ตอนที่ 157: จักรพรรดินีเสวียนปิงสมควรกับชื่อเสียงของนางจริง ๆ!
ตี้ฟู่(สามีจักรพรรดิ)เป่ยเสวียนเทียน!
เมื่อได้ยินนามนี้สาวกนิกายวิญญาณโลหิต ที่เหลือก็แสดงท่าทีระมัดระวังทันที
จักรพรรดินีเสวียนปิงเป็นมหาอำนาจที่มีชื่อเสียง และบุรุษของนางก็จะต้องทรงพลังมากเช่นกัน
หลินซวนมองดูพวกเขาเล็กน้อย : "ข้าเอง ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตายไปที่นี่ซะ"
เมื่อได้ยินคำพูดที่ก้าวร้าวอหังการของหลินซวน เจตนาสังหารของจิงอู๋ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว:
“ช่างเป็นจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนที่หยิ่งผยองจริง ๆ สมเป็นคู่รักที่ลงตัวกัน เหมาะกับจักรพรรดินิเสวียนปิงนัก”
“จักรพรรดินิเสวียนปิงบุกเข้าไปในนิกายวิญญาณโลหิต ของเราเพียงลำพัง และเจ้าเองก็ต้องการรับมือพวกเราคนเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าบุกเข้าไป ช่างบ้าคลั่งเหมือนกันยิ่งนัก!”
หลินซวน เผยยิ้มอย่างสนุกสนานเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
ปรากฎว่าตงหวงจื่อโหยวได้บุกไปยังนิกายวิญญาณโลหิตแล้ว.
นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย
ตงหวงจื่อโหยว มีความรู้มากและต้องได้ข้อมูลเกี่ยวกับความวุ่นวายของนิกายภูตผีเมื่อ 30,000 ปีก่อนจากประวัติศาสตร์โบราณอยู่แล้ว
นอกจากนี้เป่ยเสวียนเทียนเองก็เพิ่งประสบกับความวุ่นวายของการจลาจลภูตผีในหลายประเทศ
เป็นธรรมดาที่นางจะค้นพบนิกายวิญญาณโลหิตได้
“ดูเหมือนว่าวันนี้ถูกกำหนดให้เป็นจุดสิ้นสุดของนิกายวิญญาณโลหิตของเจ้าแล้ว”
แก่นแท้ที่แท้จริงในร่างกายของหลินซวน ไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง และแผ่รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ระเบิดออกมาในทันที
แม้นว่าจะอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล จิงอู๋และคนอื่น ๆ ก็ยังคงมั่นใจอยู่เล็กน้อย
จิงอู๋ เหลือบมองศพห้าธาตุและสั่งการออกไปทันที: "สังหารจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนซะ!"
เขาได้ยินจากตงกู่กังว่า ศพห้าธาตุนั้นมีขอบเขตเสมือนจักรพรรดิ
นอกจากนี้พวกมันยังมีพลังของธาตุทั้งห้าที่ทรงพลังมากกล่าวได้ว่ามันมีระดับไม่ห่างจากระดับของราชาศพในตำนานแล้ว.
ห้าต่อหนึ่งในเวลานี้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถสังหารหลินซวนได้ แต่อย่างน้อยก็ควรทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บหนักได้.
นอกจากนี้ยังมีศพเกราะทองสัมฤทธิ์และศพเกราะเงินเกือบร้อยศพอีกด้วย.
จิงอู๋มีความมั่นใจในตนเองมากพอ สามารถที่จะล้อมสังหารหลินซวนได้แน่.
ซูมมม! ซูมมม!
ก่อนที่ศพห้าธาตุจะได้ขยับด้วยซ้ำ ทันใดนั้นแสงสีทองก็ส่องสว่างสองดวงปรากฏขึ้นส่องประกายระยิบระยับ ส่องสว่างปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้ายามค่ำคืน
จิงอู๋และคนอื่น ๆ ตกใจขาอ่อนยวบไปในทันที.
แสงสีทองจากภายในดวงตาของหลินซวน สว่างไสว จากนั้นมันก็กลายเป็นเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวสองดวงราวกับดวงตะวันพุ่งออกมา
เปลวเพลิงทั้งสองกลายเป็นมังกรเพลิงขนาดใหญ่
ทันใดนั้นมันก็ตกลงบนศพห้าธาตุทั้งห้าและเผาพวกมันจนกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว
“อ๊าก นี่มัน...เพลิงทองคำศักดิ์สิทธิ์หลี่ฮั่ว!”
"โอ้วสวรรค์ จักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนมีพลังที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้!"
“ผู้อาวุโส รีบสั่งการให้ศพเกราะเงินและศพเกราะทองสัมฤทธิ์ลงมือเร็วเข้า!”
ผู้คนในนิกายวิญญาณโลหิต ตกอยู่ในความตื่นตระหนกทันที พวกเขาถอยร่นด้วยความหวาดกลัวหนีตายออกไปอย่างน้อยครึ่งลี้ ทิ้งห่างออกมาจากเปลวเพลิงสีทองจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของหลินซวน.
