ตอนที่ 275
ตอนที่ 275
ในภูมิภาคเชิงหัวของทวีปตอนกลาง มีจักรวรรดิที่แข็งแกร่งอยู่
พวกเขามีชื่อว่าจักรวรรดิหลงหยวน
พวกเขาถือว่าเป็นหนึ่งในกองกำลังที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมากที่สุดในภูมิภาคเชิงหัว
จักรวรรดิหลงหยวนนั้นไม่มีเรื่องราวในตำนานที่น่าภาคภูมิใจมากนัก
แต่บรรพบุรุษของเขาคือบรรพบุรุษหลงหยวน
ชนเผ่าที่เคยปกครองทวีป A เมื่อนานมาแล้ว
พวกเขาเป็นกองกำลังที่มีสามจักรพรรดิ และจักรพรรดิทั้งสามก็สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคนติดต่อกัน
นับตั้งแต่ยุคของบรรพบุรุษหลงหยวน พวกเขาก็ให้กำเนิดจักรพรรดิอีกสองคนต่อจากนั้นติดต่อกัน จนผู้คนว่ากันว่าชนเผ่านี้คือเผ่าที่ได้รับพรจากสวรรค์
ในเวลานั้นอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นกองกำลังที่ไม่มีสิ้นสุดและไม่มีใครเอาชนะได้เลย
ชนเผ่านี้เชื่อในมังกรเทพและถือว่ามังกรเทพเป็นสัญลักษณ์ของพวกเขา
แม้แต่แซ่ของพวกเขาก็ยังใช้คำว่าหลงที่แปลว่ามังกรด้วยซ้ำ
ต่อมาตระกูลหลงหยวนก็ได้บูชาสวรรค์ในเผ่าของตน และก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นชื่อจักรวรรดิหลงหยวน
และนี่ก็คือต้นกำเนิดของจักรวรรดิหลงหยวน
พวกเขาอาศัยการสั่งสมรากฐานอันยาวนานและการมีจักรพรรดิสามคนขึ้นเป็นกองกำลังที่มีอำนาจระดับสูงสุดของภูมิภาคเชิงหัว
นิกายโดยรอบจำนวนมากล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาและขอรับการคุ้มครองจากพวกเขา
-
เต๋าซุนฟังการพูดคุยของชาวบ้านรอบๆ และตระหนักว่าคนเหล่านี้แค่ดูเหมือนกำลังสนุกสนานไม่น้อย
เห็นเช่นนั้นเขาก็เลยเดินไปถามด้วยรอยยิ้ม และแล้วก็ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด
ปรากฎว่านิกายเขียวขจีมีศิษย์สายในคนหนึ่งที่ชื่อเสี่ยวเติ้ง
เสี่ยวเติ้งคนนี้ช่วยชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งไว้โดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างออกไปหาประสบการณ์
ทั้งสองก็ได้ฝึกฝนด้วยกัน และด้วยเหตุผลหลายประการ เรื่องราวมากมายก็ได้เกิดขึ้นระหว่างทาง
และทั้งสองก็ตกหลุมรักกัน
แต่แล้วเมื่อตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวผู้นี้ปรากฏ เสี่ยวเติ้งก็ได้รู้ว่านางนั้นคือธิดาศักดิ์สิทธิ์ของวังเก้าเมฆาอันเป็นกองกำลังระดับจักรพรรดิแห่งหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นคือธิดาศักดิ์สิทธิ์คนนี้ได้รับหมั้นหมายมานานแล้วตั้งแต่ต้น
และถูกต้อง องค์ชายหลงหยางผู้ที่เป็นองค์ชายคนโตของจักรพรรดิหลงหยานนั่นเองที่เป็นคู่หมั้นของหญิงสาว
แต่ธิดาศักดิ์สิทธิ์นั้นหาได้ชื่นชอบหลงหยางไม่ ดังนั้นนางจึงหนีไปกับเสี่ยวเติ้ง
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้วังเก้าเมฆาโกรธเคืองเท่านั้น แต่ยังทำให้จักรวรรดิหลงหยวนทั้งหมดต้องเสียหน้าอีกด้วย
ตั้งแต่นั้นหลงหยางก็เอ่ยปากสาบานทันทีว่าเขาจะทำลายนิกายเขียวขจีให้สิ้น
และวันนี้ ก็เป็นวันที่นิกายเขียวขจีถูกกำหนดไว้ว่าให้ถูกทำลาย ดังนั้นชาวบ้านชาวช่องและผู้ฝึกบ่มเพาะรอบๆจึงติดตามมาดูอย่างใกล้ชิดเพื่อความตื่นเต้น
-
เต๋าซุนนั้นไม่ได้มีนิสัยชอบยุ่งเรื่องของคนแม้แต่น้อยเลย จริ๊งงๆ……. ดังนั้นเขาจึงกำลังจะจากไป แต่ทว่าตอนนี้ จู่ๆเขาก็เอิ๊ญญญ …ได้เสียงคำรามของมังกรดังมาจากระยะไกล
“มีคนกำลังมา” ใครบางคนในฝูงชนตะโกน
สายตาของทุกคนก็มองไปทางทิศเหนือ
ห่างไกลจากเส้นขอบฟ้า ม้ามังกรตัวหนึ่งลากรถม้าอันงดงามมาในอากาศ
ม้ามังกรมีสีขาวล้วน มีเขามังกร บนหัว ซึ่งดูก็รู้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่หาได้ยากมาก
ในขณะนี้ ขณะที่มังกรและม้าควบมาข้างหน้า ก็มีร่องรอยสีสันสดใสทิ้งไว้ตามทางบนเส้นขอบฟ้าระยะไกล
เสียงคำรามของมังกรดังก้องไปทั่วโลก
ที่ด้านหน้าของประตูนิกายเขียวขจีซึ่งแต่เดิมว่างเปล่าจู่ๆก็มีคนกลุ่มหนึ่งก็เดินออกมาเช่นกัน
คนกลุ่มนี้เฝ้าระวัง ทุกคนสวมเสื้อผ้าสีเขียวและแขวนดาบยาวสามฟุตไว้ที่เอว
-
เมื่อร่างของม้ามังกรหยุดอยู่ตรงหน้าสำนักเขียวขจี กีบสีขาวหิมะของมันก็ค่อยๆก้าวลงมาอย่างนุ่มนวล แต่แม้ว่ามันจะก้าวลงมาเบาๆ ทว่าพื้นก็กลับปรากฏรอยแตกหลายจุดขึ้น
ม่านรถม้าเปิดออก และชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีทองก็เดินออกมา
ชายหนุ่มลงจากรถม้าแล้วลูบหัวม้ามังกร
ม้ามังกรก็ร้องเรียกออกมาและบินขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง จากนั้นก็บินออกไประยะไกล
ชายหนุ่มยืนนิ่ง เสื้อคลุมสีทองเหลืองบนตัวของเขาสลักด้วยลายมังกร
มังกรมีใบหน้าที่ดุร้ายและมีกรงเล็บอันแหลมคมลอยอยู่ในอากาศ มันดูเหมือนจริงมาก ราวกับว่าจะบินออกจากเสื้อคลุมสีเหลืองของเขาจริงๆ
ชายหนุ่มคนนี้มีใบหน้าที่เด็ดเดี่ยว คิ้วหนา และสะพายดาบสั้นไว้ด้านหลัง
-
“เจ้าชายหลงหยาง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนิกายเขียวขจีของข้า เหตุใดท่านถึงต้องมาลงที่ผู้บริสุทธิ์อย่างพวกเราด้วย ”
ทางด้านของนิกายเขียวขจี ผู้นำนิกายก็พูดเบา ๆ
“ส่งตัวเสี่ยวเติ้งมาให้ข้า แล้วข้าจะปล่อยนิกายเขียวขจีไป” หลงหยางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยสายตามุ่งมั่น แววตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
“เราเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหนเช่นกัน เสี่ยวเติ้งไม่ได้กลับมาที่นิกายนานแล้ว และเราไม่อาจติดต่อเขาได้เลย”
หัวหน้านิกายเขียวขจีก็ตอบอย่างรวดเร็ว
“ทุกการกระทำย่อมมีผู้ต้องรับผล” หลงหยางพูดเบา ๆ
“การทำลายนิกายเขียวขจีเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น หลังจากข้าจับเขาได้ ข้าจะทรมารเขาอย่างแสนสาหัส
จนกระทั่งเขารู้สึกสิ้นหวัง”
“องค์ชายหลงหยวน ท่านไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ?” หัวหน้านิกายเขียวขจีพูดเบา ๆ และหรี่ตาลง
“ทุกคนในโลกล้วนบอกว่าท่านมีความสามารถมาก แต่ข้าคิดว่าท่านนั้นเพียงแค่พึ่งพาบารมีของบรรพบุรุษเท่านั้น ”
“พึ่งพาบารมีของตระกูลและบรรพบุรุษรึ ?” หลงหยางหัวเราะเบา ๆ ส่ายหัวแล้วตอบว่า: "เจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งนักรึไงถึงได้กล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้
ครั้งนี้ข้าจะทำลายนิกายเขียวขจีของเจ้าให้สูญสิ้นซะ ”
“เจ้ากล้ารึ”
“โหดร้ายเกินไปแล้ว”
“หยิ่งผยองยิ่งนัก”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงหยางพูด ผู้อาวุโสของนิกายเขียวขจีก็อดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา
แม้ว่านิกายเขียวขจีของพวกเขาจะเทียบไม่ได้กับเหล่านิกายใหญ่ๆ แต่ที่แห่งนี้ก็คือบ้านของพวกเขา
พวกเขาใช้ความพยายามมานับไม่ถ้วนเพื่อสร้างนิกายมา แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกบอกว่ามันเป็นสิ่งไร้ค่า เช่นนั้นมีหรือที่พวกเขาจะไม่โกรธ
-
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะยังไม่รู้จุดยืนของตัวเองสินะ คนอ่อนแอก็ควรทำตัวเฉกเช่นคนอ่อนแอสิ
จงสำเนียกฐานะของคนและตายอย่างต่ำต้อยไปเสียก็สิ้นเรื่อง”
หลงหยางพูดและค่อยๆ ดึงดาบออกจากหลังของเขา
ในขณะนี้เอง พลังดาบก็โหมกระหน่ำไปทั่วท้องฟ้า
ทะเลดาบแผ่ออกมาจากข้างหลังของเขาราวกับไฟลามทุ่ง และกลิ่นอายของจุดสูงสุดระดับ 5 ก็สะท้อนอยู่รอบตัวเขา
เขามองตรงไปที่ดาบ และพลังปราณดาบก็ระเบิดออกมา
ปราณดาบอันทรงพลังนี้แผ่กระจายออกไปทั่ว
“ดาบเล่มนี้จะขจัดทุกสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อเส้นทางการเป็นจักรพรรดิของข้า วันนี้มดปลวกอย่างพวกเจ้าจงภูมิใจเสียเถอะที่ได้ตายภายใต้ดาบของข้า”
หลงหยางพูดอย่างดุร้าย และด้วยพลังดาบอันดุเดือด เขาก็พุ่งไปที่นิกายเขียวขจี
-
ข้าหันหลังกลับแล้วหยิบดาบกระดูกขึ้นมาสามเล่ม จากนั้นทุกสิ่งในโลกก็ล้วนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนภายใต้แทบเท้าข้า
นี่เป็นคำพูดที่เลื่องลือของจักรพรรดิสามดาบ
ในขณะนี้ การสังหารหมู่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นที่นิกายเขียวขจี
แม้ว่าองค์ชายหลงหยางจะเป็นยอดฝีมือระดับ 5 เท่านั้น แต่ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายเขียวขจีเองก็มีอยู่เพียงแค่ระดับ 5 เช่นกัน
ทุกคนในนิกายเขียวขจีนั้นเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ในวันนี้มาเป็นอย่างดี
พวกเขาได้เตรียมมาตรการหลายอย่างไว้ล่วงหน้า
มีทั้งอาคมและยอดฝีมือระดับ 5 หลายคนปิดล้อม
พวกเขาตัดสินใจใช้กลยุทธ์ทะเลมนุษย์ใช้คนจำนวนมากโถมเข้าใส่เพื่อจัดการกับองค์ชายหลงหยางที่อยู่ระดับ 5
แต่พวกเขานั้นกลับลืมไปว่า สิงโตหนึ่งตัวมีหรือจะพ่ายแพ้ให้กับมดร้อยตัว
-
“นิกายเขียวขจีจบสิ้นแล้ว”
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็มองดูด้วยความตื่นเต้นและพูดอย่างออกอารมณ์
“องค์ชายหลงหยางอยู่ในอันดับที่แปดบนรายชื่อดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นข้าไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาจึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้
นี่สินะตัวตนที่มาจากกองกำลังระดับสูง ? ”
“เห้อ ตอนนี้คงเป็นโลกของคนหนุ่มสาวแล้วสินะ”
ด้วยเสียงกระซิบจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา เต๋าซุนก็เฝ้าดูการสังหารอย่างไม่แยแส
ดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้าและไม่มีฝนบนท้องฟ้า
แต่ภายในนิกายเขียวขจีนั้นกลับปรากฏพายุฝนนองเลือดอยู่ในขณะนี้
ศพกองรวมกันสูงเท่ากับภูเขา หลังจากที่หัวหน้านิกายเขียวขจีเสียชีวิต
ศิษย์ทั้งหมดที่เหลือก็เป็นเหมือนกับมดไร้หัว ที่ทำได้เพียงรอให้อีกฝ่ายมาฆ่าตายเท่านั้น
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เสียงร้องขอความเมตตากับเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากนิกายเขียวขจีก็ค่อยๆหายไป
ทุกคนก็มองดูด้วยความตื่นตระหนก
ไม่นานพวกเขาก็เห็นองค์ชายหลงหยางค่อยๆก้าวเดินออกจากนิกายทีละก้าว ด้วยร่างที่ปกคลุมไปด้วยเลือด