บทที่ 48 การฉายภาพ (6)
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 48 การฉายภาพ (6)
ในสวนสาธารณะที่เงียบสงบ จู่ ๆ ก็เกิดเหตุวิ่งไล่ขึ้นมา คังวูจินเป็นฝ่ายวิ่งหนี ส่วนเพื่อนสนิทที่โมโหก็เป็นฝ่ายวิ่งไล่ ทั้งสองฝ่ายวิ่งกันอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งไปกว่านั้น พลังฝีเท้าอันว่องไวของผู้ไล่ตามก็รุนแรงราวกับจะทะลุท้องฟ้า
“เฮ้!! ไอ้คังวูจิน!! หยุดตรงนั้นนะ! เฮ้ย?!!”
“ไอ้ลูกหมา! ยืนนิ่ง ๆ ! อยู่เฉย ๆ ได้แล้ว!”
“ไอ้เพื่อนบ้า!! เฮ้!!”
พวกเขาเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่สูญเสียสติสัมปชัญญะ ถ้าเขาโดนวัวบ้าพวกนี้พุ่งชน เขาตายแน่ คังวูจินจึงวิ่งเร็วขึ้น
ดังนั้น
- ตึก ตึก ตึก!
ระยะห่างระหว่างผู้วิ่งไล่ที่แสนป่าเถื่อนกับคังวูจินผู้วิ่งหนีนั้นไม่ลดลง บางครั้งผู้คนที่ออกไปเดินเล่นก็เหลียวมองพวกเขาทั้งสี่ที่วิ่งไปรอบ ๆ คงคิดว่าพวกเขาค่อนข้างบ้ากระมัง
มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เพราะผู้ชายร่างกายกำยำ แต่งตัวชุดเล่น กำลังวิ่งกันอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนจะไร้สติ
หลังจากนั้นประมาณ 3 นาที
“แฮ่ก... เฮ้ย! แฮ่ก- หยุดวิ่ง! เฮ้ย ไอ้คังวูจิน!”
“ไอ้บ้า เอ็ง! วิ่งเร็วเหลือเกิน”
"หายใจไม่ทันแล้ว เฮ้ย! ยืนเฉย ๆ สักพักเถอะ! หายใจไม่ทันโว้ย!”
ทั้งสามไล่ล่าอย่างดุเดือดเริ่มหายใจหอบ คนแรกที่ขอลาคือลีคยองซอง ชายร่างอ้วน
“······แฮ่ก-”
เขาค่อย ๆ ชะลอตัวลงและในที่สุดก็หยุด จับเข่าด้วยมือทั้งสองข้าง
“ให้ตาย… ฉันจะอ้วกแล้ว เฮือก!”
คนต่อไปที่จะขอลาคือ
“แฮ่ก เอ่อ แฮ่ก คัง วูจิน ไอ้เพื่อนบ้า”
นาฮยองกูผู้ที่ให้ความรู้สึกเป็นชายเจ้าชู้ เขาหยุดวิ่งและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พ่นลมหายใจแรง ๆ สองคนที่วิ่งไล่ได้ถอนตัวออกไปแล้ว เหลือเพียงคนเดียวคือ
“แฮ่ก- เฮ้ย คังวูจิน!”
คิมแดยอง ร่างกายกำยำแข็งแรงของเขาดูเหมือนจะมีความอดทนมากกว่าเพื่อนสองคนที่พ่ายแพ้ไป
แน่นอนว่า
“ฮึ๊บ! ฮู้วว!”
คังวูจินที่ยังคงวิ่งและหายใจออกอย่างเป็นระบบ และยังคงวิ่งอยู่ ด้วยเหตุนี้...
“เฮ้! แฮ่ก! เอาละ! หยุดวิ่ง! คังวูจินมาคุยกันเถอะ!”
คิมแดยองตะโกนใส่คังวูจินและเดินช้าลง คังวูจินหันกลับมามองและพูดว่า
“แกหยุดก่อนสิ!”