ด้วยความกลัวที่จะถูกหลินซวนไล่ล่าจิงอู๋จึงรีบสั่งศพเกราะเงินและศพเกราะทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดเพื่อเข้าปิดล้อมหลินซวนทันที
“ฝูงปลาและกุ้งกระจ้อยร่อยต้องการหยุดข้า” หลินซวน กล่าวด้วยความดูถูก
ขณะเขาหยุดเพลิงทองคำหลี่ฮั่ว พร้อมกับนำกระบี่กึ่งเซียนของบุตรสาวออกมา.
ศพเกราะทองสัมฤทธิ์และศพเกราะเงิน หลอมกลั่นขึ้นมาจากโลหะ ไม่เหมือนกับศพห้าธาตุที่เผาไหม้ทันทีที่ถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผาไหม้
ดังนั้นเขาจึงใช้กระบี่กึ่งอมตะของบุตรสาว เพื่อทดสอบพลังของมันด้วย.
"ตาย!"
เมื่อเผชิญหน้ากับผีดิบที่รุมเร้า
หลินซวนผนึกพลังสายฟ้าห้าองค์ประกอบลงไปด้วย
พลังเพลิงสายฟ้าที่หมุนวนอยู่รอบ ๆกระบี่กึ่งอมตะทั้งสี่.
ซูมมมมมม! - -
มังกรสายฟ้าทั้งสี่คำรามออกมาพร้อม ๆ กัน และถูกยิงออกไปภายใต้การเหนี่ยวนำของกระบี่กึ่งอมตะ
สายฟ้าที่ฉีกท้องฟ้ายามค่ำคืน เห็นเป็นเหมือนกับสายรุ้งที่เคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็ว.
ปัง ปัง ปังปัง ปัง~
จากนั้นก็ได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังสนั่นติดต่อกัน
กลิ่นอายกระบี่ที่น่าพรั่นพรึงสยดสยอง สร้างสายฟ้า กำเนิดเพลิงเผาไหม้ที่รุนแรงกวาดม้วนเหล่าผีดินทั้งหมดให้หายไปอย่างรวดเร็ว.
เมื่อเห็นภาพการทำลายล้างที่อลังการ จิงอู๋และคนอื่น ๆ ต่างก็ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
พวกเขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างรุนแรง เกรงว่านิกายวิญญาณโลหิตคงถูกทำลายในคืนนี้เป็นแน่.
เพราะความแข็งแกร่งของ หลินซวน เกินความเข้าใจของพวกเขาไปมาก.
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จิงอู๋ก็ตัดสินใจหลีกเลี่ยงหนีออกไปจากสายตาของหลินซวน
กลับไปที่นิกายวิญญาณโลหิตทันที และปล่อยให้ผู้นำตงกู่กัง ตัดสินใจใหม่ว่าพวกเขาต้องรับมือกับหลินซวนและตงหวงจื่อโหยวอย่างไร.
“ทุกคน ใช้ทักษะภูตหลบหนี!”
หลังจากนั้น
จิงอู๋ที่หมุนเวียนแก่นแท้ของเขา สร้างหลุมดำขึ้นในอากาศ
เวทมนตร์ประเภทนี้เป็นทักษะการหลบหนีที่ดีที่สุดของวิถีภูตผี เป็นทักษะที่มีชื่อว่า ภูตหลบหนี.
ซึ่งหมายความว่าไปมาไร้ร่องรอย รวดเร็วราวกับภูตผี.
“อยากหนีเหรอ?” หลินซวนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มเยาะเมื่อเห็นการกระทำของพวกเขา และยกมือขวาขึ้นพร้อมกับดีดนิ้ว
ปัง!
แสงสีทองถูกปล่อยแผ่ออกมาทันทีกลืนกินภายในรัศมีสิบลี้ และก่อตัวเป็นโดมทรงกลมในเสี้ยวพริบตาเดียว
ร่างของจิงอู๋และสาวกของคนอื่น ๆ ที่รู้สึกราวกับว่าพวกเขากระแทกเข้ากับกำแพงเหล็กจนทำให้เจ็บปวดไปทั่วร่าง.
ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะค่อย ๆ ปรากฏออกมา.
พวกเขาก็พบว่าตัวเองติดอยู่ในค่ายกลสีทอง ราวกับเป็นคุกกำแพงทองแดง.
“โอ้วสวรรค์! เพียงดีดนิ้วก็สร้างค่ายกลขึ้นมาได้ จักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนจะร้ายกาจเกินไปแล้ว!”
จิงอู๋และสาวกอดไม่ได้ที่จะร้องไห้คร่ำครวญในใจ
ภายใต้การจ้องมองที่หวาดผวาของทุกคน พวกเขาก็พบว่าหลินซวนวาดมือปลดปล่อยตราประทับสายฟ้าแล้วโยนออกมา.
ในชั่วพริบตา กลุ่มเมฆฝนหลากสีสันก็ปกคลุมรัศมีสิบลี้เหนือศีรษะของจิงอู๋ และสาวกคนอื่น ๆ
เปรี้ยง! กรี๊ด.
ทันใดนั้นเทพเจ้าสายฟ้าก็ปล่อยสายฟ้านับพันสายฟาดลงมา
เพียงพริบตาเดียว จิงอู๋และสาวกก็สลายกลายเป็นผุยผง.
หลินซวน มองดูจิงอู๋ และคนอื่น ๆ อย่างสงบ
หลังจากยืนยันว่าพวกเขาไม่มีใครรอด เขาก็เดินทางต่อไปยังทิศทางของนิกายวิญญาณโลหิตทันที.
ในเวลาเดียวกันนั้น.
หลังจากการต่อสู้หลายสิบกระบวนท่า ตูกู่กังก็ได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ.
เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ตงหวงจื่อโหยว สาวงามในชุดกระโปรงสีม่วงที่อยู่ไม่ไกลนัก ด้วยแววตาตื่นตะลึง!:
“สตรีคนนี้แข็งแกร่งมากจริง ๆ”
“การได้เป็นบุรุษของนาง เพียงแค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!”
ตู่กู่กัง หายใจเข้าลึก ๆ เอ่ยด้วยสายตาเย็นชา: "จักรพรรดินีเสวียนปิงสมควรกับชื่อเสียงของเจ้าจริง ๆ!"
มุมปากของตงหวงจื่อโหยว โค้งงอเล็กน้อย: "เจ้ากำลังพยายามจะเอ่ยอะไร ว่าแต่เจ้าสามารถจัดการกับข้าได้แล้วรึ?"
“เจ้าเป็นคนฉลาดจริง ๆ” ตูกู่กังบิดคอบริหารร่างกายของเขาเล็กน้อย
“เนื่องจากข้าเคยต่อสู้กับคนของเป่ยเสวียนเทียนหลายครั้ง ข้าจึงได้พิจารณาถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว”
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า เรื่องที่บรรพบุรุษของเราทำไม่สำเร็จนั้น ถูกกำหนดให้สำเร็จในมือของข้า!”
"หึ หึ."
ตงหวงจื่อโหยว เยาะเย้ยสองครั้ง
“สามหมื่นปีก่อน บรรพบุรุษนิกายวิญญาณโลหิตของเจ้าล้มเหลวครั้งหนึ่งไปแล้ว”
“ข้าคิดว่านิกายวิญญาณโลหิตของเจ้าจะได้รับบทเรียนไปแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าก็ยังโง่อยู่!”
ตู่กู่กังเผยความเย็นชา: "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่า ทำไมข้าถึงควบคุมทุกอย่างไว้แล้ว!"
ทันใดนั้นเขาได้วาดผนึกโลหิตด้วยมือทั้งสองข้าง.
เมื่อผนึกปรากฏขึ้น ท้องฟ้าในรัศมีหลายพันลี้ก็เปลี่ยนสี
พระจันทร์ที่สว่างสดใส เปื้อนไปด้วยโลหิตทันที ราวกับพระจันทร์สีโลหิตได้ปรากฏขึ้นแล้ว.
“จ้าวหมื่นผี!”
บูม! เสียงดังกึกก้อง ภูเขาโลหิตทั้งหมดเริ่มสั่นสะเทือน
กระแสโลหิตมากมายไหลลงมาจากบนยอดเขา
ในชั่วพริบตา มันก็รวมตัวเป็นผีดิบที่ชุ่มไปด้วยโลหิต.
ไม่ถึงห้าลมหายใจต่อมา ตูกู่กังก็ดูดผีดิบเปื้อนโลหิตตนนั้นเข้ามาในร่างกายของเขา.
ในเวลานี้ พระจันทร์สีโลหิตที่อยู่เหนือศีรษะ ส่องแสงสะท้อนร่างกายที่ชุ่มไปด้วยโลหิตของเขา จิตสังหารที่มากมายก็ปะทุออกมาทันที.
หลังจากสัมผัสถึงลมหายใจของตูกู่กังแล้ว คิ้วใบหลิวของตงหวงจื่อโหยว ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดเล็กน้อย:
“ความแข็งแกร่งของเขา ตอนนี้เข้าใกล้อาณาจักรมหาปราชญ์แล้ว”
กล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของตูกู่กังเทียบเท่ากับตงหวงจื่อโหยวแล้ว.
สิ่งนี้ทำให้ตงหวงจือโหยว เผยความระมัดระวังออกมา.
นางบอกได้ว่าด้วยพรของศพโลหิตจากภูเขาโลหิตนั้นสามารถทำให้ตูกู่กังมีพลังมากขึ้น.
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มือหยกของนางก็กำหมัดแน่น
นางวาดมือไปบนอากาศ.
ในสเวลานั้นแสงสีม่วงส่องสว่างแพรวพราว เจิดจ้าบน ท้องฟ้ายามราตรีปกคลุมพื้นที่รัศมีสิบลี้
ปรากฏแสงและเงาของดอกไม้ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกำลังโคจรวนเวียนอยู่รอบ ๆ ร่างของนาง
แม้ว่านางจะงดงามมาก แต่นางก็ระเบิดพลังทำลายล้างที่น่าขนลุกออกมาด้วย.
ตูกู่กังจ้องมองนางครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่ดวงตาของเขาจะสั่นไหว “นี่มัน....ร่างปิศาจชูร่า”