ตอนที่ 9 สนมฮวา
เขาส่งมอบจดหมายเหตุทั้งหมดให้หลินว่านเอ๋อร์ สุดท้ายเกาหลิงเฟิงก็เข้าใจว่าอดีตเจ้านายเขารู้สึกอย่างไร ตอนมีงาน เลขาจะทำ ตอนไม่มีอะไรทำ..เลขาจะ…!
และหลินว่านเอ๋อร์ก็กำลังนั่งอย่างเรียบร้อย รวบรวมจดหมายเหตุอย่างตั้งใจ จะไปหาเลขาสาวชั้นยอดแบบนี้ได้จากไหน!และนางยังหักโชคลาภไปอีกพัน!
ในสามวัน เขาหักโชคลาภบ้านเมืองไปห้าพันแล้ว!ข้ามันอัจฉริยะจริงๆ!
เขาพูดกับเสี่ยวเต๋อจือ“ไปเดินเล่นกับข้า!”
ด้วยเสี่ยวเต๋อจือกับองครักษ์ เกาหลิงเฟิงออกวังจักรพรรดินีไป ต้องบอกว่าจักรพรรดิของราชวงศ์ต้าเฉียนถือว่าธรรมดา วังสืบทอดจากจักรพรรดิก่อน ของตกแต่งก็น้อย
เกาหลิงเฟิงเองก็มีจักรพรรดินีแค่หนึ่ง และสนมเอกแค่หนึ่ง แม่ของเขา(ป้า) พระพันปีเฉินก็พำนักในฮาเร็ม วังอื่นว่าง เกาหลิงเฟิงเดินเตร่สักพักและคุยกับเสี่ยวเต๋อจือ“ไป ไปวังของสนมฮวากัน!”
เวลานี้ สนมฮวากำลังรับแขกในโถง ที่นั่งด้านล่างนางคือชายหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลา แต่ เขาแผ่กลิ่นอายสูงส่ง หน้าตาคล้ายกับสนมฮวา เขาไม่ใช่ใครนอกจากน้องชายของสนมฮวา โหวชิงหยวน ฮวามู่หลาน!
สนมฮวาเสียพ่อแม่ไปตอนเด็ก แต่ จักรพรรดิงอค์ก่อนยังจัดให้เกาหลิงเฟิงแต่งงานกับสนมฮวา มันเพื่อเอาใจความภักดีของตระกูลโหวชิงหยวนต่อราชวงศ์ ฮวามู่หลานสืบทอดศักดิ์โหวชิงหยวนจากพ่อของเขา พี่น้องต้องพึ่งพากันเพื่อเอาชีวิตรอด ฮวามู่หลานจึงมักมาเยี่ยมพี่สาวของเขาในวัง
“ท่านพี่ มีอะไร?ท่านดูลำบากใจ”ฮวามู่หลานพูด
ในความทรงจำเขา พี่สาวเขามักมั่นใจ แม้กระทั่งระหว่างช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดของตระกูล ตอนพ่อแม่จากและอาของพวกเขาหมายศักดิ์โหวชิงหยวน มันก็เป็นพี่สาวเขาที่ก้าวออกมา แต่งงานกับองค์ชายรัชทายาทอย่างเด็ดขาดเพื่อยึดมั่นศักดิ์ของฮวามู่หลาน
สนมฮวาถอนหายใจ“เจ้าไม่ได้ยินเหรอ ใต้เท้าหลินเจี้ยนเฉิงถูกแต่งตั้งเป็นราชเลขาใหญ่แห่งคณะรัฐมตรี”
ฮวามู่หลานพยักหน้า การแต่งตั้งราชเลขาใหญ่ถือเป็นเรื่องสำคัญของชาติ แม้อำนาจจะไม่อาจแทรกแซงการเมืองได้ แต่คำพูดก็ยังมีน้ำหนัก
สนมฮวาถอนหายใจ“คืนก่อน ฝ่าบาททรงอยู่ในวังของจักรพรรดินีทั้งคืน”
ตอนนี้ฮวามู่หลานเข้าใจแล้ว พี่สาวเขาอิจฉา!ฮวามู่หลานปลอบนางทันที“ท่านพี่!เราแตกต่างจากขุนนางเหล่านั้น!ข้าสร้างความดีความชอบทางทหารบนสนามรบเพื่อจักรพรรดิ! และพี่เขยของข้าก็ต้องไม่มองข้ามเรา!”
สนมฮวาถอนหายใจ“เจ้าตัวสร้างปัญหา แค่อย่าสร้างปัญหาเพิ่มก็พอ!ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่รู้ว่าข้าต้องคอยเก็บกวาดให้เจ้ากี่ครั้ง!”
ฮวามู่หลานก้มหัว พี่สาวของเขาก็เหมือนแม่สำหรับเขา เขากลัวนางมาเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น การสืบทอดศักดิ์โหวชิงหยวนตั้งแต่เด็ก นอกจากพี่สาวเขา ไม่มีใครจะควบคุมเขาได้ ท่ามกลางตระกูลขุนนาง เขามีชื่อเสียงในความชั่วร้าย
นอกจากเลี่ยงเรื่องอื้อฉาวกับสาวๆ ฮวามู่หลานก็ยังไม่ลบชื่อเสียงด้านลบ ตลอดมา เขาเติบโตขึ้น แต่ชื่อเสียงสำหรีบความเย่อหยิ่งยังกระจายในแวดวง
“สนมที่รักของข้ากำลังเก็บกวาดเรื่องยุ่งเหยิงอยู๋หรือ?”ทันใดนั้น เสียงของเกาหลิงเฟิงก็ดัง
สนมฮวาหน้าซีด นางพาน้องชายออกโถงทันที พอเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของเกาหลิงเฟิง นางก็ยิ้ม“ฝ่าบาท ทำไมหน้าประตูถึงไม่ประกาศกัน?ข้ารับใช้เหล่านี้ไม่ได้ความเลย!”
“ข้าสั่งพวกเขาเอง เจ้ากำลังสั่งสอนน้องชายอยู่หรือ?”เกาหลิงเฟิงมองฮวามู่หลาน
น้องชายของสนมฮวามาเยี่ยมวังบ่อยและเกาหลิงเฟิงก็เจอเขาหลายครั้ง หน้าตาของฮวามู่หลานคล้ายกับพี่สาวเขา แต่มีกลิ่นอายของวีรบุรุษ แต่ถ้าแต่งเป็นหญิง เขาคงงามมากเลยใช่ไหม? เพ่ย เกาหลิงเฟิงรีบไล่ความคิดน่ากลัวออกไป
“คารวะ ฝ่าบาท!”ฮวามู่หลานทำความเคารพแบบทหาร
เกาหลิงเฟิงพูด“พวกเจ้าสองพี่น้องมีเรื่องต้องคุยกัน งั้นข้าขอตัว”
ฮวามู่หลานรีบพูด“ฝ่าบาท มีเรื่องด่วนในกองทัพ ข้าขอตัว!”
เขาก้มหัวให้เกาหลิงเฟิงกับฮวามู่หลานทันที จากนั้นก็รีบออกวัง พอเห็นท่าทีของน้องชายนาง สนมฮวาก็ยิ้ม
“ฝ่าบาท อะไรที่พาท่านมาที่นี่?”สนมฮวาสวมชุดวังสีแดง ไม่เหมือนบรรยากาศของนักวิชาการอย่างหลลินว่านเอ๋อร์ สนมฮวาเกิดมาสูงศักดิ์ นางชอบปิ่นปักผมสีแดง ซึ่งยิ่งเน้นเสน่ห์อันเร่าร้อน
ถ้าจักรพรรดินีเหมือนดอกโบตั๋น สนมฮวาก็เหมือนม้าป่า การพลาดสาวงามเช่นนี้ถือเป็นตราบาป!เกาหลิงเฟิงพลันรู้สึกว่าตัวเขาก่อนหน้าต้องมีปัญหา! เขานำสนมฮวาเข้าวัง พูด“ข้ามีเรื่องคุย!”
ในขณะเดียวกัน ในวังของจักรพรรดินี หลินว่านเอ่อร์นวดขมับตัวเอง กองเอกสารทั้งหมดถูกนางทำเครื่องหมาย ด้วยภูมิหลังของนางตั้งแต่เด็ก หลินเจี้ยนเฉิงมักเลี้ยงลูกสาวเขาให้เหมือนลูกชาย เขามักพูดว่าถ้าหลินว่านเอ๋อร์สามารถเข้าร่วมการสอบขุนนางได้ นางจะต้องติดอันดับบนแน่
โดยมีพ่อคอยสอนตั้งแต่เด็ก นางเลยเก่งในทางราชสำนัก นางทำงานเสร็จอย่างไว แต่ก็ปวดหัวหน่อยเพราะจดหมายเหตุส่วนใหญ่โจมตีพ่อของนาง หลินเจี้ยนเฉิง!
หลี่เฟิง ที่ตั้งใจจะเกษียณกลับบ้านเกิด องค์ชายแปด ทั้งราชสำนักกำลังตับตาดูพายุก่อตัวในราชสำนัก!