“ก็ได้! ฉันบอกว่าหยุดก็คือหยุดสิ!”
คิมแดยองหยุดวิ่งโดยเอามือเท้าสะเอว และหลังจากเห็นเช่นนั้น คังวูจินก็วิ่งช้าลง เพื่อนสองคนที่ออกไปก่อนหน้านั้นกำลังนั่งพักอยู่บนพื้น
แล้วคังวูจินที่หายใจแรง ๆ ก็ตะโกนใส่คิมแดยอง
“ทำไมแกถึงไล่ฉันเหมือนหมูป่าเลยวะ??!”
“ก็แน่สิ ฉันต้องไล่แกสิ! ก็แกโผล่มาบนจอหนัง แถมเป็นนักแสดงอีก!”
“แล้วไหงแกถึงดูเหมือนอยากจะฆ่ากันล่ะ?!”
“แล้วทำไมแกวิ่งหนีเล่าโว้ย?!”
"ไอ้บ้าเอ้ย! มองขนาดตัวแกสิ! ดูไงฉันก็ต้องวิ่งหนีไป!"
เสียงสองคนที่คุยโวหยุดการสนทนาลง ช่วงนั้นเอง ในระหว่างนั้น เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนพื้นก็วิ่งเข้าไปหาคิมแดยอง ในจังหวะนั้น คังวูจินพ่นลมหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดขึ้น
"เออ ฉันจะอธิบายทุกอย่าง ใจเย็น ๆ อย่าทำเหมือนพวกแกจะไปฆ่าใครสักคนสิ"
คังวูจินมองไปรอบ ๆ เขาเห็นมุมที่มีม้านั่งไม้ใกล้ ๆ คังวูจินชี้นิ้วไปที่นั้น
"ไปนั่งกันก่อนเถอะ"
เพื่อนทั้งสามคนดูเหมือนจะเห็นด้วยและเริ่มเดิน
อึบ
คังวูจินที่มาถึงม้านั่งก่อนนั่งลง เพื่อน ๆ กำลังเข้ามาใกล้ แต่การลงโทษต้องเกิดขึ้น คิมแดยองเอาคังวูจินไว้ในท่าล็อก ลีคยองซองชกที่ด้านข้างของคังวูจิน และนาฮยองกูก็จับคอเสื้อของเขาเขย่า
มันเป็นการลงโทษที่ดูไร้สาระเป็นอย่างยิ่ง
ประมาณ 3 นาทีผ่านไป คังวูจินเกือบจะถูกตีตาย เพื่อน ๆ ก็ปล่อยตัวเขาไปอย่างยากลำบาก คังวูจินทิ้งตัวลงบนม้านั่ง คิมแดยองนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาพลางถอนหายใจและถาม
“แล้วไง? อธิบายมาสิไอ้เพื่อนบ้า”
ลีคยองซองและนาฮยองกูอีนั่งอยู่ที่ม้านั่งถัดไป พยักหน้าเห็นด้วย ในไม่ช้าคังวูจินก็ลูบคอและซี่โครงของเขาแล้วพึมพําเบา ๆ
“ก่อนอื่นเลย ตัวเอกของหนังที่พวกนายได้ดู นั่นฉันเอง”
“······อา ไอ้บ้า มันยิ่งดูไม่น่าเชื่อมากกว่าเดิมอีก พอได้ยินมาจากปากแก”
“ฉันว่ามันรู้สึกว่าน่าสนใจมากเลยนะว่าไหม? เหมือนกับว่าตัวเอกของหนังที่เราเพิ่งดูไปมา กำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าเราเลย”
“มันก็คนเดียวกันนั่นแหละ ไอ้โง่นี่”
คิมแดยองเกาหน้าขณะถามคังวูจิน
“แกลาออกจากงานไปนานเเค่ไหนแล้วเนี่ย? ไหงตอนนี้ก็มาเล่นหนังเฉยเลย? ได้ทำหนังสั้นด้วยเหรอ? มันสมเหตุสมผลไหมที่ไหนกัน?”
ใช่ มันไม่สมเหตุสมผลเลย คังวูจินเองก็ยอมรับกับตัวเองเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คังวูจินไม่สามารถอธิบายทุกอย่างให้เพื่อนฟังได้ ไม่ว่าจะเป็นพลังของมิติว่างเปล่า หรือสถานการณ์โดยรวมในแวดวงบันเทิง เพราะยังไงเพื่อน ๆ ของเขาก็ไม่มีทางเข้าสู่วงการบันเทิงอยู่แล้ว
ดังนั้น คังวูจินจึงจำเป็นต้องพูดในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น
“มันก็อาจจะไม่สมเหตุสมผลหรอกน่า สรุปคือมันมีบางอย่างเกิดขึ้น แล้วฉันก็ค้นพบว่าตัวเองแสดงละครได้ค่อนข้างดี”
“······?”
“พูดจาไร้สาระอะไรกันเนี่ย?”
"ไอ้นี่สงสัยมันโดนน้อยไป"
ด้วยความงุนงงกับคำตอบของเพื่อน คังวูจินยังคงอธิบายต่อ พลางจ้องมองไปที่คิมแดยองผู้พร้อมทุบตีเขาแล้ว
"ครั้งแรกที่ฉันรู้ตัวว่าตัวเองอาจจะมีพรสวรรค์ด้านการแสดง คือวันที่ไปร่วมคัดเลือกรายการ 'สุดยอดนักแสดง' กับแกไง คิมแดยอง ฉันคิดว่าตัวเองอาจจะมีพรสวรรค์ด้านการแสดงอยู่บ้าง ดังนั้นฉันจึงเริ่มสนใจบทละครและบทภาพยนตร์ แกคงรู้ใช่ไหมว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น?”
“ฉันให้แกยืมบทภาพยนตร์ 'สำนักงานนักสืบ’ ไป”
"ใช่ ฉันอ่านแล้วรู้สึกว่ามันน่าสนใจ ฉันเลยลองไปคัดเลือกหลังจากฝึกฝนมาสักพักใหญ่ ผู้กำกับบอกว่าฉันทำได้ดีและขอให้ร่วมงานกัน ดังนั้นเราเลยสร้างหนังด้วยกัน"
คังวูจินชี้โป้งไปข้างหลัง
“ส่วนหนังเรื่องที่ว่าก็ถูกฉายเป็นภาพยนตร์หลักในเทศกาลหนังในวันนี้ จบเรื่อง”
“······”
ความเงียบไหลผ่านระหว่างเพื่อนสนิท พวกเขาจ้องมองไปที่คังวูจิน แต่คังวูจินกับสงบนิ่ง ดูเหมือนสิ่งที่เขาพูดไม่ได้โกหกเลย จากนั้นลีคยองซองผู้มีร่างอวบก็เปิดปากอีกครั้ง
“...นั่นสมเหตุสมผลตรงไหนกัน? ไอ้เวร เอ้ย?”
"ก็มันอยู่ตรงหน้าแกแล้วนี้ไง มันจริงทุกอย่างเลย"
คิมแดยองที่รู้เรื่องการแสดงมากกว่าคังวูจินก็เดินเข้ามา
“คนที่ออกแบบมาทั้งชีวิต... สามารถแสดงได้ดีในเวลาเพียงไม่กี่เดือนเหรอ?”
“ใช่ มันเกิดขึ้นแล้วนิ”
“อย่าโกหกเลย แกจะสามารถแอบฝึกการแสดงมาเป็นสิบปีโดยที่พวกเราไม่รู้เรื่องได้เหรอ?”
นาฮยองกูก็กระโดดเข้ามาร่วมวงเช่นกัน
“นี่ คังวูจิน นั่นมันไม่ใช่พรสวรรค์แล้ว มันคือการโกงชีวิตเลยต่างหาก”
อืม เห็นด้วย มิติว่างเปล่ามันเป็นเหมือนการโกงจริง ๆ เพื่อนทั้งสามคนที่ได้ฟังคำอธิบายก็ดูเหมือนจะยอมรับมันได้ยากอยู่สักพัก แต่สุดท้ายเหมือนจะพอเข้าใจ อาจเพราะว่าผลลัพธ์มันออกมาอยู่ตรงหน้าแล้ว และไม่มีคำอธิบายใดนอกจากคำพูดจากคังวูจิน ในไม่ช้า คังวูจินก็มองสำรวจเพื่อน ๆ ที่ยังคงสับสนกันอยู่
"ช่างเถอะ หลังจากได้เจอกับเรื่องราวสุดอลเวงแบบนี้ ตอนนี้ฉันก็อยู่ตรงนี้ไง ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกพวกนายด้วสย พอดีช่วงนี้มีอะไรถาโถมเข้ามาเยอะแยะ"
"แล้วนายก็ยุ่งอยู่กับการถ่ายทำมาตลอดงั้นเหรอ?"
"ใช่ ฉันยุ่งมากจริง ๆ ”
คิมแดยองที่กำลังเกาหัวดูเหมือนจะเข้าใจ
"เออ การถ่ายทำมันก็หนักแหละนะ เฮ้อ แต่ฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องพูดแบบนี้กับนาย...สรุปคือนายจะแสดงต่อเหรอ?"
“ฉันกำลังคิดเรื่องนี้อยู่แหละมั้ง?”
“... แต่คังวูจิน นายเป็นนักแสดงที่เก่งมากเลยนะ ฉันประหลาดใจพอสมควรตอนดู 'สำนักงานนักสืบ'”
คังวูจินรีบพูดสิ่งที่สำคัญที่สุดออกมา
"เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับระหว่างพวกเราตอนนี้นะ อย่าไปพูดถึงมันที่ไหนเลย และแกก็ห้ามโอ้อวดเด็ดขาด ถ้าแกทำแบบนั้น แกตายแน่”
เอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นในตอนนี้หรอก แต่คังวูจินเป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากไง เขาก็เลยพูดออกไป เพื่อน ๆ พยักหน้าราวกับจะสื่อว่าทำไมต้องพูดเรื่องที่มันชัดเจนขนาดนั้นด้วย
และตอนนั้นเอง
“แล้ว คังวูจิน แกสนิทกับฮงฮเยยอนหรือเปล่า?”
นาฮยองกูถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพื่อนที่เหลือก็หันมาสนใจทันที
“อ๊า! จริงสิ เราประหลาดใจมากเลยตอนฮงเฮยอนออกฉากมา นี่ฮงฮเยยอนกอดแกจากด้านหลังเหรอ?? ฉันอิจฉาชะมัด”
"แกคุยกับฮงฮเยยอนแบบปกติได้เหรอ?”
คังวูจินหัวเราะเบา ๆ แล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม
"ฉันมีเบอร์โทรศัพท์ของฮงฮเยยอนด้วยนะ"
"ว้าว!"
"ว้าว เฮ้ย เฮ้ลองโทรหาเธอดูสิ ”
"ขอแค่ได้ยินเสียงเธอก็พอ!”
ท่ามกลางความตื่นเต้นของผู้ชายในวัยยี่สิบกว่า ๆ คิมแดยองที่จู่ ๆ ก็จริงจังขึ้นมาก็ได้เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ย ไอ้คังวูจิน แต่แกตัดสินใจเรื่องงานต่อไปของแกแล้วเหรอ?”
"อ๋อ ตัดสินใจแล้ว เป็นละครเรื่องหนึ่ง แต่ฉันบอกรายละเอียดแกไม่ได้ มันยังถูกเก็บเป็นความลับอยู่"
เรื่องนี้ก็เป็นความจริง บทบาทของคังวูจินในเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ยังคงเป็นความลับ คิมแดยองถามอีกครั้ง ความตื่นเต้นเริ่มแพร่กระจายไปทั่วกลุ่มเพื่อนอีกครั้ง
“... ละครเหรอ? จริงดิ? ช่องหลักเบอร์หนึ่งเหรอ? การถ่ายทำจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่?”
คังวูจินตอบอย่างสบาย ๆ
“เปล่า มันจะเข้าฉายเร็ว ๆ นี้”
ดวงตาของทั้งสามเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ในขณะเดียวกัน
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ผู้คนจำนวนมากแห่กันไปที่ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ เมื่อเทียบกับวันธรรมดาที่เงียบสงบ เสียงฮือฮาก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงบ่าย พาดหัวข่าวหลั่งไหลราวกับว่าพวกเขากำลังรอช่วงเวลานี้อยู่
『[เทศกาลหนังสั้น] 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' กำลังเป็นที่จับตามอง ด้วยรูปแบบการฉายหนังสั้นที่สลับสับเปลี่ยนไปมา อีกทั้งภาพยนตร์เรื่องแรก 'สำนักงานนักสืบ' ถูกนำแสดงโดยนักแสดงแถวหน้า ฮงฮเยยอน!』
『จากนักแสดงชั้นนำฮงฮเยยอนถึงพัคจองฮยอกที่บอกว่าเขาจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งที่ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง'... ดาวเด่นที่ไม่คาดคิดได้มาเรียงตัวกันแล้ว』
แน่นอนว่าชื่อของฮงฮเยยอนและพัคจองฮยอกถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณพลังดาราเลยที่ช่วยดึงดูดความสนใจ ทำให้การโปรโมทเทศกาลประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปกลับให้ความสนใจนักแสดงชั้นนำมากกว่า
『[ประเด็นพูดคุย] ฮงฮเยยอนในหนังสั้น? ผู้ชมในงาน 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ต่างรู้สึกสับสน』
แม้ว่าพัคจองฮยอกจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจ เพราะในอดีตเคยมีข่าวฉาว แต่สื่อบันเทิงส่วนใหญ่กลับมุ่งความสนใจไปที่ฮงฮเยยอน นักแสดงหญิงชื่อดัง มีบทความเป็นครั้งคราวที่สร้างการแข่งขันระหว่างฮงฮเยยอนและพัคจองฮยอกด้วย
『ฮงฮเยยอน ปะทะ พัคจองฮยอก: ปรากฏการณ์การฉายหนังที่สุดแปลกประหลาด 』
จริงอยู่ว่ามีบทความเกี่ยวกับคังวูจินอยู่บ้าง แต่ไม่มีอะไรที่หวือหวา ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการแสดงที่น่าประทับใจของเขาและเรื่องที่ว่าตัวเอกของ 'สำนักงานนักสืบ' ไม่ใช่ฮงฮเยยอน
『หนังสั้น 'สำนักงานนักสืบ' ที่มี 'ฮงฮเยยอน' แต่นักแสดงนํากลับเป็นนักแสดงที่ไม่มีใครรู้จัก?』
ทำให้ความนิยมของงานเทศกาลพุ่งสูงขึ้นมากในวันนี้ ด้วยการปรากฏตัวของดาราชั้นนำทั้งสองคน บวกกับบรรยากาศวันหยุดสุดสัปดาห์ที่คึกคักยิ่งขึ้น ความคิดเห็นมากมายท่วมท้นในวิดีโอรีวิวเกี่ยวกับ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' โดยผู้ใช้ยูทูป
-วันนี้ไปดูมาแล้วและใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงถ้วนดูครบ 10 เรื่องเลย ฮ่า ๆ มันค่อนข้างสนุกดีนะ
-↑หนังเรื่องละกี่นาทีเนี่ย?
-ดูน่าเบื่อออก
-ว้าว... ฮงฮเยยอนถ่ายหนังสั้นเหรอ?? ยอดเยี่ยม
- ฉันดูมาแล้ว บอกเลยว่ายกเว้นเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ’ กับอีกสองสามเรื่อง ที่เหลือห่วยแตกหมด รวมถึงเรื่องที่พัคจองฮยอกเล่นด้วย
-สำนักงานนักสืบสนุกโคตร
-ฉันควรไปดูเรื่องนี้ด้วยไหม...? แต่ 3 ชั่วโมงดูเหมือนจะนานไปหน่อยแฮะ
- สำนักงานนักสืบ 555 ฮงฮเยยอนแค่เล่นรับเชิญเอง พระเอกเป็นนักแสดงโนเนม แต่ฝีมือการแสดงโอเคเลย
- สปอยล์หรอเนี่ย??
-พัคจองฮยอกบอกว่าจะเริ่มต้นใหม่จากเบื้องล่าง แล้วก็มาแสดงหนังสั้นจริง ๆ ขอนับถือเลย!
- ทำไมต้องดูหนังห่วยล่ะ?
- ..... ฮือ ฮงฮเยยอน….ฉันแค่อยากดูหนังที่เธอเล่น
ในขณะเดียวกัน ชุมชนคนรักหนังกลับมีคนพูดถึงคังวูจินมากขึ้นอย่างน่าแปลกใจ
- ฉันต้องการข้อมูลเกี่ยวกับนักแสดงคังวูจิน ตัวเอกของ 'สำนักงานนักสืบ'
-ความประทับใจจากหนังสั้นที่ฉันดูใน 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’.jpg
-คุณคังวูจินเป็นใครครับ? ฉันไม่พบข้อมูลของเขาเลยตอนที่ค้นหาในเน็ต
- จู่ ๆ ดาราโนเนมคนนี้ดังขึ้นมาแบบพุ่งปรี๊ด 555
- ตั้งใจจะไปดู ฮงฮเยยอน แต่กลับกลายเป็นโดนเสน่ห์ของคังวูจินซะงั้น
•
•
•
ชื่อเสียงของ คังวูจินเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ
วันที่ 5 พฤษภาคม วันเด็ก ซึ่งเป็นวันหยุดราชการที่พนักงานออฟฟิศจํานวนมากพักผ่อน
แม้ว่าจะเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่พนักงานบริษัทจำนวนมากลาหยุด แต่สำหรับคนดังในวงการภาพยนตร์ วันอังคารนี้เป็นวันอังคารที่ยุ่งเป็นพิเศษ กรรมการมีผู้กำกับระดับอาจารย์ นักแสดงชั้นนำที่มารับหน้าที่เป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ ผู้กำกับที่ได้รับเชิญ ผู้กำกับต่างชาติที่ได้รับเชิญ ดาราแขกผู้มีชื่อเสียง บุคคลสำคัญในวงการ
เพราะวันนี้เป็นวันที่คนดังที่เกี่ยวข้องกับ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' มาร่วมงาน
แน่นอนว่า งานนี้เป็นงานแยกต่างหากที่จัดโดยคณะกรรมการจัดงาน 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' มันเป็นการตัดสินใจที่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะถ้าประชาชนทั่วไปและคนเหล่านี้ปะปนกันไปดูหนัง มันคงจะควบคุมได้ยาก การตัดสินผลงานและนักแสดงของ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ก็เลยถูกกำหนดไว้ในวันนี้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น สถานที่จัดฉายจึงไม่ใช่โรงภาพยนตร์ธรรมดา สถานที่ที่บุคคลสำคัญเหล่านี้มารวมตัวกันคือหอศิลป์ภาพยนตร์กรุงโซล
เมื่อมองแวบแรกอาจเหมือนโรงภาพยนตร์ แต่ก็ใกล้เคียงกับพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์มากกว่า
พวกเขาเก็บรักษาเอกสารเก่า ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ และยังเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้หากจำเป็น มันทำหน้าที่คล้ายกับหอภาพยนตร์ โดยปกติแล้วส่วนใหญ่จะฉายภาพยนตร์ศิลปะและภาพยนตร์สั้นมากกว่าภาพยนตร์ทำเงิน มีห้องฉายสองห้อง ถึงแม้จะไม่ใหญ่มากเท่าโรงภาพยนตร์ทั่วไป แต่ก็กว้างขวางพอสมควร
บุคคลสำคัญเหล่านี้ประมาณ 30 คนมารวมตัวกันที่นั่น
บริเวณกลางล็อบบี้ บุคคลสำคัญเหล่านี้ทักทายกันอย่างอบอุ่นและพูดคุยกัน
"อ้าว ผู้กำกับพัค นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เจอกัน?”
