ข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 17
ข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 17
บ้านตระกูลจั่ว
จั่วจิงเย่นิ่งเงียบขณะที่กำลังอ่านรายงานเกี่ยวกับหลินอวี่ที่อยู่ในมือ
เกิดในครอบครัวธรรมดา ทั้งพ่อและแม่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ฝูงมอนสเตอร์ถล่มเมื่อห้าปีก่อน
หลายปีมานี้หลินอวี่ไม่ได้แสดงความพิเศษออกมาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ปลุกพลังและได้รับอาชีพนักเวทมาเมื่อวาน พลังต่อสู้ของเขากลับเหนือยิ่งกว่าอาชีพหายากสองคน!
หลังจากนิ่งเีงยบอยู่สักพัก จั่วจิงเย่ก็ค่อยๆพูดขึ้นว่า
"หมายเลขหนึ่ง นายคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้?"
มีเสียงของหมายเลขหนึ่งดังออกมาจากในเงามืด
"บ่าวคิดว่านี่เป็นข้อมูลแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น หลินอวี่ต้องไม่เรียบง่ายเหมือนดังที่เห็นจากเปลือกนอก"
จั่วจิงเย่พยักหน้า
"คนธรรมดาอย่างเขาจะไปมีอุปกรณ์ที่ทรงพลังแบบนั้นหลังจากเพิ่งปลุกพลังได้ยังไง? เขากระทั่งยังมีสกิลที่ต้องสงสัยว่าจะอยู่ในระดับ D อีกด้วย บางทีเบื้องหลังของเจ้าหนูนี่อาจจะมีผู้เข้มแข็งคอยหนุนหลัง"
จั่วจิงเย่หรี่ตาลง น้ำเสียงของเขาเพิ่มความเคร่งขรึมขึ้นมา
"และเกรงว่าจะไม่ใช่แค่ผู้เข้มแข็งธรรมดา"
หมายเลขหนึ่งเองก็พูดขึ้นว่า
"นายท่าน อยากให้กีดกันหลินอวี่ไหมครับ?"
จั่วจิงเย่ส่ายหน้าเบาๆ
"ไม่ต้อง ในเมื่อเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเด็กสาวตระกูลหยาน อีกทั้งเขายังเคยช่วยเหลือเด็กสาวคนนั้นและมู่เกอของเรา คงไม่ใช่ศัตรู ยิ่งกว่านั้น ในเมื่อบุคคลที่หนุนหลังเขาอยู่ไม่ต้องการจะเปิดเผยตัว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไปสืบเรื่องของเขา"
"ครับ!"
"หลินอวี่....ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจจริงๆ"
จั่วจิงเย่มองดูข้อมูลที่อยู่ในมือขณะยิ้มบาง
เขามีแผนการอยู่ในใจแล้ว
เมืองประกายแสง ดูจากเปลือกนอกแล้วเหมือนจะแข็งแกร่ง หากแต่ในความจริงกลับรายล้อมไปด้วยศัตรูเข้มแข็ง หากมีประตูมิติที่ทรงพลังปรากฏขึ้นอีกสักสองสามแห่ง พวกเขาก็คงจะได้รับความกดดันจนยากจะขยับตัว
ตอนนี้กลับมีอัจฉริยะอย่างหลินอวี่ปรากฏตัวขึ้น
เขาย่อมบังเกิดความยินดี
หลินอวี่ หลินอวี่ ฉันหวังว่าเธอจะเติบโตขึ้นโดยเร็ว
จั่วจิงเย่คิดขึ้นในใจ
......................
รถบัสหยุดจอดที่สถานีสนับสนุนซึ่งตั้งอยู่ในทุ่งหญ้าสีเทา
"เอาล่ะ ถึงสถานีสนับสนุนแล้ว ทุกคนลงจากรถได้!"
หลี่ซวนปรบมือปลุกเด็กๆ
หลินอวี่เหลือบมองหยานจีและจั่วมู่เกอที่กำลังนอนซบไหล่เขาด้วยความจนปัญญา
ใช่แล้ว เมื่อผ่านไปได้ครึ่งทาง แม้แต่หยานจีก็ยังถูกการบรรยายของหลี่ซวนทำให้ง่วงจนตาปิด
ตอนแรกเธอไม่ได้เอนซบไหล่ของหลินอวี่
แต่หลังจากนอนได้สักพัก เธอก็เริ่มปรับตำแหน่งให้นอนสบาย สุดท้ายจึงเอนมาซบไหล่ของหลินอวี่
หลินอวี่เกิดความสงสัยเล็กน้อย พวกเธอดูจะหลับสบายไปรึเปล่า?
"นี่ พวกเธอ ตื่นได้แล้ว"
เขายื่นมือออกไปดึงแก้มของหยานจีและจั่วมู่เกอ
อืม นุ่มมือจริงๆ
มาใช้ไหล่ฉันนอนแบบนี้ ก็ต้องคิดดอกเบี้ยสักหน่อยล่ะนะ
"อืม?"
จั่วมู่เกอลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย
"หืม ที่นี่ที่ไหน?"
เธอลุกขึ้นนั่งตัวตรงก่อนจะจัดผมอย่างเป็นธรรมชาติ
ขณะที่หยานจียังนิ่งอึ้งอยู่
เธอตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองนอนซบไหล่หลินอวี่มาตลอดทาง! ดังนั้นยามนี้ใบหน้าของเธอจึงเห่อร้อนขึ้นมา
นี่ฉันเอนไปพิงเขาตอนไหนกัน?
"หลับสบายมั้ย?"
เมื่อหลินอวี่ถามขึ้น หยานจีก็เผลอพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
"อืม สบายมาก"
จากนั้นเธอก็รู้สึกตัว ร่างกายของเธอแข็งค้าง เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความเขินอายและพบว่าหลินอวี่กำลังจ้องเธออยู่
เธอก้มหน้าลงเงียบๆด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
หลินอวี่พบว่าสีหน้าของเธอน่าดูมาก
ปกติแล้วหยานจีมักจะมีท่าทางสง่างามและดูสูงส่งสมเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่
คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีท่าทางเขินอายที่น่ารักแบบนี้ด้วย
น่าดูกว่าผู้หยิงหน้าหนาที่อยู่ข้างๆซะอีก
เขามองจั่วมู่เกอที่กำลังเหยียดแขนขาเพื่อยืดเส้นยืดสาย
อืม ใหญ่จริงๆ....
"ลงจากรถกันได้แล้ว"
นักเรียนต่างลุกจากที่นั่งและทยอยลงจากรถ
โดยเฉพาะเหล่านักเรียนที่อยู่ใกล้ๆกับหลินอวี่
พวกเขารีบลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้เห็นท่าทางกระหนุงกระหนิงระหว่างทั้งสาม พวกเขาก็รู้สึกอิจฉาจนอกแทบแตก
หลังลงจากรถกันแล้ว พวกเขาก็มาถึงสถานีสนับสุนน
มีสถานีสนับสนุนเช่นนี้อยู่มากมายในพื้นที่ที่มีมอนสเตอร์
ในแง่หนึ่ง หน้าที่ของมันคือการสนับสนุนเหล่าผู้มีพลังพิเศษ
และในอีกแง่หนึ่ง ที่นี่ก็คือสถานีรบของทางกองทัพเพื่อคอยเฝ้าระวังพวกมอนสเตอร์
หากเกิดฝูงมอนสเตอร์รวมตัวกันอีก พวกเขาก็จะพบเห็นและเตรียมการรับมือได้ทัน
หากถึงคราวจำเป็น ทหารที่ประจำการอยู่ที่นี่ก็จะต้องต้านทานฝูงมอนสเตอร์เอาไว้
ซึ่งหากเกิดสถานการณ์เช่นนั้น ส่วนใหญ่ทหารธรรมดาก็มักจะถูกฆ่าจจนเกือบหมด
สถานีสนับสุนนนั้นทำหน้าที่คล้ายสถานีที่อยู่ภายในมิติลับ
หลี่ซวนไม่ได้พาพวกเขาเดินชมที่นี่ แต่พาพวกเขามุ่งหน้าเข้าไปในทุ่งหญ้าสีเทาโดยตรง
ทุ่งหญ้าแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าสีเทาซึ่งมันจะสะท้อนแสงเล็กน้อยยามมีแสงอาทิตย์ส่องกระทบ
"เอาล่ะ ทุกคนเริ่มตั้งทีมได้! จำเอาไว้ว่าจงเลือกพวกพ้องที่เชื่อใจได้ เพราะหากตั้งทีมกับคนที่เราไม่สามารถไว้ใจ เช่นนั้นก็รังแต่จะมีผลเสียเพราะขาดความเป็นทีมเวิร์ค"
เมื่อมาถึงทุ่งหญ้าสีเทา หลี่ซวนก็สั่งให้นักเรียนเริ่มทำการจับกลุ่ม
นักเรียนหลายสิบคนเริ่มเดินหาเพื่อนที่จะมาตั้งทีมด้วยกันทันที
หลายคนมองมาทางหยานจีและจั่วมู่เกอ
สองคนนี้คืออาชีพหายาก!
หากสามารถตั้งทีมกับพวกเธอได้ ทีมของพวกเขาก็จะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ
น่าเสียดายที่ทั้งหยานจีและจั่วมู่เกอต่างก็เอาแต่ยืนอยู่ด้านข้างหลินอวี่โดยไม่มีทีท่าจะไปเข้าทีมอื่นแต่อย่างใด
หลินอวี่มองหญิงสาวทั้งสองด้วยความสงสัย
"ทำไมพวกเธอถึงมาตามฉัน?"
"แน่นอน ก็เพราะว่าพวกเราจะมาตั้งทีมกับนายไง"
จั่วมู่เกอพูดด้วยรอยยิ้ม นับเป็นผู้หญิงที่หน้าหนามาก
หยานจีเองก็มองหลินอวี่เช่นกัน
"อาหวี่ มาตั้งทีมด้วยกันเถอะ"
หลินอวี่รู้สึกจนปัญญา "ที่แบบนี้ยังต้องตั้งทีมด้วยเหรอ? พวกเธอคงไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย?"
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแต่ละคน ที่นี่ยังมีอะไรคุกคามพวกเขาได้ด้วยเหรอ?
นักเรียนที่อยู่รอบๆ "......"
ขอบใจมาก เหมือนถูกหยามหน้ายังไงยังงั้น!
หลี่ซวนพลันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของหลินอวี่
เขาต้องการจะดุหลินอวี่สักหน่อย แต่เมื่อสายตาเหลือบเห็นหยานจีและจั่วมู่เกอที่อยู่ข้างๆหลินอวี่แล้ว เขาก็ได้แต่เก็บคำพูดเอาไว้
ถึงแม้หลินอวี่จะเป็นแค่นักเวทธรรมดา แต่คนที่หนุนหลังเขาอยู่จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
อีกทั้งเขายังมีความสัมพันธ์อันดีกับหยานจีและจั่วมู่เกอด้วย
นี่เป็นบุคคลที่เขาไม่สามารถล่วงเกินได้
อย่างไรก็ตาม ในใจเขาก็ยังอดส่ายหน้าไม่ได้
ช่างเป็นทายาทที่เอาแต่พึ่งพาบารมีของคนรุ่นก่อนจริงๆ