ตอนที่ 158: ของขวัญชิ้นใหญ่ 1 ชิ้น!
กายาปีศาจชูร่าเป็นหนึ่งในสิบร่างกายระดับเทพในโลกปีศาจ
ปิศาจที่มีนามว่า“ซูร่า”
ไม่เพียงมีร่างกายที่กล้าหาญเชี่ยวชาญในการต่อสู้ ข้ามผ่านชีวิตและความตาย.
ผู้ที่ครอบครองกายาชูร่านั้นก็เหมือนกับเทพเจ้าแห่งการสังหารทั้งปวง.
แสงและเงาสีม่วงของดอกไม้ เป็นสัญลักษณ์ของร่างอสูรชูร่า
ดังนั้น เมื่อปิศาจชูร่าปรากฏ ก็จะมีเพียงแค่ชีวิตและความตายเท่านั้นที่รออยู่.
“ตายต่อหน้าข้าซะ!” ตงหวงจื่อโหยว กระตุ้นแก่นแท้ในร่างกายของนางทันที.
กายาปิศาจชูร่าที่แผ่แรงกดดันพร้อมกับปะทุรัศมีแห่งการฆ่าฟันออกมา กระบี่เสวียนปิงของนางที่แทงออกไปราวกับสายฟ้า.
ปัง
แสงกระบี่ทะลุทะลวงผ่านสิบลี้!
หลุมโลหิตขนาดใหญ่ทะลวงร่างของตูกู่กัง
แม้แต่ภูเขาโลหิตด้านหลังของเขายังสั่นไปมาเล็กน้อย.
อย่างไรก็ตามที่น่าแปลกที่สุด อาการบาดเจ็บของเขาก็บฟื้นฟูและหายสนิทในพริบตา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตงหวงจื่อโย่ว นี่คือถิ่นของข้า เจ้าจะแข็งแกร่งได้อย่างไร?”
ตูกู่กัง หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยโลหิต
“อยากสังหารข้ามันไม่ง่ายหรอก!”
“หมัดนรกเก้าขั้น!”
ปัง
หมัดของเขาทะลวงผ่านความว่างเปล่าพร้อมกับร่องรอยของพลังแห่งกฎที่ดูดซับวิญญาณทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเขาเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ตงหวงจื่อโหยวเห็นเงาหมัดของเขากลายเป็นกะโหลกขนาดใหญ่ และระเบิดพลังพุ่งออกมา ดวงตาที่สวยงามของนางจ้องเขม็งพร้อมกับยกกระบี่เสวียนปิงขึ้นแล้วแทงออกไปทันที
ปัง
หมัดและกระบี่ปะทะกัน อากาศภายในรัศมีสิบลี้ สั่นสะเทือนเป็นระลอกคลื่น
ตงหวงจื่อโหยวรู้สึกเจ็บที่ข้อมือเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหมัดของตู่กู่กังนั้นไม่ธรรมดา
เมื่อมองดูภูเขาโลหิตที่อยู่ด้านหลังตูกู่กัง ความคิดของตงหวงจื่อโหยวก็ลอยขึ้นมาในใจของนาง
"ดูเหมือนว่าศพโลหิตหลายร้อยล้านศพในภูเขาโลหิตคือแก่นพลังความแข็งแกร่งที่ไม่มีสิ้นสุดของเขา"
“ถ้าต้องการสังหารเขา วิธีที่ดีที่สุดคือตัดการเชื่อมต่อของเขากับภูเขาโลหิต หรือก็คือทำลายภูเขาโลหิตไปซะ”
“แต่... ภูเขาโลหิตนั้นสูงถึงหนึ่งล้านจั้ง จะถูกทำลายทั้งหมดในเวลาอันสั้นได้อย่างไร?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตงหวงจื่อโหยวก็ตัดสินใจแยกตูกู่กังออกจากภูเขาโลหิตก่อน
ลดการเชื่อมต่อระหว่าง ตูกู่กัง และภูเขาโลหิตซะก่อน แล้วมองหาจุดอ่อนของเขาเพื่อโจมตี.
ต่อมา.
ตงหวงจื่อโหยว ผู้คุ้นเคยกับกลยุทธทางทหาร ได้ใช้กลยุทธ์ในการดึงอสรพิษออกจากถ้ำ
หลังจากปะทะกันอีกหลายสิบกระบวนท่า
นางได้ล่อตูกู่กังออกห่างจากภูเขาโลหิตหลายร้อยลี้แล้ว.
นางค้นพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างตูกู่กังและภูเขาโลหิตอ่อนลงจริง ๆ.
ทว่าตู่กู่กังยังคงไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้ แม้แต่ก้าวเข้าไปในแผนการของตงหวงจื่อโหยวด้วยซ้ำ
-
ด้านหลังของภูเขาโลหิต มีแท่นบูชาที่มีรัศมีห้าลี้
แท่นบูชายกสูงที่อยู่ตรงกลางแท่นบูชานั้นสร้างจากศิลาโลหิตขนาดใหญ่
ในทุกครั้งของวันไหว้บรรพบุรุษ
สมาชิกทุกคนของนิกายวิญญาณโลหิต จะแช่ศิลาโลหิตนี้ด้วยโลหิตเพื่อสังเวยและสวดภาวนา
กึก ครืนนนน
ศิลาโลหิตหนักหมื่นกิโลกรัมเริ่มแตกร้าวโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
ในไม่ช้า รอยแตกบนศิลาโลหิตก็มีแสงโลหิตที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
ภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ของภูเขาโลหิตถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
มีกะโหลกสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในอากาศ กรีดร้องโหยหวน
เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอันน่าสยดสยอง สมาชิกทุกคนของนิกายวิญญาณต่างก็สั่นสะท้านอยู่ในใจ
“ด้วยแสงโลหิตอันมหึมาเช่นนี้ เป็นไปได้ไหม ที่บรรพบุรุษของเรานิกายวิญญาณโลหิตฟื้นคืนชีพแล้ว?”
“นี่! ลมหายใจนี้คุ้นเคยและทรงพลังมาก แข็งแกร่งกว่าผู้นำถึงสิบเท่า บรรพบุรุษฟื้นคืนชีพแล้วแน่นอน!”
“ดูสิ แสงโลหิตปรากฏขึ้นจากทิศทางของแท่นบูชาในภูเขาด้านหลัง จะเป็นใครได้อีก ถ้าไม่ใช่บรรพบุรุษ”
ในเวลานี้ทุกคนในนิกายวิญญาณโลหิต ต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในเวลาเดียวกันตูกู่กังที่เสียเปรียบเมื่อปะทะกับจักรพรรดินิตงหวงจื่อโหยว ทำให้เขาเริ่มรู้สึกกังวล.
ทว่าเวลาต่อมากำลังใจของเขาเพิ่มพูนขึ้นทันที.
เมื่อบรรพบุรุษโลหิตออกมาจากภูเขา เขาจะสามารถกวาดล้างตงหวงจื่อโย่ว และเป่ยเสวียนเทียนได้อย่างแน่นอน!
และห่างออกไปหลายร้อยลี้
ตงหวงจื่อโหยวและตู้กู่กังก็สังเกตเห็นแสงในระยะไกลได้ในเวลาเดียวกัน
เวลานี้ตู่กังดีใจมาก: "ฮ่าฮ่า กะโหลกนี่เป็นสัญญาณของการกำเนิดของบรรพบุรุษ!"
“โดยไม่คาดคิด บรรพบุรุษยังมีชีวิตอยู่ ตงหวงจื่อโหย่ว วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!”
ตงหวงจื่อโหยว อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้
แม้ว่าตูกู่กัง จะได้รับความช่วยเหลือจากภูเขาโลหิต แต่นางก็ยังคงมีความมั่นใจอย่างมากที่จะจัดการเขา.
หากตอนนี้มีบรรพบุรุษวิญญาณโลหิตเพิ่มขึ้นมาอีกคน ก็คงยากที่จะจัดการ.
เมื่อพิจารณาจากลมหายใจของอีกฝ่าย นางรู้สึกได้ว่า บรรพบุรุษวิญญาณโลหิตแข็งแกร่งกว่าตูกู่กัง อย่างน้อยสิบเท่า
กล่าวอีกนัยหนึ่ง บรรพบุรุษวิญญาณโลหิตน่าจะเป็นมหาอำนาจในอาณาจักรมหาปราชญ์
ถ้าเขาและตู่กู่กังร่วมมือกัน...
ความมั่นใจในการชนะของตงหวงจื่อโหยว เกรงว่าคงจะหายไปหมด.
“ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้าร่วมพลังกัน!”
ตงหวงจื่อโหยวตัดสินใจอย่างเด็ดขาด กระตุ้นแก่นแท้ในร่างกายของนางอย่างบ้าคลั่ง และกระตุ้นศักยภาพของนางให้ถึงขีดจำกัด
ตอนนี้นางต้องใช้พลังทั้งหมดออกมา แล้วจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว.
จัดการตูกู่กังก่อน จากนั้นค่อยหาวิธีรับมือบรรพบุรุษโลหิต.
นางมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ ตราบใดที่สร้างความเสียหายให้กับตูกู่กังให้มากกว่าความเร็วในการฟื้นตัวของเขาได้
นางที่วาดมือไปบนอากาศ
ปัง
พริบตานั้นคลื่นอากาศอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา แสงสีทองเจิดจ้าก็ส่องสว่างปกคลุมท้องฟ้าในรัศมีหลายร้อยลี้ทันที
ฟีนิกซ์สีทองขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากร่างของตงหวงจื่อโหยว และทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ร่างฟีนิกซ์เก้าแปลง!” ตูกู่กังกลืนน้ำลายทันที “สตรีคนนี้ต้องการจัดการไม่ให้ข้าไปเข้าร่วมกับบรรพบุรุษของข้า!”
ตงหวงจื่อโหยว กระตุ้นกายาเทพและปิศาจ ให้แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าตูกู่กังจะโง่แค่ไหน ก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร.
"หนี!"
ตูกู่กัง หันหลังอย่างรวดเร็วและรีบไปพุ่งกลับไปที่ภูเขาโลหิต
เพียงไปถึงภูเขาโลหิต
ด้วยความช่วยเหลือจากพลังของภูเขาโลหิต เขาและบรรพบุรุษวิญญาณโลหิตย่อมสามารถทำให้ตงหวงจื่อโหยวตกตายได้
“อยากหนีเหรอ?” แววตาตงหวงจื่อโหยวแผ่ความเย็นชาออกมาทันที
ร่างของเทพและปิศาจที่ดูดซับพลังฟ้าดินอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นรัศมีเพลิงสองดวง หนึ่งเทพหนึ่งพิศาจพุ่งออกมาจากกระบี่เสวียนปิงของนาง.
ปัง!
กระบี่โจมตีหน้าอกขวาของ ตูกู่กัง
ตูกู่กัง เจ็บปวดมากจนเหงื่อไหลออกมาที่หน้าผาก เขาตกใจเป็นอย่างมาก: "สตรีคนนี้ ช่างชั่วร้ายจริง ๆ!"
และในเวลาเดียวกัน
บนแท่นบูชาของภูเขาโลหิตด้านหลัง ก็มีร่าง ๆ หนึ่งทะลวงศิลาโลหิตออกมา.
เขาก็คือผู้ก่อตั้งนิกายวิญญาณโลหิต บรรพบุรุษโลหิต.
เพราะตำแหน่งศิลาโลหิตนั้นอยู่ในจุดที่สุดในภูเขาโลหิตทั้งหมด และทุก ๆ ห้าปีจะมีการสังเวยโลหิตหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา
บรรพบุรุษวิญญาณโลหิตซ่อนตัวอยู่ในศิลาโลหิตเพื่อฝึกฝนปิดด่านยกระดับพลังบ่มเพาะ
เป็นเวลาผ่านไปนับหมื่นปีแล้วจากการหล่อเลี้ยงของโลหิตจากการสังเวยถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา
แต่ตอนนี้ หลังจากที่เขาค้นพบว่าตูกู่กัง กำลังเพลี้ยงพล้ำจากการเผชิญหน้ากับตงหวงจื่อโหยว เขาก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้
เพื่อที่จะรักษานิกายวิญญาณโลหิตของเขาเอาไว้ เขาจำเป็นต้องทะลวงออกมาจากศิลาโลหิตก่อนเวลา
“จักรพรรดิเสวียนปิง เจ้ากล้าสังหารผู้นำนิกายวิญญาณโลหิตของข้า บรรพบุรุษเช่นนั้น จะทำให้เจ้าตายไม่มีที่ฝั่ง!”
ม่านตาสีโลหิตของบรรพบุรุษวิญญาณโลหิตเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
ในเวลาเดียวกัน แสงสีขาวก็กระพริบ
ร่างของหลินซวน ปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ ต่อหน้าบรรพบุรุษโลหิต
“หืม?”