"ครับ ผู้กำกับจอง คุณสบายดีไหม?”
"ฮ่าฮ่า ผมก็เหมือนเดิมครับ ทำไมผู้กำกับพัคไม่ทำงานบ้างล่ะ? ไม่สร้างหนังแล้วเหรอครับ?”
"ผมกำลังอยู่ในช่วงวางแผนน่ะ"
มีใบหน้าที่คุ้นเคยมากมาย กรรมการหลัก ผู้กำกับควอนกีแท็ก นักแสดงจางแทซัน และแม้แต่ ซอกูซอบ ซีอีโอผู้หน้าเหมือนบลูด๊อกของจีจีโอเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็มาร่วมงานด้วย ในกลุ่มผู้กำกับต่างชาติมี ผู้กำกับชั้นครูชาวญี่ปุ่น เคียวทาโร่ ทาโนกุจิ ที่โดดเด่นออกมามาก
ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าซีอีโอซอกูชอบจะยิ้มแย้มอยู่ภายนอก แต่ภายในกลับเดือดดาล
'ซีอีโอชเวซองกุนไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ?'
เพราะเขารู้แล้วว่าซีอีโอชเวซองกุนจากบีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์เป็นผู้ลงทุนของ 'สำนักงานนักสืบ'
'กล้าดียังไงมาดูถูกฉัน?’
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา
บุคคลสำคัญและคนดังทั้งหมดในล็อบบี้ย้ายไปยังห้องฉายภาพยนตร์ ซึ่งมีที่นั่งประมาณ 300 ที่นั่ง แต่ละที่นั่งที่มีชื่อติดอยู่ ซึ่งจัดทําโดยทีม 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ฝั่งซ้าย อยู่ด้านหน้าจอ เป็นที่นั่งของคณะกรรมการตัดสินผู้กำกับและนักแสดง ส่วนฝั่งกลางและขวา เป็นที่นั่งสำหรับแขกที่ได้รับเชิญ
ขณะที่พวกเขาเริ่มเข้าหาที่นั่ง
สีหน้าของกรรมการตัดสินผู้กำกับหลัก นำโดยผู้กำกับควอนกีแท็กเริ่มจริงจังมากขึ้น แขกผู้มีเกียรติก็ยังดูจริงจัง พวกเขาพลิกดูโบรชัวร์ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ด้วย
มองจากด้านหน้า มัคงเป็นภาพที่น่าประทับใจ
เพราะบุคคลสำคัญมากมายจากวงการภาพยนตร์และบันเทิงได้มารวมตัวกัน แม้ว่าจำนวนของพวกเขาอาจจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเทศกาลภาพยนตร์ใหญ่ ๆ แต่ก็มากกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน
ตอนนี้เอง
- ตืด
ห้องฉายภาพยนตร์มืดลง นี่คือการเริ่มต้นฉายหนังสั้น
-♬♪
หลังจากโฆษณาแล้ว ภาพยนตร์สั้นก็จะเริ่มฉาย หนังสั้นเหล่านี้มีความยาวต่างกันไป ตั้งแต่ 5 นาที ถึง 10 นาที หลังจากหนังสั้นแต่ละเรื่องจบลง เสียงปรบมือที่พอเหมาะก็ดังขึ้น
- แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ!
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมมีหลากหลาย
“คุณภาพของผลงานดูเหมือนจะสูงกว่าปีที่แล้ว”
"ได้ยินมาว่าหนังสั้น 10 นาทีเรื่องนี้สร้างโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยนะ"
บรรยากาศเงียบสงบ ไม่คึกคักมาก แต่ยังคงเป็นไปในทางที่ดี
"การแสดงของนักแสดงค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร"
“แต่การกำกับไม่เลวเลยนะ?”
เมื่อหนังผ่านไปประมาณ 5 เรื่อง
-'สำนักงานนักสืบ'
ในที่สุด หนังสั้นเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' ที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้งก็เริ่มฉาย น่าสนใจที่ประมาณ 10 นาทีหลังจาก 'สำนักงานนักสืบ' เริ่มต้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป มันไม่ใช่แค่ความเงียบสงบอีกต่อไป แต่กลายเป็นความประหลาดใจผสมกัน
นอกจากนี้
‘ไม่ใช่ว่าฮงฮเยยอนเป็นตัวนำเรื่องเหรอ? แต่การแสดงของนักแสดงโนเมนคนนี้ค่อนข้างดีเลยแฮะ?’
‘โว้ว นักแสดงคนนั้นเป็นใครกัน?'
‘จริงเหรอเนี่ย...นักแสดงที่สร้างความวุ่นวายในโลกออนไลน์คือเขางั้นเหรอ?'
ผู้ชมส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจไปที่นักแสดงนำของเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' แน่นอนว่าเช่นเดียวกันกับซีอีโอซอกูซอบ ผู้ที่กำลังกัดฟันด้วยความหงุดหงิดก็ไม่มีข้อยกเว้น
"······ บ้าเอ๊ย ทำไมนักแสดงโนเนมคนนั้นเล่นได้ขนาดนั้น?! มันคือใครกัน!’
เขารู้สึกตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ความสามารถในการแสดงของนักแสดงโนเนมคนนั้นบดบังรัศมีของฮงฮเยยอนไปเลย ส่วนดาราชื่อดังหลายคนในห้องก็มีความคิดที่คลุมเครือเหมือนกันในขณะที่ดูนักแสดงโนเนมบนหน้าจอ
ดาวรุ่งคนแรกของชงมูโร² ปีนี้ ต้องเป็นนักแสดงคนนั้นแน่นอน!
'ฉันมองไม่เห็นฮงฮเยยอนเลยด้วยซ้ำ การแสดงของนักแสดงที่โนเนมคนนี้มันเก่งเกินไปแล้ว'
‘ดูการแสดงสิ? มันเป็นธรรมชาติมากเลย’
‘แสดงแบบนั้นได้ยังไงกัน... เขามาจากไหน เขามาจากโรงละครหรือเปล่า?’
'ฉันชักเริ่มโลภอยากได้ตัวเขามาแล้วสิ'
แน่นอนว่าพวกเขากำลังพูดถึงคังวูจินกัน
แล้วก็
‘これまで出た俳優たちとは格が違う?(เขาดูแตกต่างจากนักแสดงทุกคนที่เคยปรากฏตัวขึ้นมาจนถึงตอนนี้เลย? ว่าแต่นักแสดงโนเนมคนนั้นคือใครกันแน่เนี่ย?)
ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น เคียวทาโร่ ทาโนกุจิคิดด้วยความสงสัย
'ที่เกาหลีมีนักแสดงระดับนั้นแสดงในหนังสั้นด้วยเหรอ??’
เขาชักไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองเห็นแล้วสิ
*****