา และเลือดสีดำก็โปรยปรายไปทั่วทั้งแผ่นดิน

ดิน และวัชพืชล้วนเต็มไปด้วยเลือดสีดำ

ออร่าแปลกๆ อบอวลไปทั่วอากาศ

หากอยู่ในโลกมนุษย์ สิ่งนี้ย่อมนำไปสู่หายนะครั้งใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่นี่พวกเขาอยู่ในโลกเซียนเว่ย และเลือดนี้ไม่สามารถทำให้เกิดคลื่นลมใดๆ ได้

ในเวลานี้ การเปลี่ยนแปลงใหม่ก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน

หลังจากที่ซูหยางสังหารเทพมารไปหลายร้อยตน เทพมารระดับอมตะต้าหลัวขั้นสูงสุดที่ถือครองสมบัติหยวนหลิงก็หยุดอยู่ตรงหน้าซูหยาง

ด้วยการดึงพลังของสมบัติหยวนหลิงในมือ เทพมารตนนี้ก็ทรงพลังอย่างยิ่ง

ในแง่ของออร่าเพียงอย่างเดียว อีกฝ่ายสามารถเอาชนะซูหยางได้อย่างสมบูรณ์

ต้องบอกว่าในแง่ของฐานการบ่มเพาะ ซูหยางสามารถบดขยี้ศัตรูในระดับเดียวกันได้ แต่เมื่อศัตรูเหล่านั้นมีสมบัติที่ทรงพลังอยู่ในมือ อีกฝ่ายก็จะสามารถบดขยี้เขาได้เช่นกัน

ในเวลานี้ข้อบกพร่องของเขาก็ถูกเปิดเผย

เขามีรากฐาน และการสั่งสมไม่เพียงพอ ข้อบกพร่องที่ใหญ่กว่านั้นคือแม้ว่าเจตจำนงดาบจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นทุกสิ่งได้ แต่ก็ไม่สามารถหยิบยืมพลังของสมบัติเพื่อเพิ่มพลังของเจตจำนงดาบได้

เขาสามารถสร้างดาบอมตะได้ก็จริง แต่ดาบอมตะที่สร้างขึ้นในตอนนี้สามารถเพิ่มพลังของเขาได้เพียงห้าส่วนเท่านั้นซึ่งยังไม่เพียงพอ

หลังจากรับรู้ถึงข้อบกพร่องของตัวเอง ซูหยางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้: "แน่นอนว่าการต่อสู้ที่สะดวกสบายที่สุดคือการบดขยี้ศัตรูด้วยความต่างของพลัง ไม่ว่าจะเป็นการสู้ข้ามระดับหรือการอยู่ยงคงกระพันในอาณาจักรเดียวกัน ย่อมไม่สะดวกสบายเหมือนการบดขยี้ด้วยความต่างของอาณาจักร”

“ข้ายังเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีกเล็กน้อย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทะลวงผ่านเป็นกึ่งปราชญ์ได้หรือไม่”

“อีกอย่าง ไม่รู้ว่าหลังจากไปถึงระดับนั้นแล้ว แต้มความชำนาญที่ต้องใช้จะเพิ่มขึ้นอีกมากเท่าไร”

หลังจากทะลวงผ่านเป็นกึ่งปราชญ์ ระดับเจตจำนงดาบของเขาจะถึงระดับ 5,000 ตามรูปแบบเดิม หลังจากมาถึงระดับนี้ ปริมาณแต้มความชำนาญที่ต้องใช้การยกระดับจะเพิ่มขึ้นมาก

ซูหยางส่ายหัว และหยุดคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เขามองไปที่ศัตรู และศัตรูก็มองตรงมาที่เขาเช่นกัน

แม้ว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ปะมือกันโดยตรง แต่การเผชิญหน้าด้วยออร่าก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในขณะที่พวกเขามองหน้ากัน

ไม่มีการแลกเปลี่ยนทางวาจาระหว่างทั้งสอง ซึ่งไม่จำเป็นอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสนามรบ

ในสงครามครั้งนี้ มีเพียงชีวิต และความตาย...

มีเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นที่จะได้เป็นผู้ชนะระหว่างผู้ฝึกฝนแห่งอมตะ และเทพมารแห่งโลกสี่มิติ

ในกรณีนี้เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำคือ สู้!

ซูหยางมองไปที่แผงคุณสมบัติ แม้ว่าเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตจะถูกใช้ไปจนหมด แต่ก็ขาดอยู่เล็กน้อย

หลังจากใช้เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตที่สะสมเอาไว้ เจตจำนงดาบของเขาก็ถึงระดับ 4,990

ยังเหลืออีก 10 ระดับ...ก่อนที่จะทะลวงผ่านไปเป็นกึ่งปราชญ์ได้

หลายเขาเป็นกึ่งปราชญ์ การฆ่าเทพมารตรงหน้าก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แม้ว่าอีกฝ่ายจะถือครองสมบัติหยวนหลิงอยู่ในมือก็ตาม

ในขณะนี้ การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว

มันดุเดือดถึงขีดสุดในทันที!

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีพลังมหาศาล ทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง...

หากอมตะต้าหลัวธรรมดาเข้ามาใกล้ พวกเขาอาจไม่สามารถต้านทานคลื่นพลังที่แผ่ออกมาได้

ธารแห่งดาบทะยานข้ามฟ้า!

ปะทะเข้ากับดาบสีดำสนิท

มันดูธรรมดา แต่สามารถทำลายดาบเพลิงดาราได้อย่างง่ายดาย

แต่ด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่องของซูหยาง การต่อสู้ตกอยู่ในทางต้น

แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากสมบัติหยวนหลิง เทพมารระดับอมตะต้าหลัวขั้นสูงสุดตนนี้ก็ไม่สามารถปราบปรามซูหยางได้ในเวลาสั้นๆ

ซูหยางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หากได้ยากที่จะใครต้านทานดาบของเขาได้ และถึงกับทำให้เขาเสียเปรียบด้วยซ้ำ

แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อน และรอเวลาอย่างเงียบๆ เพื่อให้เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตค่อยๆ เพิ่มขึ้น

ระดับ 4,991 ระดับ 4,992 ระดับ 4,993

ด้วยเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตที่ศิษย์ของนิกายอมตะต้าเซี่ยมอบให้ เขาก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้น

ตามความคืบหน้านี้ เขาจะทะลวงผ่านไปเป็นกึ่งปราชญ์ได้ภายในหนึ่งชั่วโมงอย่างแน่นอน!

แต่ก็ดูเหมือนว่าเทพมารที่อยู่ตรงข้ามก็ไม่มีท่าทีรีบร้อนเช่นกัน

ซูหยางไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายจึงมีท่าทีเช่นนี้

อีกฝ่ายกำลังรออะไรอยู่?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด