ตอนที่แล้วบทที่ 67 หยินหยางพลิกผัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 68 ค่ายกลกับฮวงจุ้ย


"เป็นอะไรไป?"

เมื่อลู่อวิ๋นเห็นชายชราชุดแดงมองเขาอย่างเหม่อลอย จึงขมวดคิ้วถาม

"ข้า...ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด"

ชายชราชุดแดงมีสีหน้าละอาย

เห็นได้ชัดว่าลู่อวิ๋นกำลังพูดถึงความรู้เรื่องค่ายกลอันละเอียดลออ...แต่กลับเป็นว่า ชินเซียนเหอปรมาจารย์ค่ายกลที่มีชื่อเสียงในราชสำนักหลางเสี๋ยคนนี้ กลับไม่เข้าใจสิ่งที่ลู่อวิ๋นพูดเลยสักนิด!

ลู่อวิ๋นลูบหน้าผากตัวเอง

ค่ายกลหยินหยาง ต่อเหล่าผู้วางค่ายกลโลกเซียนปัจจุบันมาพูด ถือว่าซับซ้อนพอสมควร เรื่ององค์ประกอบฮวงจุ้ยนั้น คงถูกกลืนหายไปในสงครามเซียนใหญ่เมื่อหนึ่งแสนปีก่อนแล้ว

สิ่งที่ลู่อวิ๋นพูด แม้แต่เฟยเนี่ยเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเข้าใจได้หรือไม่

"ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาสอนเจ้าเรื่องพวกนี้...เอาศิลาฐานค่ายกลมาให้ข้าสี่อัน"

ลู่อวิ๋นพูดอย่างจนใจ

ความละอายบนใบหน้าของชินเซียนเหอยิ่งหนักขึ้น

เห็นได้ชัดว่าการโดนเด็กน้อยสอนสั่ง ทำให้ใบหน้าแก่ๆ ของเขาแดงก่ำ แต่แววตาของชินเซียนเหอก็เต็มไปด้วยความปรารถนา เขาปรารถนาที่จะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

แต่ในตอนนี้ ลู่อวิ๋นก็ไม่มีเวลาพอที่จะสอนอะไรเขา แล้วก็ไม่สามารถสอนเขาสลักค่ายกลทีละขั้นตอนเหมือนตอนที่ผ่านมาได้

เวลาไม่พอ

พวกเขามีเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ค่ายกลขยายกำลังนั่นถูกลู่อวิ๋นควบคุมไว้ จึงไม่ได้มีกำหนดเวลาแค่ครึ่งชั่วยามจริงๆ

แต่เมื่อเวลาเที่ยงผ่านไป พลังหยางสุดขั้วระหว่างฟ้าดินก็จะกระจายไป เกาะกลางแม่น้ำ สุสานคนเป็นนั่นก็จะจมกลับลงสู่หุบเหวเช่นเดิม

สุสานคนเป็นซึ่งถูกระบุว่าห้ามเข้าในบันทึกสำนักอาจารย์นั้น ไม่ว่าเวลาใดก็คอยกระตุ้นประสาทของลู่อวิ๋นตลอด ทำให้เขาอยากโดดเข้าไปดูทันทีว่าในสุสานคนเป็นมีอะไรกันแน่

ชินเซียนเหอส่งศิลาฐานค่ายกลให้ลู่อวิ๋น หลังจากลู่อวิ๋นรับมา เขาก็ส่งต่อไปยังประตูนรกโดยตรง

"เฟยเนี่ย มาเถอะ"

"ฟ้าดิน น้ำไฟ ลมฟ้า และเขาทะเลสาบ ทั้งแปดพลังนี้ไม่ใช่พลังธรรมดา แต่เป็นแปดระบบ เจ้าจงแสดงรูปแบบของทั้งแปดระบบนี้ผ่านค่ายกล แล้วจับคู่เข้าด้วยกันตามที่ข้าบอก สลักลงบนศิลาฐานค่ายกลทั้งสี่แผ่นนี้"

หลังจากนั้น ลู่อวิ๋นก็ส่งความรู้เรื่องรูปแบบฮวงจุ้ยให้เฟยเนี่ยผ่านมหาคัมภีร์เป็นตาย

เฟยเนี่ยเป็นผู้นำวิญญาณข้ามภพของลู่อวิ๋น ประสบการณ์ความทรงจำของเฟยเนี่ยสามารถกลายเป็นความรู้ของลู่อวิ๋นได้...ในทางกลับกัน หากลู่อวิ๋นต้องการ เขาก็สามารถส่งความรู้ของตัวเองให้ผู้นำวิญญาณข้ามภพผ่านมหาคัมภีร์เป็นตายได้เช่นกัน

เมื่อเฟยเนี่ยรับความรู้ฮวงจุ้ยจากลู่อวิ๋น สีหน้าของนางก็แสดงความตื่นตะลึงออกมา จากนั้นนางก็เริ่มก้มลงสลักค่ายกลตามที่ลู่อวิ๋นสั่งทันที

ตามความเข้าใจของเฟยเนี่ย วิถีฮวงจุ้ยกับวิถีค่ายกลเป็นสิ่งเดียวกันสองด้าน แต่วิถีฮวงจุ้ยกลับซับซ้อนกว่ามาก

ค่ายกลกับฮวงจุ้ยต่างก็อาศัยพลังจากสรรพสิ่งในฟ้าดิน

แต่พลังที่แสดงออกมาจากค่ายกล เป็นการแสดงโดยตรงของพลังสรรพสิ่งในฟ้าดิน ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลสังหาร ค่ายกลราชัน ค่ายกลปกป้อง หรือแม้แต่ค่ายกลมายาและค่ายกลกับดัก ทั้งหมดล้วนบังคับพลังสรรพสิ่งในฟ้าดินโดยตรง

ส่วนวิถีฮวงจุ้ย เป็นผลกระทบที่พลังเหล่านั้นมีต่อสิ่งรอบข้างหลังจากที่ค่ายกลก่อตัวขึ้นแล้ว ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต ต่อสิ่งแวดล้อม และแม้กระทั่งต่อพลังโชคชะตาในความลี้ลับ

ยกตัวอย่างเช่นค่ายกลมังกรเก้าพิทักษ์ในจวนผู้ว่าเมืองเฉวียนโจว ตอนที่ลู่อวิ๋นปลดปล่อยอำนาจของค่ายกลมังกรเก้าพิทักษ์เพื่อสังหารเซียนและโจมตีลู่หยวนโหว นั่นคือการแสดงพลังมหาศาลของฟ้าดินโดยตรง

แต่เมื่อค่ายกลมังกรเก้าพิทักษ์ก่อร่างสมบูรณ์ มันก็เริ่มส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบ ก่อรูปแบบเก้ามังกรแบกโลง ทำลายพลังโชคชะตาของเฉวียนโจวทั้งเมือง ทำให้เฉวียนโจวยากจนลง

วิถีฮวงจุ้ยในโลกเซียนปัจจุบันสูญสลายไปแล้ว เหล่าเซียนมองเห็นแค่ค่ายกล แต่มองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงฮวงจุ้ยที่เกิดขึ้นภายใต้อิทธิพลของค่ายกล

อิทธิพลนี้ซับซ้อนกว่าตัวค่ายกลเอง ค่ายกลคือพลังสรรพสิ่งฟ้าดินโดยตรง แต่ฮวงจุ้ยกลับเป็นการเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุดอีกครั้ง หลังจากที่พลังเหล่านั้นกลับสู่ฟ้าดินอีกรอบ

วิธีแก้ฮวงจุ้ยของลู่อวิ๋นแท้จริงแล้วก็คือวิธีทำลายค่ายกล หากทำลายค่ายกลได้ ฮวงจุ้ยที่เกิดจากค่ายกลก็จะสลายตัวไปเอง

เพียงแต่ในสายตาลู่อวิ๋นมองเห็นฮวงจุ้ย ตามรอยลวดลายของฮวงจุ้ย เพื่อทำลายโครงสร้างของฮวงจุ้ย บรรลุเป้าหมายในการแก้ฮวงจุ้ย และโครงสร้างของฮวงจุ้ยก็คือค่ายกล

...

ลู่อวิ๋นไม่คิดว่าหลังจากที่เขาส่งวิถีฮวงจุ้ยให้เฟยเนี่ยผ่านมหาคัมภีร์เป็นตาย เฟยเนี่ยจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างค่ายกลกับฮวงจุ้ยออกมาได้ในทันที แล้วยังส่งความสัมพันธ์เหล่านี้กลับมาให้ลู่อวิ๋นอีก

หลังจากย่อยสิ่งเหล่านี้ ลู่อวิ๋นรู้สึกว่าความเข้าใจของเขาที่มีต่อฮวงจุ้ยก็ลึกซึ้งขึ้นอีกระดับ

เฟยเนี่ยเริ่มสลักค่ายกลแล้ว

ความเร็วในการสลักค่ายกลของเฟยเนี่ย เร็วกว่าชินเซียนเหอไม่ต่ำกว่าสิบเท่า

แปดระบบใหญ่ฟ้าดิน ลมฟ้า น้ำไฟ และเขาทะเลสาบ ค่ายกลหนึ่งแล้วหนึ่งเล่าปรากฏขึ้นบนศิลาฐานค่ายกลสี่แผ่น ศิลาฐานทั้งสี่แผ่นก็แปรเปลี่ยนเป็นจานฐานค่ายกลสี่อัน

เพียงแค่ผ่านไปราวร้อยกว่าลมหายใจ จานฐานทั้งสี่อันก็สลักเสร็จสมบูรณ์

หลังจากนั้น ลู่อวิ๋นก็ใช้หยินหยางสองเขตแดน นำจานฐานค่ายกลทั้งสี่ออกมาทีละอัน สลักอย่างเชื่องช้าต่อหน้าคนอื่นอีกครั้ง ก่อนจะโยนไปอีกทาง

ชินเซียนเหอมองดูรูปแบบบนจานฐานทั้งสี่ ในดวงตามีเพียงความตกตะลึง

ในขณะนี้ ความคิดที่ดูไร้สาระประหลาดเกิดขึ้นในสมองของเขา แม้เขาจะได้รับความทรงจำของเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาก็คงไม่อาจเข้าใจสิ่งต่างๆ ในความทรงจำของเขาได้

มันช่างซับซ้อนเหลือเกิน

"นี่...นี่คือค่ายกลน้ำไฟจริงๆ หรือ"

ชินเซียนเหอหยิบจานค่ายกลน้ำไฟที่เขาคิดว่าง่ายที่สุดขึ้นมา พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด ก่อนจะโดนกระแทกอีกครั้ง

"น้ำไฟในแปดไตรภาพไม่ใช่แค่น้ำและไฟธรรมดา แต่เป็นระบบน้ำและระบบไฟ... แต่ละระบบล้วนครอบคลุมสรรพสิ่ง รวมถึงทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับน้ำและไฟ"

ตอนนี้ ลู่อวิ๋นกำลังลงมือสลักค่ายกลสุดท้าย

ดวงตาของชินเซียนเหอค่อยๆ เป็นประกาย ในตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนกำแพงขวางทางขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า กำลังค่อยๆ สั่นคลอนลง

ฉีเชิ่งฮุยและซือถูอวิ๋นสบตากัน ต่างก็เห็นความกังวลในดวงตาของกันและกัน

"ห้ามปล่อยให้ชินเซียนเหอกับลู่อวิ๋นคนนี้อยู่กันต่อไป..."