บรรพบุรุษโลหิตมองหลินซวนด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้เขาไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของหลินซวนเลย
สิ่งนี้ทำให้บรรพบุรุษโลหิตเผยท่าทางระมัดระวังในทันที
เขามีลางสังหรณ์ที่แข็งแกร่งว่า บุรุษหนุ่มรูปงามในชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าเขามีพลังมาก
ชวนให้นึกถึงจักรพรรดินิเสวียนปิงที่งดงามไม่ธรรมดาและหลินซวนที่หล่อเหลาหาได้ยากยิ่ง
บรรพบุรุษของวิญญาณโลหิตเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจว่า "เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าเป็น บุรุษของจักรพรรดินีเสวียนปิง"
"ใช่." หลินซวน เผยยิ้มเล็กน้อย "ดังนั้นเจ้าต้องรับของขวัญชิ้นใหญ่ชิ้นต่อไป"
เขาปลดปล่อยจิตวิญญาณยักษาออกมาตลอดเวลาปกคลุมทั่วภูเขาโลหิตหลายพันลี้ จึงรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ระหว่างตงหวงจื่อโหยว และตู่กู่กัง นั้นรุนแรงมาก.
ดังนั้นเขาจึงไม่พูดไม่กล่าวอีกต่อไป.
เขาวาดมือไปด้านหน้าสร้างผนึกสายฟ้าห้าองค์ประกอบที่มีขนาดใหญ่มาก.
ฟู ซูมมม~
สายฟ้าที่ร้องคำรามลั่น ส่องแสงสว่างเจิดจ้า.
กลุ่มเมฆฝนฟ้าคะนองหลากสีสันที่มีรัศมีอย่างน้อยหนึ่งพันลี้ปราบปรามแสงสีโลหิตที่สดใสปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของทุกคนในทันที
เมื่อเห็นเมฆสายฟ้านี้ บรรพบุรุษโลหิตและผู้คนนับแสนของนิกายวิญญาณโลหิตก็หัวใจหดเกร็ง
“สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าองค์ประกอบ!”
“ช่างเป็นเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่จริง ๆ นี่เขาคิดจะทำลายภูเขาโลหิตของพวกเราทั้งหมดหรือไม่?”
ทันใดนั้นหัวใจของทุกคนก็สั่นระรัวเต้นไปมาอย่างรวดเร็วเวลานี้พวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
จากระยะไกล ตงหวงจื่อโหยว และตู่กูกังก็อยู่ภายใต้เมฆฝนฟ้าคะนองด้วย
ทำให้พวกเขาเงยหน้าขึ้นและมองดูเมฆสายฟ้าที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าทันที
ไม่เพียงแต่ตูกู่กังเท่านั้น แม้แต่ตงหวงจื่อโหยวเองก็เผยความหวาดกลัวออกมาเช่นกัน.
ผู้ที่สามารถขับเคลื่อนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าองค์ประกอบขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ คนที่อยู่เบื้องหลังการลงมือเรียกได้ว่าทรงพลังจนน่าตกใจ.
และตงหวงจื่อโหยวที่สะดุ้งนึกอะไรขึ้นมาได้และตกใจสงสัยมากขึ้นไปอีก นางที่คิดได้ว่า เมื่อหลายวันก่อน ทหารชั้นสูงจำนวนหนึ่งแสนนายของอาณาจักรอู๋เซิ่งถูกเมฆสายฟ้าทำลายกลายเป็นฝุ่นผง.
“นี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือไม่?”
ตงหวงจื่อโหยวตื่นตะลึงอยู่พักหนึ่ง
เปรี้ยง! - -
ท่ามกลางความตื่นตระหนกตกใจของทุกคน
สายฟ้าหลายแสนเส้นก็ฟาดตกลงมาระรานตาหลากสีสัน มังกรเพลิงสายฟ้าขนาดยักษ์ที่พุ่งลงมาหาภูเขาโลหิต
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว.
ภูเขาโลหิตที่สูงเสียดฟ้า เมื่อคลื่นพายุสายฟ้าพัดผ่าน เพลิงสายฟ้าที่ลุกโชน ส่องสว่างเจิดจ้าท่วมท้องฟ้า.
ภูเขาทั้งลูกกำลังสั้นลงอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
สายฟ้าที่มากมายที่ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ ทำให้สาวกนิกายวิญญาณโลหิตเหมือนกับมดที่อยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว.