ตอนที่แล้วบทที่ 2 วิญญาณยุทธ์ตื่นขึ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 ดาราจักร

บทที่ 3 สัญญาสิบปี


“เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อมองยังหลัวเฉิงซึ่งจมอยู่ภายใต้แสงดาวอันสุกสกาวบนแท่นพิธี ชายหนุ่มอาภรณ์หรูก็ขมวดคิ้วทันที

“แปลกนัก ไฉนข้ามิอาจควบคุมแท่นพิธีได้!” ชายชราอาภรณ์เทามีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น แม้นเขาเอื้อมมือไปควบคุมช่วยอีกข้าง ก็ยังมิเป็นผลได้

พัฟ!

แสงดาราสว่างวาบโชติช่วงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดับวูบลงในชั่วพริบตา ไม่ช้า ทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบเฉกเช่นเดิม

“คุณชายหลัวเฉิงได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ของเขาแล้ว!”

เสียงอุทานดังขึ้นจากหนึ่งในฝูงชนเบื้องล่าง เพราะเขามองแห่งบางสิ่งที่อยู่เหนือศีรษะของหลัวเฉิง

ทว่า สิ่งที่ปรากฏออกมาจากหลัวเฉิง กลับมิใช่วิญญาณยุทธ์อาวุธหรือวิญญาณยุทธ์สัตว์ แต่มันเป็นไข่ที่มีแสงสะท้อนเก้าสี

รูปลักษณ์ของไข่นั้นสูงกว่าสองฉื่อ มันถูกรายล้อมไปด้วยแสงลึกลับเก้าสีที่แวววาวสดใส

ครั้นผู้คนจับจ้องไข่เก้าสี เสียงฮือฮาเมื่อครู่ก็พลันเงียบสงบลง ในแววตาพวกเขาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง

ไม่มีแม้แต่ดาวดวงเดียว!

วิญญาณยุทธ์ยังไม่ถือกำเนิด!

วิญญาณยุทธ์ไข่เรียกว่าวิญญาณยุทธ์ที่ไม่ถือกำเนิด โดยทั่วไปแล้ว เป็นเรื่องยากที่วิญญาณยุทธ์จะถือกำเนิดออกจากไข่ได้ หรือต่อให้มันฟักตัวสำเร็จก็มิใช่วิญญาณยุทธ์สมบูรณ์ เรียกอีกอย่างว่าวิญญาณยุทธ์ขยะ

วิญญาณยุทธ์ที่ไร้ซึ่งดาว นับว่าไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของเมืองฉีซาน!

เมื่อบุรุษหนุ่มเห็นเช่นนั้น ก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ซึ่งมันกังวานสะท้านไปทั่วจัตุรัสในยามนี้

“ฮ่าฮ่า ตอนแรกข้าคิดว่ามันคงเป็นวิญญาณยุทธ์บางประเภท แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นวิญญาณยุทธ์ที่ยังไม่ถือกำเนิด อีกทั้งยังไร้ซึ่งดาวแม้เพียงดวง! ช่างไร้ค่ายิ่งนัก!”

เขาเหยียดมุมปากยิ้มเยาะ แล้วกล่าวว่า “แน่นอนว่าลูกชายของขยะ ก็ยังเป็นขยะอยู่วันยังค่ำ! ต่อให้มีสายเลือดชั้นสูงของตระกูลจี ก็ยังมิอาจเปลี่ยนจากขยะให้เป็นอื่นได้”

หลังกล่าวเช่นนั้น ชายหนุ่มก็แหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วหัวร่ออีกครั้งอย่างสำราญนัก

“หุบปาก!” หลัวเฉิงตวาดด้วยน้ำเสียงกระแทก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดง และร่างของเขาก็สั่นเทาด้วยความโกรธแค้น

เขาจ้องบุรุษหนุ่มผู้ที่ลอยอยู่บนเวหาและกำลังหัวเราะสำราญ ด้วยแววตาเย็นเยียบ “เจ้าดูหมิ่นข้าได้ แต่อย่ามาดูหมิ่นพ่อข้า!”

“ฮึ่ม! แววตานั่นมันอะไร เป็นเพียงมดปลวก ไฉนกล้าตะโกนต่อหน้าข้า! คุกเข่าลงไป!” บุรุษหนุ่มหรี่ตาลง แล้วตวัดมือฟาดในทันที

ทันใดนั้น ปราณฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือนภากาศ ก็พุ่งลงมาใส่หลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางการจับจ้องของทุกคน

ด้วยพลังอันน่าสะพรึงของปราณฝ่ามือนี้ หากระแทกหลัวเฉิง มาตรว่าเขาต้องตายเป็นแน่แท้

“เฉิงเอ๋อร์!”

“ระวัง!”

จู่ๆ ก็มีสองร่างทะยานปราดเข้ามายืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าหลัวเฉิง แผ่นหลังของทั้งสองนั้น เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี แล้วทั้งคู่ก็ยื่นมือออกไปรับปราณฝ่ามือที่กำลังพุ่งลงมาต่อหน้าหลัวเฉิง

ปัง! ปัง!

ภาพธรรมหัตถ์ขนาดใหญ่และสองร่างปะทะกันอย่างรุนแรง จนสั่นสะเทือนอากาศแผ่ขยายออกไปราวกับระรอกคลื่น

ไม่ถึงลมหายใจ สองร่างนั้นก็พลันลอยลิ่ว พร้อมในปากกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ทำเอาหลัวเฉิงหน้าซีดเผือดเปิดปากร้องตะโกนลั่น

“ท่านพ่อ! ท่านปู่!”

หลัวเฉิงรีบปรี่ไปข้างหน้าเพื่อพยุงร่างทั้งสองลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หลัวเฉิงก็เงยหน้าจ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มผู้อำมหิต “เจ้ามีนามว่าอะไร!”

หลังได้ยินเช่นนั้น บุรุษหนุ่มก็ขมวดคิ้ว “ทำไม เจ้าอยากล้างแค้นงั้นหรือ ดี! เช่นนั้นข้าจะช่วยให้เจ้าสมดั่งปรารถนา!”

เนื่องจากหลัวเฉิงปลุกได้วิญญาณยุทธ์ขยะ บุรุษหนุ่มอาภรณ์หรูก็ไม่จำเป็นต้องปรานีอีกต่อไป แต่ระหว่างที่เขากำลังจะลงมือ ชายชราอาภรณ์เทาก็เข้ามาปราม “คุณชาย พอเท่านี้เถิด”

ฮึ่ม!  บุรุษหนุ่มสูดจมูกอย่างเย็นชา

เขามองหลัวเฉิงด้วยสายตาเหยียดหยาม “มดปลวกเช่นเจ้า มิคู่ควรจะรู้นามของข้า หากมิใช่เพราะเห็นแก่หน้าท่านป้า วันนี้คงเป็นวันตายของเจ้า! จงใช้ชีวิตอันน่าเวทนาอยู่ต่อไปอย่างอับอายเถิด! พวกเรากลับ”

“ช้าก่อน!” หลัวเฉิงตะคอกพลางขบฟันแน่น

เขาผงาดขึ้นยืนทันที นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นจนแดงก่ำ เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วกล่าวคำสาบานออกมาทีละคำชัดๆ

“สิบปี! ข้าหลัวเฉิงขอสาบาน! ภายในสิบปี ข้าจะไปเยือนตระกูลจีแล้วท้าทายเจ้า เพื่อล้างความอัปยศในครั้งนี้!”

“หืม?” ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมประกายแสงเย็นวาบ

จากนั้น เขาก็ส่ายศีรษะด้วยสีหน้าเวทนาก่อนกล่าวเยาะเย้ย

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องแมลงเม่าเขย่าต้นไม้ใหญ่หรือไม่ แต่ช่างน่าเสียดายในสายตาข้า เจ้าไม่ใช่แมลงเม่าด้วยซ้ำ ไม่ต้องกล่าวถึงสิบปี ต่อให้เจ้าใช้เวลาร้อยปีหรือพันปี เจ้าก็ยังเป็นเพียงมดปลวก!”

“จำไว้ให้ดี นามข้าคือจีหยวนเฮ่า! เมื่อเจ้าไปถึงตระกูลจี อย่าได้ท้าทายผิดคน แม้จะไม่มีวันเป็นเช่นนั้นก็ตาม…”

หลังจากกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา จีหยวนเฮ่าก็สืบเท้าเข้าไปในรอยแตกของห้วงนภากาศ ไม่ช้าร่างนั้นก็ค่อยๆ อันตรธานหายไป

ชายชราอาภรณ์เทามองไปยังหลัวเฉิงแล้วทอดถอนใจกล่าวว่า “เฮ้ย… บางครั้ง การเลือกที่จะยอมรับชะตากรรม แล้วใช้ชีวิตอยู่เยี่ยงคนธรรมดาสามัญ ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีต่อตัวเจ้า อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ได้เอาชีวิตไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์”

พัฟ!

ขณะกล่าว ชายชราพลันโบกมือสะบัด แล้วขวดหยกก็ปรากฏขึ้นในมือของหลัวเฉิง

“มันคือโอสถหยกเย็นหลอมกายา ถือว่านี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยที่ตระกูลจีมีต่อเจ้า จงลืมเรื่องแม่ของเจ้าซะ!”

เมื่อกล่าวจบ ชายชราอาภรณ์เทาก็เก็บแท่นพิธี แล้วหายตัวเข้าไปในรอยแตกเช่นกัน

บัดนี้ แม้ท้องฟ้าจะกลับมาสดใสอีกครั้ง แต่ทั้งจัตุรัสยังคงสงัดเงียบอยู่เป็นเวลานาน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด