บทที่ 173 จมหายไปท่ามกลางเสียง
เดิมที เฉิงหลงผู้กำลังใช้ทักษะหัตถ์ปีศาจคัดแยกสมุนไพรรวดเร็วราวกับมีมากถึงแปดแขน ขณะเผยใบหน้าแย้มยิ้มด้วยสำราญใจในความสามารถตน เพราะคงไม่มีผู้ใด มีบารมีได้สืบทอดทักษะที่เป็นตำนานเช่นเขา
ซึ่งระหว่างเขามัวแต่ก้มหน้าลำพองนั้น เลือกสมุนไพรอย่างมุ่งมั่นมิสนใคร ก่อนจู่ๆ จะรู้สึกถึงลมกระโชกแรงดั่งเกิดพายุด้านข้าง ทำเขาต้องละสายหันมองทิศทางต้นกำเนิดลม พร้อมได้ประจักษ์เห็นหยางเสี่ยวเทียนใช้เพียงสองนิ้ว ดึงเอาสมุนไพรออกมาจากกระแสลมหมุนทีละชนิด ในท่วงท่าอย่างคล่องแคล่ว
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น ความว่องไวจากแขนทั้งแปดของเฉิงหลง ก็คลายลดลงพร้อมกับความมุ่งมั่นก่อนหน้า ขณะดวงตาเบิกค้างจับจ้องมองหยางเสี่ยวเทียน ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวส่วนใดเลยนอกจากนิ้วของเขาเพียงเท่านั้น
ระหว่างสติสัมปชัญญะถูกความประหลาดใจแลฉงนสงสัยครอบงำอยู่นั้น เสียงร้องตะโกนจากคนรอบข้างด้วยตื่นเต้น ก็พลันฉุดเขาหลุดกลับมาได้ยินสิ่งที่เรียกอยู่ตรงหน้านี้ว่า
“ทักษะวายุคลั่ง”
“วายุ… ทักษะวายุคลั่งงั้นรึ!” ทั่วสรรพางค์กายของเขาแข็งเกร็ง พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิบทักษะหลอมโอสถชั้นสูงด้วยงั้นหรือ!
เขาพลันขมวดคิ้วบนใบหน้าที่เริ่มดำมืดด้วยโทสะ ไฉนคนเช่นหยางเสี่ยวเทียนถึงมีทักษะสูงส่งเช่นนี้ไว้ในครอบครองได้
มิเพียงเฉิงหลงเท่านั้น แม้แต่เฉินจื่อหานผู้กำลังใช้ทักษะหัตถ์ทะยานเมฆา เคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวลขณะเลือกสมุนไพรอยู่นั้น เพลานี้ก็ได้นิ่งหยุดพร้อมหันสนใจหยางเสี่ยวเทียน ด้วยใบหน้าอันเปี่ยมไปกับความสับสนเฉกเช่นเดียวกัน
เติ้งอี้ชุน หูซิง และคนอื่นๆ ถึงกับนิ่งเงียบไม่เปิดปาก ต่างอ้าขากรรไกรค้างด้วยความประหลาดใจ
สายตาของพวกเขา ล้วนมีภาพหยางเสี่ยวเทียนประทับอยู่ในนั้น ภาพของเด็กหนุ่มที่ยืนมือไพล่หลังอยู่กลางสนามแข่งขัน
เวลาเดียวกันนี้ แสงแห่งสุริยันสาดส่อง จับต้องร่างหยางเสี่ยวเทียนขณะยืน พร้อมกับกระแสลมเบาบาง พัดผ่านเส้นผมจนปลิวพริ้วเล็กน้อย ทั่วร่างถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองสะท้อนอ่อน ประหนึ่งเทพวัยเยาว์ลงมาจุติยังผืนพิภพนี้
“ข้าเลือกเสร็จแล้ว รบกวนช่วยตรวจสอบที” ขณะทุกคนตกอยู่ในภวังค์แห่งความตกใจ หยางเสี่ยวเทียน ก็เปิดปากเอ่ยกับผู้ควบคุมการแข่งขันที่อยู่ด้านข้าง
เสียงหยางเสี่ยวเทียน ได้ปลุกกระทั่งผู้ควบคุมการแข่งขันตื่นขึ้น แต่ระหว่างที่เขากำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำการตรวจสอบ หลินหยวนก็พลันกระโจนปราดลงมายังกองสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้าหยางเสี่ยวเทียน แล้วทำการตรวจสอบสมุนไพรทั้งสิบสี่ชนิดอย่างละเอียดด้วยตัวเอง
“ผลไม้หนึ่งผล ระดับสูง ดอกไม้วิญญาณห้าชนิด ระ ระดับสูง…” หลินหยวนขานชื่อทีละชนิด พร้อมกับหัวใจอันเริ่มบีบรัดเข้าทุกครั้งที่ขานระดับของมัน
“สมุนไพรทั้งสิบสี่ชนิดนั้นล้วนถูกต้อง และยังเป็นระดับสูงทุกชนิด ใช้เวลาทั้งหมดสิบสามลมหายใจ” หลินหยวนเงยหน้าขณะสูดหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะระงับความตื่นเต้นเอาไว้ได้
สิบสามลมหายใจ!
เวลาเพียงเท่านี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อาจทำได้
ต่อให้เขาทุ่มสุดกำลัง ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่สิบหรือห้าสิบลมหายใจ ในการแยกสมุนไพรทั้งสิบสี่ชนิด
ยิ่งไปกว่านั้น สมุนไพรที่หยางเสี่ยวเทียนคัดแยกมา พวกมันทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับสูง ไม่พลาดสักชนิด
ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่สุดยอดนัก!
เมื่อได้ยินผลลัพธ์ที่หลินหยวนประกาศด้วยตัวเอง เฉิงหลง เฉินจื่อหาน และคนอื่นๆ ที่แต่เดิมมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าการแยกสมุนไพรของหยางเสี่ยวเทียนจะต้องผิดพลาด หรือไม่ก็ควรเป็นระดับต่ำ
แต่ทว่า ผลที่ประกาศออกมานั้น กลับทำให้พวกเขาถึงกับเข่าอ่อนราวกับดินเหลว
ด้วยผลลัพธ์เช่นนี้ หยางเสี่ยวเทียนจึงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในรอบแรกอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้สมุนไพรที่พวกเขาเลือกมานั้น จะมีระดับสูงทั้งหมด แต่แล้วอย่างไร พวกเขาก็ไม่มีทางเหนือกว่าหยางเสี่ยวเทียนได้ในตอนนี้
“หยางเสิน!”
“หยางเสิน!”
ทันใดนั้น อาจารย์และศิษย์ของสำนักเสินเจี้ยน พร้อมร้องตะโกนขานนามหยางเสินด้วยความภาคภูมิใจเป็นที่สุด โดยไม่ลืมหันแหกปากกับใบหน้าเยาะเย้ยส่งทางฝั่งกลุ่มศิษย์สำนักยวินฮุย ที่ตอนนี้ แทบหามุมหมุดหัวหลบจากความอับอายมิได้
“หยางเสิน!” แม้แต่ กู่ซี องค์ชายแห่งอาณาจักรกู่เจี้ยนก็แผดเสียงดังลั่น พร้อมใบหน้าแย้มสำราญด้วยความปลาบปลื้มยิ่งกว่าใครในสำนักเสินเจี้ยนเสียอีก
ศิษย์นักกระบี่หลายคนของอาณาจักรกู่เจี้ยน เดิมทีพวกเขาก็นับถือแลชื่นชมหยางเสี่ยวเทียนอยู่แล้ว คราเห็นว่าแม้แต่องค์ชายของพวกเขายังตะโกน ไฉนเลยพวกเขาจะกล้าน้อยหน้า
“หยางเสิน!”
คลื่นเสียงเริ่มก้องดังกังวานขึ้นเรื่อยๆ พานให้เฉิงเป้ยเป้ยและองครักษ์ของนางต่างพากันหูอื้อไปเป็นทอดๆ
เฉิงเป้ยเป้ยในยามนี้ จมหายไปท่ามกลางเสียงนั้น สีหน้าที่เคยร่าเริงกลับเปลี่ยนเป็นหม่นหมอง ชาทั้งหน้าพร้อมกายกระทั่งตัวหดเล็กลงอย่างสิ้นหวัง
เสียงตะโกนก้องดังอยู่เป็นเวลานาน ยากนักจะสงบลงได้
อีกด้านหนึ่ง ภายในสำนักเสินเจี้ยน หลินหยงและเฉินหยวนผู้กำลังยืนอยู่ยังลานเรือนพัก สนทนาเกี่ยวกับผลสอบปลายภาคของสำนัก จู่ๆ กลับเห็นความผิดปกติจากบรรดาศิษย์จำนวนมาก วิ่งกรูกันออกไปข้างนอกอย่างจ้าละหวั่น พานให้พวกเขาฉงนสงสัยในการกระทำนั้น
ทั้งสองพลันเรียกศิษย์คนหนึ่ง ที่กำลังวิ่งตามหลังกลุ่มคนอื่นๆ ไป แล้วถามว่าเกิดเหตุร้ายอันใดขึ้น ไฉนวิ่งส่งเสียงเอะอะโวยวายกันเช่นนี้
“นั่นก็เพราะ ผู้อาวุโสหยาง เจ้าตำหนักหยาง เอ่อ หยางเสินเข้าร่วมแข่งขันหลอมโอสถวันนี้ด้วยนะขอรับ” ศิษย์น้อยตอบอย่างตื่นเต้น จนเรียกนามของหยางเสี่ยวเทียนทุกนามที่จำได้
หลินหยงและเฉินหยวนพลันสะดุ้งพร้อมกันทันทีหลังกว่าจะฟังจบ
“เจ้าหมายถึงท่านเจ้าตำหนักหยาง เขาเป็นนักปรุงโอสถงั้นรึ เขาผ่านการสอบนักปรุงโอสถแล้วงั้นรึ?” หลินหยงขมวดคิ้วถามด้วยความรู้สึกประหลาดใจปนสงสัย
ก่อนทั้งสองจะทันตื่นตัวได้อย่างเต็มที่ ก็มีศิษย์คนหนึ่งร้องตะโกนวิ่งผ่านแฉลบไป “ท่านเจ้าตำหนักหยางเพิ่งใช้ทักษะวายุคลั่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบทักษะหลอมโอสถชั้นสูง และตอนนี้เขาคว้าอันดับหนึ่งในรอบแรกแล้ว!”
สิบทักษะหลอมโอสถชั้นสูง!
ทักษะวายุคลั่ง!
หลังศิษย์ผู้นั้นทำความเคารพและจากไปแล้วพักหนึ่ง ทว่า หลินหยงกับเฉินหยวนกลับยังคงยืนนิ่งราวดินปั้นอยู่ตรงนั้นนานสองนาน พร้อมด้วยนัยน์ตาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
“นั่นหมายถึง เจ้าตำหนักกระบี่เรางั้นหรือ!” เฉินหยวนเปิดปากกล่าวด้วยความตกใจ หลังจากเวลาล่วงเลยไปนานประมาณหนึ่ง ถึงได้สติกลับมา
หลินหยงสะดุ้งได้สติ หลังได้ยินเสียงเฉินหยวนกล่าวเมื่อครู่ เขาสูดหายใจลึกๆ “ใช่แล้ว” จากนั้นเขาก็ทอดถอนใจกล่าวว่า “เฮ้ย…ข้าเกือบจะกลายเป็นคนเขลาของสำนักไปแล้ว!”
วาจาเมื่อครู่ หมายถึงตอนที่เฉินหยวนบากหน้ามาขอให้เขา อนุญาตหยางเสี่ยวเทียนอยู่ในสำนักเสินเจี้ยนแห่งนี้
“ท่านเจ้าตำหนักกำลังเข้าร่วมการแข่งขันหลอมโอสถ เช่นนั้น เราควรไปบอกผู้อาวุโสเฉินและคนอื่นๆ ดีหรือไม่…” เฉินหยวนกล่าวด้วยความตื่นเต้นพร้อมหันหาหลินหยง “นะ… นั่นท่านกำลังไปไหน”
“รีบไปบอกผู้อาวุโสเฉินและคนอื่นๆ น่ะสิ!” เฉินหยวนยังไม่ทันกล่าวจบ หลินหยงผู้ตาสว่างขึ้นกลับเคลื่อนตัวแล้ว
ครู่ต่อมา ร่างคนทั้งเจ็ด ก็ท่องกระบี่เหินเวหาพุ่งออกจากตำหนักกระบี่อย่างรวดเร็ว
เจ็ดร่างนั้น คือผู้อาวุโสทั้งห้า หลินหยงและเฉินหยวน พวกเขารีบไปยังพื้นที่จัดการแข่งขันหลอมโอสถ ด้วยความเร็วมากสุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ในเพลานี้