ตอนที่ 38 ยาย้อนฝันทั้งสามเม็ด
ตอนที่ 38 ยาย้อนฝันทั้งสามเม็ด
“ไม่ทราบเลยว่าเจียงโม่หลีออกจากยอดเขาโอสถไปหรือยัง” ที่ด้านในถ้ำ จี้เตี๋ยเก็บสมุนไพรวิญญาณตรงหน้าขณะพยายามเก็บความตื่นเต้นภายในใจเอาไว้
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ติดกับดักของผู้อื่น เขาจึงรอคอยจนกระทั่งฟ้ามืดแล้วจึงสวมใส่หน้ากากที่ทำขึ้นเอง สุดท้ายจึงออกจากถ้ำเพื่อมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่ระบุเอาไว้บนแผนที่
ระหว่างทาง หนึ่งสิ่งที่ได้พบและเห็นเด่นเป็นสง่าคือหอสูงเหนือยอดเขา จี้เตี๋ยลอบคาดเดาว่าสิ่งปลูกสร้างนี้มีไว้ใช้ทำอะไรกันแน่ และไม่ช้าเขาจึงไปถึงถ้ำที่ถูกบันทึกเอาไว้ในแผนที่
“ศิษย์พี่หญิงซู ท่านอยู่หรือไม่ขอรับ?” จี้เตี่ยถอดหน้ากากยืนภายนอกประตูหินของถ้ำที่ปิดสนิท ขณะพยายามตะโกนเรียกอยู่สองถึงสามครั้ง
ความเงียบงันดำเนินอยู่ชั่วระยะ จนผ่านไปครู่หนึ่งประตูหินที่เคยปิดแน่นจึงขยับเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันเสียงอันคุ้นเคยก็ดังออกมาให้ได้ยิน
“เข้ามา”
จี้เตี๋ยไม่ได้ตระหนักว่าน้ำเสียงนี้ดูเย็นเยือกกว่าที่เคยเป็น ขณะแทรกกายเข้าไปด้านในถ้ำ ประตูหินทางด้านหลังจึงส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศภายในถ้ำจึงมืด ยามเมื่อปรับสายตากับสภาพแวดล้อมได้แล้วเขาจึงได้เห็นด้านในของถ้ำ
ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่ดียิ่งกว่าของตัวเขา ภายหลังเข้ามาแล้วจึงได้พบห้องโถงทำจากหินโอ่อ่า ใจกลางถ้ำคือสระน้ำที่มีตาน้ำผุด ข้างเคียงคือโต๊ะหิน เก้าอี้หิน และเครื่องเรือนทั้งหลาย
ทั้งสองข้างของถ้ำยังประกอบด้วยห้องย่อยทำจากหินที่ถูกขุดเข้าไป หนึ่งในห้องดังกล่าวที่มีเพียงซุ้มประตูหินเป็นช่องทาง หากมองเข้าไปจะได้เห็นเตียงนอนที่ทำจากหินอยู่ด้านใน คล้ายว่าจะเป็นห้องนอนของซูลั่ว ขณะที่อีกห้องมีประตูปิดเอาไว้ ทำให้ไม่อาจทราบได้ว่ามีไว้ใช้ทำอะไรกันแน่
“ถ้ำของศิษย์พี่หญิงซูนี่คนละระดับกันเลย หากเทียบเปรียบกับถ้ำของข้าแล้ว คงไม่ต่างอะไรกับรูหนู!” จี้เตี๋ยแอบเดาะลิ้นขณะมองไปทางโต๊ะหิน
ซูลั่วนั่งอยู่ข้างโต๊ะหินดังกล่าว ในมือถือถ้วยหินใบหนึ่ง ตอนนี้เองที่จี้เตี๋ยตระหนักพบเห็นสีหน้าผิดปกติของนาง ราวกับกำลังโกรธจนขมวดคิ้วมุ่น ขณะเขากำลังนึกสงสัย ตอนนี้เองที่ได้พบเห็นถ้วยลอยมาถึงตรงหน้าตนเอง
“ท่านทำอะไรกันขอรับ!” จี้เตี๋ยสับสนและงุนงง เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดนางถึงเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ เพียงแต่ย่างก้าวของเขารวดเร็วพอ ทำให้สามารถหลบเลี่ยงมาได้
ถ้วยหินเมื่อครู่ปะทะเข้ากับผนังหินของถ้ำ น้ำร้อนที่อยู่ภายในกระจายออกจนเกิดเสียงชื้นแฉะและถ้วยที่หล่นลงกระทบพื้น
“มันเรื่องอะไรกัน…” จี้เตี๋ยยังคงตระหนกขณะมองนางพลางระงับโทสะของตนเอง โชคดีที่เมื่อครู่เขาหลบได้ หากไม่แล้วคงได้เกิดเรื่องราวขึ้น
พบเห็นไม่โดนเป้าหมาย ตอนนี้เองที่ซูลั่วลุกขึ้นยืนเอ่ยคำอันโกรธเกรี้ยว “เจ้าหลอกข้า!”
“ข้าไปหลอกอะไรท่าน?” จี้เตี๋ยสับสนและงุนงง
“ศิษย์พี่หญิงโม่หลีกล่าวว่าตรวจสอบเรื่องราวแล้ว เจ้าเป็นคนกล่าวด้วยปากของตัวเองต่อหน้าทุกคน ว่าเจ้าและนางเป็นหวานใจวัยเด็กเติบโตมาด้วยกัน! ตอนนั้นข้าควรจะบอกเรื่องของเจ้าให้นางทราบ!” ซูลั่วกอดอกขณะส่งเสียงฮึมฮัมออกมา
ในที่สุดจี้เตี๋ยก็เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน เขาจึงปาดเช็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าพูดจริง ว่าข้าและศิษย์พี่หญิงเจียงเป็นหวานใจวัยเด็กต่อกัน แต่ไม่เคยพูดว่าพวกเราหมั้นหมายต่อกันตั้งแต่ยังเด็กขอรับ”
จี้เตี๋ยอธิบายเรื่องราวอีกครั้ง พร้อมกล่าวบอกว่าตอนนั้นตนเองไม่มีทางเลือก เพราะต้องปกป้องให้ตนเองรอดพ้นจากข้อกล่าวหา
“แล้วเพราะอะไรข้าถึงต้องเชื่อ!” ซูลั่วยังคงฮึมฮัมรุนแรง เพียงแต่ข้อสงสัยภายในใจคล้ายจะลดเลือนลงไปไม่น้อยแล้ว
“ข้ากล้าสาบานว่าทุกคำที่กล่าวบอกศิษย์พี่หญิงซูเป็นความจริง หากว่าไม่จริง ก็ขอให้ข้าตกตายโดยไร้ที่กลบฝังขอรับ” จี้เตี๋ยเดินตรงเข้าไปหานางพร้อมสีหน้าท่าทีบ่งบอกถึงความจริงจัง
“หากว่าท่านไม่เชื่อ ศิษย์พี่หญิงซูสามารถส่งคนไปสืบความจริงจากพื้นที่โรงนาได้ขอรับ”
“ข้าย่อมส่งคนไปสอบถามแน่” ซูลั่วพบเห็นอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ เวลานี้จึงหันศีรษะหลบเลี่ยงสายตา เพียงแต่น้ำเสียงโอนอ่อนลง ไม่มีวี่แววของความโกรธเช่นก่อนหน้านี้
พบเห็นอีกฝ่ายมีอารมณ์ที่ดีขึ้นและค่อนข้างมั่นคงแล้ว จี้เตี๋ยค่อยรู้สึกโล่งอกขณะยิ้มออก “ศิษย์พี่หญิงซู ทุกอย่างพร้อมแล้วขอรับ”
“สมุนไพรวิญญาณที่ต้องใช้ทำยาย้อนฝันครบแล้วงั้นหรือ?” ซูลั่วแม้ยังคงฮึมฮัมแต่ก็ยอมเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ครบหมดแล้วขอรับ ยกเว้นเพียงแค่หญ้าจักรพรรดิหยก” จี้เตี๋ยหยักหน้ารับ ก่อนจะนำเอาสมุนไพรวิญญาณอย่างแล้วอย่างเล่าออกมาจากถุงมิติ เพื่อจัดวางเรียงรายลงบนโต๊ะ
เด็กสาวสำรวจมองสมุนไพรวิญญาณทั้งหลาย สุดท้ายจึงเผยสีหน้าผ่อนคลาย นางเก็บรวบรวมทั้งหมดลงถุงมิติของนาง สุดท้ายจึงเดินไปยังห้องหินที่อยู่ด้านข้าง
“หากเจ้ากล้าโกหกต่อข้า ยาที่ปรุงขึ้นมาจะเป็นของข้าเพียงผู้เดียว ไม่มีส่วนของเจ้า!”
เสียงประตูหินของห้องหินถูกเปิดอย่างรุนแรงพร้อมคำข่มขู่ของนาง
แต่น้ำเสียงที่ใช้ข่มขู่นี้ เห็นได้ชัดว่าโอนอ่อนลงมาก จี้เตี๋ยจึงยิ้มรับ “ขอรับ! จะว่าไปแล้ว ขอถามศิษย์พี่หญิงซูได้หรือไม่ว่าจะปรุงยานี้เสร็จเมื่อใดกันขอรับ?”
ซูลั่วที่เข้าไปด้านในห้อง ขณะร่างหายเข้าไปด้านหลังประตูหินแล้ว จึงมีเพียงแค่เสียงที่ตอบกลับมา
“ยาขั้นสูงระดับหนึ่งต้องใช้เวลาสักหนึ่งวัน ระหว่างนั้นอย่ารบกวน และห้ามรื้อค้นอะไรในถ้ำของข้าด้วย”
“หนึ่งวันหรือ?” จี้เตี๋ยย่อมไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เขาหาที่ว่างมุมหนึ่งนั่งขัดสมาธิ ก่อนจะนำเอายาทุ่งสมุทรออกมาใช้เริ่มการฝึกฝน
ทั้งถ้ำตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง ปัจจุบันนี้หากไม่นับเสียงตาน้ำผุดแล้วก็ไม่มีเสียงอื่นใด ภายหลังผ่านไปนานหลายชั่วโมง ประตูหินของห้องย่อยภายในถ้ำจึงเปิดออกอีกครั้งพร้อมเสียงสั่นสะเทือน
จี้เตี๋ยผู้นั่งขัดสมาธิอยู่มุมหนึ่งพลันลืมตาตื่นด้วยความตื่นเต้นยินดีสุดขั้ว
ก่อนหน้านี้ซูลั่วเข้าไปเก็บตัวปรุงยา นางบอกว่าห้ามรบกวน แต่ขณะนี้ประตูหินถูกเปิดออกแล้ว หมายความว่ายาย้อนฝันก็คงถูกปรุงสำเร็จแล้วเช่นกัน
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น กลิ่นหอมที่พิเศษจึงฟุ้งกระจายผ่านประตูหิน และเพียงแค่สูดดม จี้เตี๋ยก็รู้สึกราวกับการฝึกฝนของตนเองกำลังเพิ่มพูนขึ้น
“สมกับที่ถูกเรียกว่ายาย้อนฝัน ชื่อเสียงของมันไม่ใช่ของปลอม แค่กลิ่นก็ได้ผลขนาดนี้แล้ว หากว่าได้ตัวยามา เกรงว่าคงทะลวงสู่การกลั่นลมปราณขั้นที่หกได้เลย” จี้เตี๋ยกำลังตื่นเต้นยินดี เพราะตอนนี้ซูลั่วเปิดประตูออกมาพร้อมกลิ่นหอมของยา มันคือหลักฐานว่าจะต้องมาพร้อมกับยาย้อนฝัน
เพียงไม่ช้า ร่างของเด็กสาวจึงปรากฏผ่านประตูออกมา นางดูมีท่าทีอิดโรยและอ่อนล้า เส้นผมยังเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ หน้าผากเองก็มีเม็ดเหงื่อผุดปรากฏให้พบเห็น
ก่อนจี้เตี๋ยจะทันพูดอะไร ขวดหยกใบหนึ่งกลับถูกโยนส่งมาให้
“ยาย้อนฝันที่ปรุงหม้อนี้ สามารถปรุงออกมาได้ทั้งสิ้นสี่เม็ด และตามข้อตกลง ข้าต้องการเพียงแค่หนึ่งเม็ด”
จี้เตี๋ยเร่งร้อนรับเอาไว้ ราวกับกลัวว่ามันจะร่วงหล่นลงพื้นจนแตกเป็นเสี่ยง
เขากระทั่งได้ยินเสียงหัวใจของตนเองที่เต้นรัว ยามนี้เงยหน้าขึ้นมองจึงได้เห็นความอิดโรยอ่อนล้าของอีกฝ่าย สุดท้ายจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำชื่นชม “ขอบพระคุณศิษย์พี่หญิงซูขอรับ ลำบากท่านแล้ว”
“ไม่ต้องพูดอะไรที่มันไม่มีประโยชน์ ยาก็ปรุงเสร็จแล้ว ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว” ซูลั่วแค่นเสียงก่อนจะสั่งให้เขารีบออกไป
“ขอรับ เช่นนั้นรบกวนศิษย์พี่หญิงซูเท่านี้ ขอให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ขอรับ” จี้เตี๋ยแทบอดใจรอกลับไปพร้อมกับยาที่ปรุงแล้วไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงถือโอกาสที่โดนไล่เร่งร้อนออกมาจากถ้ำ
“ก็ยังถือว่ามีจิตสำนึกอยู่…” ซูลั่วมองร่างที่เดินผ่านประตูหินกลับไป ด้วยเหตุผลบางประการ มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แต่เวลานี้นางเองก็อ่อนล้าจนงุนงงคิดอยากพักเช่นกัน
การปรุงยาทั้งวันและคืนเต็มเวลา มันคือการผลาญเรี่ยวแรงอย่างถึงที่สุด ผู้คนส่วนใหญ่ยากจะทานทนหรือต่อต้าน กระทั่งว่านางมีจิตวิญญาณอันเข้มแข็ง สุดท้ายก็ยังต้องอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ เพียงแต่วัตถุดิบใช้ปรุงยาย้อนฝันมีเพียงแค่หนึ่งชุด นางไม่อาจปล่อยให้มันล้มเหลว ดังนั้นจึงต้องอดกลั้นเอาไว้และทำต่อไป
โชคดีที่สุดท้ายแล้วสามารถทำได้สำเร็จ!
“ยาขั้นสูงระดับหนึ่งอย่างไรก็ปรุงได้ยากจริง ๆ …” เด็กสาวพิงกายกับผนังถ้ำให้เป็นตัวช่วยพยุงร่างกาย เพื่อไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น
นางนำเอายาเม็ดหนึ่งออกมาจากถุงมิติและส่งเข้าปากกลืนลงไป ภายหลังมึนงงอยู่สักเล็กน้อย สุดท้ายจึงเดินกลับเข้าไปในห้องหินอีกห้องหนึ่ง
จี้เตี๋ยหาได้ตระหนักทราบเรื่องราวเหล่านี้ไม่ เขายังคงสวมใส่หน้ากากที่ทำเองกับมือเดินทางกลับจนถึงถ้ำ ภายหลังปิดทางเข้าออกเรียบร้อย เขาจึงนำขวดหยกออกมาจากแขนเสื้อด้วยความตื่นเต้น
“สามเม็ด!” จี้เตี๋ยกำลังหัวใจเต้นรัวขณะดึงจุกไม้ก๊อกของขวดออก ตอนนี้เองที่กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของยาจึงฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
การกลั่นลมปราณขั้นที่หก!
“อยู่ในกำมือข้าแล้ว!”