บทที่ 174 ทะเลเพลิง
รอบแรกระยะเวลาที่กำหนดคือหนึ่งก้านธูป หากผู้เข้าร่วมมิใช้นักปรุงโอสถที่เก่งกาจระดับอัจฉริยะ ให้ใช้เวลาทั้งวันเลือกสมุนไพรกองนั้นก็คงไม่มีทางสำเร็จ
และภายในหนึ่งก้านธูป ก็มีเหล่านักปรุงโอสถที่ไม่สามารถคัดแยกสมุนไพรได้ ถูกคัดออกให้ตกรอบทันที
แน่นอนว่าผู้ที่หยิบออกมามั่วๆ โดยทำเพียงหวังให้ตนเข้ารอบแรกได้ หรือผิดพลาดเพียงชนิดเดียว ไม่ใช่สมุนไพรสำหรับหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณ คนพวกนี้ ก็จะถูกคัดออกเช่นกัน
ซึ่งในรอบแรก หยางเสี่ยวเทียนคว้าอันดับหนึ่งไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ตามมาด้วยอันดับที่สองคือเฉิงหลง สามเฉินจื่อหาน สี่เติ้งอี้ชุน ห้าหวงถิงถิง และคนอื่นๆ ส่วนสุดท้าย หูซิงผู้บังเอิญติดอยู่ในอันดับที่สิบ สร้างความอัปยศให้เแก่เขา ผู้เคยวางมาดเป็นอัจฉริยะประจำสำนักเสินเจี้ยนไม่น้อย
แม้พวกเขาจะคาดเดาผลการแข่งในรอบแรกไว้แล้ว แต่เฉิงหลง เฉินจื่อหาน เติ้งอี้ชุน และคนอื่นๆ ก็ยังมีสีหน้าไร้ความสุข ด้วยผลที่คาดการณ์ไม่ควรเกิดขึ้นเช่นนี้
พวกเขามักป่าวประกาศว่าตนนั้น เป็นอัจฉริยะนักปรุงโอสถวัยเยาว์ แห่งอาณาจักรเสินไห่มาโดยตลอด แต่วันนี้กลับต้องพ่ายแพ้ ให้กับเด็กแปดขวบจริงๆ งั้นหรือ
เหล่าองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเฉิงเป้ยเป้ยเริ่มเป็นกังวลทันที หลังเห็นนางผู้เป็นองค์หญิงนั่งนิ่งหุบปากขณะตัวสั่นด้วยความอับอาย ทำพวกเขาต้องเปิดปากคล้ายประหวั่นในใจนางอย่างรีบเร่ง
“องค์หญิงสี่อย่าได้กังวลไป การแข่งขันรอบสุดท้าย เป็นเรื่องเกี่ยวกับระดับโอสถ ต่อให้หยางเสี่ยวเทียนจะมีทักษะวายุคลั่งก็ตาม แต่เขาไม่มีทางหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงได้แน่”
“ใช่ๆ ไม่ต้องกล่าวถึงโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูง แม้แต่ระดับกลางก็คงไม่สามารถหลอมขึ้นมาได้แน่” องครักษ์อีกผู้รีบเสริม
“ครั้นถึงเวลานั้น ตำแหน่งอันดับหนึ่งจะเป็นของใครไปได้ นอกเสียจากองค์ชายรอง”
สีหน้าอันซีดเซียวของเฉิงเป้ยเป้ยที่ราวกับกระดาษเมื่อครู่ ผันเปลี่ยนเป็นอมชมพูขึ้นเล็กน้อย ก่อนเผยอริมฝีปากบางเอ่ยว่า “ถูกของเจ้า อันดับหนึ่งในการแข่งขันหลอมโอสถ จะเป็นของผู้ใดไปได้ หากมิใช่พี่รองของข้า”
สิ่งนี้ ทำนางกลับมานั่งยืดตรงได้อย่างสง่าผ่าเผยดังเดิม พร้อมหลงลืมความหวาดหวั่นจากภาพเหตุการณ์ครู่นั้นไปสิ้น แม้มันจะตราตรึงในใจมิหาย แต่หาได้ทนทานต่อความดื้อรั้นที่นางยอมขลาดเขลาเพื่อยืนกรานสู้กับความจริงไม่
ระหว่างนั้น หลินหยวนก็พลันเหินลอยขึ้นไปบนแท่น แล้วแผดเสียงกังวานว่า “ต่อไปคือการแข่งขันรอบที่สอง ในการแข่งรอบนี้นั้น คือการใช้สมุนไพรที่พวกเจ้าเลือกมา หลอมมันเป็นโอสถสร้างฐานวิญญาณ”
“ผู้ใดก็ตามที่สามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงสุดได้ และใช้เวลาน้อยสุด ก็จะยิ่งมีคะแนนสั่งสมสูงขึ้นเช่นกัน”
เมื่อได้ยินว่าการแข่งขันรอบที่สอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับระดับของโอสถสร้างฐานวิญญาณที่ผ่านการหลอมแล้ว เฉิงหลง เฉินจื่อหาน เติ้งอี้ชุน หูซิง หวงถิงถิง และคนอื่นๆ ก็ต่างหายใจออกได้คลายปอดด้วยความโล่งใจเป็นที่สุด
ด้วยโอสถชนิดนี้ พวกเขาทั้งหลายล้วนเคยฝึกหลอมมันบ่อยอยู่ชั่วนาตาปี จึงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก ว่าตนนั้นจะสามารถหลอมมันออกมาได้สำเร็จมากถึงเก้าส่วน
ยิ่งกว่านั้น ระดับของโอสถสร้างฐานวิญญาณที่พวกเขาหลอมออกมา มาตรว่าต้องอยู่ในระดับสูงได้แน่นอน ไม่มีทางที่มันจะเป็นอื่นไปได้ จึงต่างเหยียดยิ้มกันอย่างมาดมั่น
โดยเฉพาะเฉิงหลงผู้มีรอยยิ้มกว้างกว่าใครเพลานี้ เพราะเขามั่นใจในฝีมือตนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีเปลวไฟซากวิญญาณศีตละ ซึ่งแข็งแกร่งเป็นอันดับพันหกร้อยสามสิบเอ็ดของไฟวิญญาณ
เขาไม่เชื่อ ว่าระดับของโอสถสร้างฐานวิญญาณที่หลอมโดยหยางเสี่ยวเทียน และคนอื่นๆ จะสูงกว่าที่เขาหลอมไปได้
“เมื่อพวกเจ้าพร้อมแล้ว ก็เริ่มได้เลย” หลินหยวนกล่าวเสียงดังก้องไปทั่วลานแข่งขัน
เฉิงหลง เฉินจื่อหาน เติ้งอี้ชุน หูซิง หวงถิงถิง และคนอื่นๆ ต่างเริ่มลงมือกันทันที
อูฉี หลิวอัน และคนอื่นๆ ต่างจับจ้องหยางเสี่ยวเทียนไม่ละสายตา โดยพวกเขากลัวว่าจะพลาดอะไรบางสิ่งบางอย่างไป หากละไปเพียงชั่ววิเดียว
“อาจารย์ ช่วยบอกข้าหน่อย ว่านายน้อยสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณได้สูงสุดระดับไหน” หลิวอันอดไม่ได้จึงเปิดปากถามทันที
“จากที่ข้าดู มันน่าจะเป็นระดับกลาง” อูฉีพึมพำพลางลูบเครา
เมื่อหลิวอันได้ฟังคำตอบของผู้เป็นอาจารย์ ก็พลันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ ที่เด็กอายุเพียงแปดขวบจะสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับกลางได้
ที่อูฉีกล่าวเช่นนั้น เนื่องจากหยางเสี่ยวเทียนมีเปลวไฟดารา จึงมีความเป็นไปได้สูง ที่ผลการหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณจะออกมาเป็นระดับกลางตามเขาคาด
ระหว่างอูฉีและบรรดาศิษย์เขา ต่างคาดเดากันอยู่นั้น กลุ่มของผู้อาวุโสตำหนักกระบี่ ซึ่งนำโดยเฉินฉางชิงก็มาถึงลานแข่งขันเช่นกัน พร้อมมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยความตื่นเต้น
หากหยางเสี่ยวเทียนสามารถผ่านการทดสอบนักปรุงโอสถได้ แน่นอนว่าเขาต้องหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับต่ำได้เช่นกัน
ในใจพวกเขาต่างอธิษฐาน ขอให้หยางเสี่ยวเทียนสร้างปาฏิหาริย์ให้เห็นอีกครั้ง โดยการหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับกลางได้สำเร็จ
ท่ามกลางสายตานับพันนับหมื่น ต่างมิมีผู้ใดสนใจผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ เลย นอกจากหยางเสี่ยวเทียนยามนี้
เพราะพวกเขา ล้วนต้องการเห็นว่าหยางเสี่ยวเทียน จะสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณได้ระดับไหน ด้วยใจที่จดจ่อต่อผลลัพธ์ของเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์คนนี้
ในเวลานั้นเอง หยางเสี่ยวเทียนก็ชูมือขึ้นฟ้าแล้วตะโกน “ไฟ!”
ทันใดนั้น ท่ามกลางนภากาศต่างเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งสวรรค์และโลกที่พลันปรากฏขึ้น มันแพร่ขยายกระจายเต็มท้องฟ้าประหนึ่งทะเลเพลิง
เปลวไฟอันลุกโชติช่วงพุ่งเข้ามาจากสี่ทิศแปดด้าน ไหลมาบรรจบอยู่บนฝ่ามือของหยางเสี่ยวเทียนในทันใด
เมื่อทุกคนเห็นหยางเสี่ยวเทียนแผดเสียงเรียกไฟให้ปรากฏ พร้อมกับเปลวไฟแห่งสวรรค์และโลกอันท่วมท้น ไหลมารวมกันยังฝ่ามือของหยางเสี่ยวเทียน พวกเขาก็ตกตะลึงจนตาแข็งค้าง
เฉิงหลง เฉินจื่อหาน หูซิง เติ้งอี้ชุน พร้อมทั้งคนอื่น ๆ ต่างหวาดกลัวจนต้องกลั้นหายใจ เมื่อเห็นเปลวไฟจากสวรรค์และโลกที่ลุกโชติช่วงราวกับทะเลเพลิง เหนือจินตนาการทั้งยังเกินความคาดการณ์เอาไว้มากสุดจะหยั่งคะเน