บทที่ 132: กฎโลกยุทธ์
บทที่ 132: กฎโลกยุทธ์
ในเขตตงถิง สถานที่เช่นนี้มีนิกายเดียวที่เรียกตัวเองว่านิกายศักดิ์สิทธิ์นั่นคือนิกายห้าพิษ ซึ่งเป็นนิกายมารที่เล่นกับหนอนและแมลง
พวกเขาทรงพลังพอที่จะสามารถสร้างผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองและส่งออกมาใช้งานได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงคำพูดของชายชุดขาวเมื่อสักครู่นี้ ลู่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
นิกายห้าพิษมีแผนใหญ่อะไร?
และตอนนี้เมื่อเขาสังหารชายชุดขาวคนนี้ลงแล้ว เขาก็เท่ากับขัดขวางแผนของอีกฝ่ายแล้ว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ใจของเขาก็บีบรัดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
นิกายห้าพิษไม่ใช่กองกำลังขนาดเล็ก
เนื่องจากเป็นนิกายในโลกยุทธ์เพียงแห่งเดียวในหมู่ชาวป่า นิกายห้าพิษจึงมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งหลายคนเท่านั้น แต่พวกเขายังมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองหลายสิบคนอีกด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นิกายห้าพิษได้มีความกระตือรือร้นมากขึ้น
พวกเขากำลังทำการโจมตีในโลกยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ทำลายและปราบปรามกองกำลังทั้งเล็กและใหญ่หลายสิบแห่งภายในเขตตงถิงอย่างต่อเนื่อง
มีนิกายชั้นหนึ่งเพียงไม่กี่นิกายที่ก่อตั้งพันธมิตรขึ้นมา แต่กระนั้นพวกเขาก็แทบจะไม่สามารถต้านทานนิกายห้าพิษได้
หลังจากปราบกองกำลังโลกยุทธ์ระดับสองและสามได้หลายครั้ง นิกายห้าพิษก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นบุคคลสำคัญในโลกยุทธ์ขอบเขตเขตตงถิง
มีการกล่าวในโลกยุทธ์ว่านิกายห้าพิษในปัจจุบันนั้นสามารถอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกยุทธ์ได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง หลายคนจึงกำลังจับตาดูพวกมัน
พวกเขาต้องการจะทราบว่านิกายห้าพิษสามารถสร้างปรมาจารย์ได้หรือไม่ และพวกเขาจะรักษาตำแหน่งของพวกเขาในฐานะนิกายระดับแนวหน้าได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่
“มันชักจะยุ่งยากซะแล้วสิ แม้ว่าตอนนี้ข้าจะอยู่ห่างจากการเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งไปเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น และความแข็งแกร่งของข้าก็ยังไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับนิกายห้าพิษ” ลู่หยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัว
เขาอยู่ห่างจากการเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งเพียงครึ่งก้าว
เขาอยู่ในระดับกลางซึ่งเขาสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองและแม้แต่แข่งขันกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งได้
โดยปกติแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ เราก็สามารถท่องไปในโลกยุทธ์ได้อย่างอิสระและสนุกสนานไปกับตัวเองได้แล้ว
แต่นิกายห้าพิษนั้นก็เป็นกองกำลังขนาดใหญ่ที่ตอบสนองทุกด้านของนิกายระดับสูง ยกเว้นก็แต่พลังการต่อสู้ระดับสูง
มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งที่รู้จักกันดีสี่คนอยู่เคียงข้างพวกเขา
อาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครในสี่คนนี้เป็นคู่ต่อสู้ของลู่หยุนเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับตรงๆ
อย่างไรก็ตาม หากผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งสองหรือสามคนร่วมมือกัน ชีวิตของเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ลู่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะลังเลและอยากจะหนีไปโดยทันที
แม้ว่าความเป็นไปได้ที่นิกายห้าพิษจะส่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งสองหรือสามคนมาจัดการกับเขาในเวลาเดียวกันนั้นจะมีน้อย แต่มันก็ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงกับความเป็นไปได้นี้
แต่ความคิดนี้ก็คงอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น และในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ “คิดมากไปก็เท่านั้น”
ลู่หยวนตัดสินใจขณะที่ความคิดของเขาลอยล่องไป “ ไม่ต้องพูดถึงว่านิกายห้าพิษรู้หรือไม่เลยว่าข้าฆ่าบุคคลนั้น แม้ว่ามันจะรู้ว่าข้าฆ่าบุคคลนี้ แต่พวกมันก็ไม่รู้ว่าข้าทำมันได้ยังไง
ภายนอก ความแข็งแกร่งที่ลู่หยวนแสดงออกมาให้เห็นนั้นเป็นเพียงระดับสองเท่านั้น
ดังนั้นผู้ที่มาสอบสวนจากนิกายห้าพิษจึงสามารถค้นพบแค่ข้อมูลที่เขาจงใจเปิดเผยได้เท่านั้น
สำหรับการฆ่าชายชุดขาวในครั้งนี้
โดยผิวเผินแล้ว เขาก็ไม่ได้ใช้วรยุทธ์ใดๆ แต่เขาฆ่าคู่ต่อสู้ด้วยการยิงธนู มันมีเพียงพลังของธนูและลูกธนูเท่านั้นที่แข็งแกร่งกว่าปกติเล็กน้อย
“ดังนั้นแล้วหากคนของนิกายห้าพิษต้องการจะมาหาข้าจริงๆ พวกเขาก็จะจัดเตรียมผู้คนมาแก้แค้นตามข้อมูลทั้งสองนี้เท่านั้น” เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ลู่หยวนก็แสดงรอยยิ้มออกมา
ตราบใดที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองมาพร้อมกันไม่ถึงสิบคน มันก็ยังไม่มีอะไรต้องกลัว
แม้ว่านิกายห้าพิษจะเกลียดเขาจนตาย แต่พวกเขาก็จะส่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งมาเพียงหนึ่งคนเท่านั้น
“ไม่ต้องพูดถึงว่าข้ายังคงมีกองกำลังห้าร้อยนายอยู่ในมือเลย ด้วยการคุ้มครองอันแน่นหนาของกองทหาร แม้ว่านิกายห้าพิษจะต้องการแก้แค้น แต่มันก็จะไม่ง่ายแน่นอน”
เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้แล้ว ลู่หยวนก็ปล่อยความกังวลของเขาออกไป
ตามประกาศปัจจุบันแ ม้ว่านิกายห้าพิษจะส่งคนมาแก้แค้นจริงๆ แต่เขาก็น่าจะสามารถรับมือกับการโจมตีรอบต่อไปได้
ดังนั้นมันจึงยังไม่จำเป็นต้องวิ่งหนีในตอนนี้
ความจำเป็นที่แท้จริงในการวิ่หนีงคือหลังจากการโจมตีรอบถัดไปมาเมื่อพลังของเขาถูกเปิดเผยแล้วอย่างสมบูรณ์
“และท้ายที่สุด ไม่ว่านิกายห้าพิษจะมาแก้แค้นหรือไม่นั้น มันก็เป็นเพียงคำพูดจากชายชุดขาวคนนี้เท่านั้น”
“ตอนนี้ข้ายังมีตัวตนอย่างเป็นทางการจากราชสำนักอยู่”
“แม้ว่าการป้องปรามของราชสำนักเย่ว์จะได้ลดลงไปมากแล้วในปัจจุบัน และการกบฏจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในสถานที่ต่างๆ แต่อย่างน้อยชื่อนี้ก็ยังทำให้พวกมันต้องคิดหน้าคิดหลังดีๆ”
แต่การไม่สามารถดึงกองกำลังได้นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าราชสำนักต้าเยว่จะไม่สามารถดึงดูดผู้ฝึกยุทธ์จากโลกยุทธ์ได้
ในสำนักงานเขตอำนาจท้องถิ่นต่างๆ ราชสำนักเยว่ก็ยังคงเก็บผู้ฝึกยุท ธ์ระดับหนึ่งและสองของโลกยุทธ์ไว้จำนวนมาก และแม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์โดยกำเนิด
ไม่ต้องพูดถึงสถานที่อื่นๆ ในเขตตงถิงเลย ลู่หยวนรู้ว่าผู้ว่าการที่นั่นเป็นปรมาจารย์โดยกำเนิด
และในเขตอำนาจทั้งสิบแห่งของเขตตงถิง ราชสำนักก็มีห้าเมืองซึ่งมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งประจำการอยู่
เฉพาะในแง่ของความแข็งแกร่งของชาวยุทธ์ ราชสำนักก็มีกำลังมากพอที่จะบดขยี้นิกายห้าพิษแล้ว
มันเป็นเพราะเหตุนี้เอง ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา แม้ว่านิกายห้าพิษจะสร้างปัญหามากมายให้กับราชสำนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย พวกเขาสามารถยุยงให้ชาวป่าก่อกบฏอย่างลับๆ ได้เท่านั้น
“ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความเป็นไปได้ที่นิกายห้าพิษจะแก้แค้นและดำเนินการโดยตรงจึงไม่สูงนัก”
“ความเป็นไปได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการยุยงให้ชาวป่าก่อกบฏต่อไป จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่วุ่นวายเมื่อกลุ่มโจรกบฏบุกทะลวงกำแพงเมืองและดำเนินการกับข้า”
“ด้วยวิธีนี้ พวกเขาก็จะไม่ทิ้งร่องรอยหรือข้ออ้างให้ราชสำนักทำการแก้แค้น”
“แม้ว่าราชสำนักจะมีความได้เปรียบ แต่ราชสำนักก็คงไม่คิดจะลงมือง่ายๆ”
ราชสำนักไม่สนใจเกี่ยวกับความขุ่นเคืองในโลกยุทธ์ และความแค้นของชาวยุทธ์ก็ไม่สามารถนำมาเป็นปัญหาของเจ้าหน้าที่ได้
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฝ่าฝืนกฎนี้ พวกเขาก็จะกระตุ้นให้อีกฝ่ายตอบโต้ และโลกก็จะโจมตีพวกเขาด้วยกันอย่างแน่นอน
สรุปแล้วสถานการณ์นั้นก็ค่อนข้างซับซ้อน
แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งที่ลู่หยวนมั่นใจได้
นั่นคือก่อนที่ตัวตนอย่างเป็นทางการของเขาจะถูกเปิดเผย นิกายห้าพิษก็ไม่น่าจะเคลื่อนไหวโจมตีเขาโดยตรง และปรมาจารย์โดยกำเนิดและผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งห้าคนภายในเขตตงถิงก็ถือเป็นเครื่องรางนำโชคและพิทักษ์รักษาเขา...