บทที่ 1 ตระกูลจี
ฟึบ! ฟึบ……
ในอาณาจักรต้าเยว่ เมืองฉีซาน ณ ลานด้านข้างของจวนตระกูลหลัว เสียงหมัดและห้วงอากาศฉีกขาดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
บุรุษหนุ่มในอาภรณ์ดำขลับกำลังฝึกซ้อมหมัดมวยอย่างขยันขันแข็ง พร้อมมีเหงื่อหยดไหลแซมผ่านใบหน้า ทุกคราที่ออกหมัดจะได้ยินเสียงอากาศสะบั้นขาด
บุรุษหนุ่มในอาภรณ์สีดำคือหลัวเฉิง คุณชายของตระกูลหลัว
ระหว่างเขากำลังฝึกฝนอยู่นั้น กลับมีชายวัยกลางคนรูปร่างสง่าสูงโปร่ง อายุราวสามสิบเศษ แต่ใบหน้าขาวซีดราวคนป่วย เยื้องย่างเข้ามายังลานฝึกทันประสบเห็นหลัวเฉิงหมั่นทำหน้าที่ได้ดีขนาดไหน
“ท่านพ่อ!”
หลังเห็นว่าผู้ที่มานั้นเป็นใคร หลัวเฉิงก็หยุดฝึกซ้อม
ครั้นหลัวหงเห็นอาภรณ์ของหลัวเฉิงชุ่มโชคไปด้วยเหงื่อ ดวงตาเขาก็แสดงออกถึงความสบายใจ ที่บุตรชายตั้งใจฝึกฝนอย่างมิขาด “ตระกูลจีกำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ เจ้ารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วตามข้าไปยังจัตุรัส”
“ตระกูลจี!”
สองคำนี้ก้องดังอยู่ในหูของหลัวเฉิง มือเขาก็พลันยกขึ้นคว้าจี้ที่ห้อยอยู่ตรงกลางอก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น “ท่านแม่จะมาใช่หรือไม่”
มารดาของหลัวเฉิง มิได้มาจากราชวงศ์ต้าเย่ว แต่มาจากตระกูลจี ซึ่งเป็นตระกูลลึกลับ เมื่อหลัวเฉิงอายุได้สามขวบ นางก็ถูกตระกูลพาตัวกลับไปและไม่มีผู้ใดพบเห็นนางอีกเลย
จี้นี้ เป็นเพียงสิ่งเดียวที่มารดาของเขาหลงเหลือไว้ให้ดูต่างหน้า!
ความเจ็บปวดฉายแววในดวงตาของหลัวหงเมื่อเหลือบมองมัน จี้นี้ทำให้เขาหวนนึกถึงภรรยาตน จากนั้นเขาส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ครานี้ คนจากตระกูลจีมาที่นี่เพื่อช่วยเจ้าปลุกวิญญาณยุทธ์ หากเจ้าปลุกได้วิญญาณยุทธ์ระดับสูง ก็จะสามารถไปยังตระกูลจีและพบแม่ของเจ้าได้”
หลังได้ฟังวาจาของผู้เป็นบิดากล่าวเมื่อครู่ ดวงตาหลัวเฉิงก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น “ท่านพ่อ ข้าจะปลุกวิญญาณยุทธ์ระดับสูงให้ตื่นขึ้นอย่างแน่นอน! หลังจากที่ข้าไปยังตระกูลจี ข้าจะพาท่านแม่กลับมา แล้วครอบครัวเราจะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง!”
“ครอบครัวเราจะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง…งั้นหรือ” หลัวหงกล่าวย้ำพลางสะดุ้งเล็กน้อย
จากนั้น เขาก็แสดงรอยยิ้มขมขื่น พร้อมส่ายศีรษะด้วยความเอ็นดู
เนื่องจาก ตัวเขารู้ดีอยู่เต็มอกว่าตระกูลจีนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด วาจาที่บุตรชายเขาพ่นออกมาเมื่อครู่มันจึงไร้น้ำหนักในทันที
ผ่านไปพักหนึ่ง หลัวเฉิงก็ล้างเนื้อตัวพร้อมกับเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ แล้วตามหลัวหงไปยังจัตุรัสตระกูลหลัว
ครั้นทั้งสองมาถึง โดยรอบจัตุรัสก็เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก และยังมีบุคคลสำคัญทั้งหมดของตระกูลหลัว ที่นานครั้งจะปรากฏตัวออกมาเช่นกัน
“พี่หลัวเฉิง!”
เสียงของบรุษหนุ่มที่ทักทายหลัวเฉิงอย่างกระตือรือร้น นั่นคือหลัวฉี บุตรชายของผู้เป็นลุงเขา
หลัวเฉิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มให้กับหลัวฉี
บนที่นั่งหลักคือปู่ของหลัวเฉิง หลัวหมิงซานผู้นำตระกูลหลัว เมื่อเห็นหลัวเฉิงเดินเข้ามาเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “เฉิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังจะทะลวงระดับอีกแล้วงั้นหรือ?”
“ข้าคาดว่าคงเป็นเดือนนี้ขอรับท่านปู่” หลัวเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมแสดงความเคารพ
นั่นมันสุดยอดมาก!
เมื่อวาจานี้ถูกพ่นออกมา ทั่วทั้งอาณาบริเวณโดยรอบจัตุรัสก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที
หลัวเฉิงเพิ่งอายุเพียงสิบสามปี อีกทั้งยังไม่ได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ด้วยซ้ำ แต่เขาอยู่ในขั้นหลอมกายาระดับสี่แล้ว เกรงว่าทั่วเมืองฉีซาน มีคนไม่มากนักที่สามารถทำเช่นนี้ได้
“ฮ่า…ฮ่า… ดี! ดีมาก! ปู่มั่นใจว่าเจ้าต้องสามารถปลุกวิญญาณยุทธ์ระดับสูงได้อย่างแน่นอน!”
หลัวหมิงซานระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นจนเคราของเขาสั่นสะท้าน พร้อมกับสีหน้าสำราญยิ่ง
ระหว่างนั้นเอง ก็พลันเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
บูม!
ทั่วทั้งท้องนภากาศสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น กระทั่งจัตุรัสเองก็ราวกับผืนปฐพีถูกเขย่า
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!”
ผู้คนโดยรอบที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ต่างพากันตื่นตระหนกด้วยความตกใจเป็นที่สุด
ครืน!
ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่กำลังตื่นตะลึง ในสายตาพวกเขาเห็นอย่างประจักษ์ชัดตา ว่าผืนท้องนภาถูกสะบั้นจนฉีกขาด พานให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่แผ่ขยายออกกว้าง
ท่ามกลางห้วงเวหาที่ขาดกระชาก พลันปรากฏสองร่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงประดุจดวงประทีป ย่างออกมาจากรอยแตกราวกับเทพเจ้า พร้อมกับแผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่วเมืองฉีซาน
สองคนที่มาในครานี้ คนหนึ่งเป็นชายชรารูปร่างผอมบางและสวมอาภรณ์สีเทา ส่วนอีกคนเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามอายุราวสิบสามหรือสิบสี่ปี สวมใส่อาภรณ์มาตรว่าเนื้อดีมีราคา ใบหน้าหล่อเหลาแต่กลับเย่อหยิ่ง!
“นั่นมันตระกูลจี!”
“เดินทางผ่านท้องฟ้าและลอยอยู่สูงเหนือเมฆ นี่มันความแข็งแกร่งอะไรกัน!”
ผู้ที่พบเห็นสองร่างเด่นชัดอยู่บนเวหา ต่างพากันเปลี่ยนสีหน้าไปคนแล้วคนเล่า พวกเขาล้วนแต่ตกใจและฉงนสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
หลัวหมิงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความตระหนกให้สงบลง แล้วแผดเสียงกล่าวดัง
“หลัวหมิงซานผู้นำตระกูลหลัว ได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับไว้รอท่านทั้งสอง เชิญพวกท่านเข้ามายังเรือนข้า ร่วมสนทนาพาทีกันก่อนเถิด”
“ไม่จำเป็น!”
ชายชราอาภรณ์เทาโบกมือปัดขณะกล่าวพร้อมใบหน้าเรียบเฉย เขากวาดสายตาลงไปยังฝูงชนเบื้องล่างแล้วกล่าวว่า “ใครคือหลัวเฉิง”
เสียงแหบห้าวของชายชราไม่ดังมากแต่กลับก้องกังวานนัก หลัวเฉิงสูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้นยืน ประสานมือกล่าวว่า “ข้าน้อยหลัวเฉิง”
“โอ้…เจ้าเองรึ เจ้าเป็นลูกของป้าจีหลิงเยว่กระนั้นหรือ”
บุรุษหนุ่มรูปงามเหลือบมองหลัวเฉิง แล้วยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างลำพองก่อนกล่าวเยาะเย้ย “เจ้าอายุมากถึงขนาดนี้ ไฉนกลับอยู่เพียงขั้นหลอมกายาระดับสี่ ช่างไร้ความสามารถ! มันมิต่างอะไรกับการดูถูกสายเลือดตระกูลจีของข้า!”
หลังได้ยินวาจาถากถางตน หลัวเฉิงก็พลันขมวดคิ้ว อีกทั้งจีหลิงเยว่คือนามของมารดาเขา