บทที่ 176 เป็นไปไม่ได้!
เดิมที มีผู้ประเมินอยู่ประจำในสถานที่ ซึ่งหลินหยวนผู้นำหอสมาคมนักปรุงโอสถแห่งเมืองเสินเจี้ยน มิจำเป็นต้องลำบากลงมาตรวจสอบเอง แต่ครั้งนี้กลับพิเศษออกไป ด้วยเขาต้องการเป็นผู้ลงมือประเมินเองกับตา
ขณะเขาสืบเท้าเข้าใกล้เตาหลอมโอสถของหยางเสี่ยวเทียน ในใจก็พลางกังวลแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ถูก ก่อนจากนั้นเขาจะก้มมองเข้าไปในเตาหลอมโอสถพร้อมเบิกตานิ่ง
เม็ดกลมๆ สีฟ้าที่นอนนิ่งอยู่ในเตาหลอมโอสถ สดใสราวกับมีจิตวิญญาณชัดเจนจนไม่มีร่องรอยของสิ่งสกปรกเช่นนี้ ประหนึ่งลูกไฟวิญญาณของภูติสวรรค์มิมีผิด
กระทั่งทำผู้คนในลานแข่ง หยุดการเคลื่อนไหวทุกสิ่ง ด้วยเกรงจะรบกวนเจ้าก้อนสีฟ้านั้น ราวกับมันจะตื่นหนีหายไปได้อย่างไงอย่างงั้น
หัวใจหลินหยวนตอนนี้ เริ่มเต้นระรัวเร็วก่อนที่มือทั้งสองจะพลางสั่นไหวไปด้วยความตื่นเต้น
ในฐานะผู้นำ หรือปรมาจารย์ของหอสมาคมนักปรุงโอสถประจำเมืองเสินเจี้ยน เขาล้วนฝึกฝนหลอมโอสถอยู่เป็นประจำและทำมานานกว่าหลายทศวรรษแล้ว เพียงโอสถสร้างฐานวิญญาณที่อยู่ตรงหน้า จะไม่สามารถตัดสินคุณภาพมันได้อย่างไร
หลิวอันรู้สึกโล่งใจหันกลับไปนั่งที่ หลังเห็นความตื่นเต้นของหลินหยวน เพราะดูเหมือนว่านายน้อย คงจะหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงได้สำเร็จ
ส่วนผู้คนที่ไม่คิดเช่นหลิวอันกลับพานกังวลใจ เมื่อเห็นหลินหยวนเอาแต่จดจ้องมองเตาหลอมโอสถอย่างตื่นเต้น ทั้งยังก็ไม่กล่าวปริปากประกาศผลใดๆ อยู่เป็นเวลานาน
ทำเผิงจื้อกังผู้เฝ่ารอ อดเปิดปากถามเสียงดังมิได้ “ท่านราชครูหลิน ผลเป็นอย่างไรบ้างบ้าง”
สิ้นเสียงเรียกสติ หลินหยวนกลับสูดหายใจเข้าลึกก่อนหันมองทุกคน และพยายามสงบอารมณ์ไม่ให้ฟังดูตื่นเต้นจนเกินไป “มะ มันเป็นโอสถสร้างฐานวิญญาณระ ระดับสวรรค์!”
“อะไรนะ โอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์!”
ทันทีที่ผลประเมินของหลินหยวนสิ้นลง ทุกคนผู้ต่างรอฟังก็พลันร้องอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียงด้วยตกตะลึง
ในขณะที่กู่ซี องค์ชายแห่งอาณาจักรกู่เจี้ยน เหล่าปรมาจารย์ด้านกระบี่หรือดาบและบรรดาวิญญาจารย์ กระทั่งบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่นักปรุงโอสถ กลับล้วนรู้สึกเฉื่อยเฉยด้วยศรัทธาในตัวหยางเสี่ยวเทียน
และรับรู้ได้ตั้งแต่รอบแรก ว่าพรสวรรค์ด้านหลอมโอสถก็ต้องไม่ธรรมดาต่างจากความแก่กล้าด้านกระบี่เช่นกัน
“เป็นไปไม่ได้!”
จู่ๆ เสียงตะโกนอย่างไม่พอใจของเฉิงหลง ก็พลันเรียกสติให้ผู้คนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว ก่อนทุกคนเหล่านั้น จะได้ประสบเห็นสีหน้าแลอากัปกิริยาเขา ที่ราวกับถูกใครเหยียบหางมิมีผิด
ด้วยเขาไม่เชื่อ พร้อมไม่มีทางหลงเชื่อว่าสิ่งที่หยางเสี่ยวเทียนหลอมออกมานั้น จะเป็นโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ แม้คนที่เป็นผู้ประเมินจะคือหลินหยวนก็ตาม
ซึ่งก็มีหลายคนยังสงสัยเช่นเดียวกับเฉิงหลง เพราะโอสถระดับนี้ ถือเป็นเรื่องยากเกินกว่าจะเชื่อ ว่าเด็กเช่นเขาจะหลอมออกมาได้
แม้แต่ปรมารจารย์นักปรุงโอสถผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่อย่าง หลี่เหวิน อู๋ฉี เฟิงซิง และโม่หลิงข่าย ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่า พวกเขาจะสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ได้สมบูรณ์สิบส่วน
หลินหยวนเหลือบมองเฉิงหลง ผู้กล้าเอ่ยปากค้านสิ่งที่เขาได้ประจักษ์เองสองตา ก่อนเทโอสถสร้างฐานวิญญาณจากเตาหลอมลงบนจานหยกที่เตรียมไว้ ให้ได้ประสบแลตัดสินเอง ว่าผิดพลาดอย่างที่เขากล่าวไปหรือยังจะคิดว่าเขาพูดเหลวไหลอยู่ไม่
เมื่อเม็ดโอสถสร้างฐานวิญญาณตกลงบนจานหยก เสียงกระทบก็พลันใสเสนาะหูเหมือนลูกปัดสีฟ้าแห่งท้องทะเลหายาก ในหูของคนผู้ยังไม่เชื่อเพลานี้ ต่างได้ยินเสียงอันน่าพึงใจดังก้องตราตรึงอยู่นาน
โอสถสร้างฐานวิญญาณเม็ดนี้ สะท้อนใสภายใต้ความเจิดจ้าของแสงแดดได้อย่างมหัศจรรย์นัก
แต่กลับทำใบหน้าของเฉิงหลง ซีดขาวลงขณะได้มองเม็ดโอสถสร้างฐานวิญญาณชัดกับตาตนบนจานหยก
และเวลานี้ ก็ไม่มีใครใคร่สงสัยอีกต่อไป กระทั่งไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นตา ให้เปลี่ยนกลับเป็นปกติได้ดังเดิมง่ายๆ เช่นทุกครา
ด้วยทุกคนล้วนรู้ดี ว่าโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์นั้น ยากต่อการหลอมให้สำเร็จมากแค่ไหน แม้แต่หลี่เหวิน ที่เป็นถึงผู้นำหอสมาคมนักปรุงโอสถ ก็ยังประสบช่วงเวลาอันยากลำบากขณะขัดเกลามัน จนเกือบตกอยู่ในวังวนของความเพ้อคลั่งเพราะต้องการหลอมมันให้สมบูรณ์
แล้วหยางเสี่ยวเทียน ผู้เพิ่งอายุเท่าไรเอง…
เขากลับสามารถหลอมมันจนสำเร็จได้ ทั้งยังทำออกมาอย่างง่ายดายด้วยอายุเพียงเท่านี้
ไม่จำเป็นต้องฝึกหลอมหนักอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตกระทั่งแทบเป็นคนวิกลจริตเช่นปรามาจารย์นักปรุงโอสถหลายผู้เลยด้วยซ้ำ
เวลาต่อมา อาจเนื่องมาจากอิทธิพลโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ของหยางเสี่ยวเทียนมิทราบได้ ไม่ว่าจะเป็นเฉิงหลง เฉินจื่อหาน เติ้งอี้ชุน หูซิง หรือผู้เข้าแข่งคนอื่นๆ
พวกเขาทั้งหมดต่างทำงานผิดปกติแลผิดพลาดไปหมดขณะทำการหลอมโอสถ ขนาดเฉิงหลง ผู้ยอมทุ่มสุดกำลังด้วยเปลวไฟซากวิญญาณศีตละเพื่อหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณ สุดท้าย ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นเพียงระดับกลางเท่านั้น
ระหว่างที่เฉินจื่อหานแทบไม่ถึงระดับกลาง ในขณะเติ้งอี้ชุน หูซิง และคนอื่นๆ ก็อยู่เพียงระดับต่ำกว่าด้วยซ้ำ
ส่วนนักปรุงโอสถอีกหลายคน ก็หลอมได้เพียงโอสถด้อยคุณภาพ และมีอยู่จำนวนมากที่ถึงกับล้มเหลวโดยตรง
ผลสรุปในรอบที่สอง หยางเสี่ยวเทียนมาเป็นอันดับหนึ่งอีกครั้งโดยมิมีข้อกังขา
ต่อไปเป็นรอบที่สาม…
ในการแข่งรอบที่สาม เป็นการหลอมโอสถอย่างอิสระ ตามความถนัดและต้องการของนักปรุงโอสถ
ใครก็ตามที่หลอมโอสถได้ระดับสูงสุดและมีคุณภาพดีสุด จะได้รับอันดับหนึ่งหรือตำแหน่งผู้ชนะไปครองทันที
เมื่อได้ยินว่ารอบที่สาม เป็นการหลอมโอสถอย่างอิสระ ดวงตาเฉิงหลงก็ปรากฏไฟอันร้อนรุ่มด้วยความบ้าคลั่ง พร้อมหยิบสมุนไพรออกมาหลายสิบชิ้น
ผู้คนบนอัฒจันทร์ตะลึงลานทันใด ครั้นเห็นเฉิงหลงหยิบสมุนไพรออกมาหลายสิบชนิด
“องค์ชายสอง จะหลอมโอสถขั้นเซียนเทียนงั้นหรือ” มีคนคาดเดา
“ไม่ผิด! ข้าจะหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่!” เฉิงหลงกล่าว พร้อมหันหาหยางเสี่ยวเทียนด้วยโทสะ
“หยางเสี่ยวเทียน ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะสามารถหลอมโอสถขั้นเซียนเทียนได้เช่นกัน” น้ำเสียงเดือดพล่านเนื่องโกรธอยู่เต็มประดาอก
แม้เขาเองก็ยังไม่แน่ใจ ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เขาจะพยายามทำให้ดีที่สุดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เพราะหากเขาสามารถหลอมโอสถขั้นเซียนเทียนได้ เขาก็สามารถเอาชนะหยางเสี่ยวเทียนได้เช่นกัน แล้วชัยชนะที่ตกเป็นของอันดับหนึ่งในการแข่งขันหลอมโอสถครั้งนี้ ต้องเป็นของเขาแน่นอน