ฉีเชิ่งฮุยพูดเบาๆ ซือถูอวิ๋นพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง

ชินเซียนเหอเป็นถึงปรมาจารย์ค่ายกล ความหลงใหลที่เขามีต่อค่ายกลเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะฆ่าลู่อวิ๋นได้ยากขึ้น

"เสร็จแล้ว"

ในตอนนั้น ลู่อวิ๋นลุกขึ้นยืน มองจานฐานทั้งห้าที่วางอยู่บนพื้น มีสีหน้ายินดี

จากนั้น เขาก็หยิบเมล็ดถั่วทองห้าเมล็ดออกมา เรียกทหารเทพทองคำห้าองค์

"โอ๊ย พระเจ้า คนคนนี้โหดร้ายชะมัด ทุกครั้งก็เรียกพวกข้ามาตายซะงั้น"

ทหารเทพทองคำห้าองค์พึมพำด้วยความไม่พอใจ พลางอุ้มจานฐานห้าอันบนพื้นขึ้นมา เรียงเป็นแถวในลักษณะพิเศษ แล้วกระโดดลงไปบนเกาะที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกัน

ในพริบตา ทหารเทพทองคำห้าองค์ก็กลายเป็นถั่วเหี่ยวแห้งห้าเมล็ด ปราณเดิมของพวกเขากลับไปสู่ห้วงอวกาศที่ไม่อาจรู้แห่งนั้น

จานฐานค่ายกลห้าอันก็ตกลงบนพื้น

ตูม--

ทันใดนั้น เกาะเล็กเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หลุมน้ำวนขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางราวห้าลี้ปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือเกาะ ปกคลุมเกาะเล็กที่กว้างเพียงไม่กี่ลี้

หลุมน้ำวนหมุนคว้างช้าๆ ดูดซับหมอกเมฆรอบด้านเข้ามาหมดสิ้น

จานฐานค่ายกลทั้งห้าบนเกาะก็ค่อยๆ ลอยขึ้น ปล่อยรัศมีพร่ามัวออกมา หมุนตามหลุมน้ำวนบนเกาะ

เมื่อเวลาผ่านไป หลุมน้ำวนนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ค่อยๆ วิวัฒนาการกลายเป็นภาพหยินหยางที่กำลังหมุนคว้าง พลังหยินหยางในภาพหยินหยางนั้น ถูกจานฐานค่ายกลห้าอันด้านล่างดูดซับอยู่ตลอดเวลา

จานฐานค่ายกลตรงกลางก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นภาพหยินหยางเช่นกัน...แต่ภาพหยินหยางนี้กลับตรงกันข้ามกับภาพหยินหยางกลางอากาศ

"อ๊า--"

ทันใดนั้น เสียงร้องแหลมเสียดแทรกก็ดังขึ้นจากบนเกาะ เหมือนมีบางอย่างถูกกระตุ้นให้โกรธแค้น

"บนเกาะมีคนอยู่!"

ฉีเชิ่งฮุยร้องตะโกน ขณะนี้ เขาตกตะลึงพบว่าบนเกาะตรงหน้ากลับมีหญิงสาวในชุดขาวโผล่ออกมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่

"เจ้า ไปดูบนเกาะหน่อย!"

ทันใดนั้น ซือถูอวิ๋นลงมือ คว้าตัวลู่อวิ๋นแล้วโยนเขาขึ้นไปบนเกาะ

ทั้งโม่อีและชิงหานต่างก็ถูกหญิงที่โผล่ออกมากะทันหันดึงดูดความสนใจจนไม่ทันได้ทำอะไร ได้แต่มองลู่อวิ๋นร่างผอมบางกระแทกเกาะอย่างแรงด้วยสายตา

"ลู่อวิ๋น!"

ชิงหานตะโกนลั่น เขากระโดดตามขึ้นไป ลงตรงข้างๆ ลู่อวิ๋นทันที

------------------------------------------------

PS: เมื่อเพื่อนเรียกร้อง ผมก็กลับมาแปลอีกครั้ง หวังว่าจะติดตามกันไปตลอดนะครับ วันนี้ขอประเดิมเท่านี้ตอนก่อนนะครับ

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด