ตอนที่ 12 หยามหน้าแชมป์ปาร์กัว จางซิงเฉินถูกตบหน้าอีกครั้ง
ตอนที่ 12 หยามหน้าแชมป์ปาร์กัว จางซิงเฉินถูกตบหน้าอีกครั้ง
หวังหยุนเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ทั้งกระโดดไต่กำแพง ปีนป่าย ในแต่ละท่วงท่าดูสมูทยิ่งกว่าแมว ว่องไวดั่งลิงลม ทุกอิริยาบถล้วนลื่นไหล ต่อเนื่อง ดูมืออาชีพสุด ๆ เขาเคลื่อนตัวผ่านสิ่งกีดขวางได้อย่างง่ายได้
เมื่อไปถึงชั้นสามเขาก็ไม่หยุดแค่นั้น รีบปีนขึ้นต่อในชั้นสี่ ห้า หก
ตอนนี้เหมือนหวังหยุนกำลังทำการแสดงทักษะปาร์กัวร์ขึ้นเทพให้ทุกคนได้ดู การเคลื่อนไหวของเขาทั้งลื่นไหลและมีสไตล์ มันต่างเต็มไปด้วยเทคนิคปาร์กัวร์สุดเจ๋งที่ไม่มีใครเทียบได้!
เซาเหมาตามหลังมาติด ๆ ใบหน้าเริ่มแดงเผือด อาการเสียหน้าเริ่มกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะที่หวังหยุนมาถึงชั้นเจ็ดแล้ว แต่เซาเหมาเองยังอยู่ที่ชั้นหก ส่วนเจ้าหน้าที่อีกสองคนไม่ต้องพูดถึง พวกเขายังติดอยู่ที่ชั้นสี่
เหมือนว่ารูปร่างกำยำภายนอก จะไม่ช่วยพวกเขาจากอาการเหนื่อยหอบสักเท่าไหร่
หวังหยุนยืนอยู่หน้าแท่นเหล็กที่สร้างขึ้นบนชั้น 7 รอยิ้มเย้ยให้กับเจ้าของแชมป์ปาร์กัวร์ระดับประเทศ
และสี่หรือห้าวินาทีถัดมา เซาเหมาก็ปรากฏขึ้นในที่สุด หวังหยุนยิ้มมุมปากมองอีกฝ่ายพร้อมเลิกคิ้ว
สายตาจับจ้องไปที่โครงเหล็กเบื้องหน้าแล้วคว้าไว้ ช่วงเวลาถัดจากนั้นเป็นภาพของหวังหยุนที่ปีนป่ายเหล็กแต่ละเส้นไปอย่างรวดเร็ว
จากชั้นเจ็ดระยะทางมันไกลกว่า 10 เมตร แต่ด้วยทักษะการปีนป่ายท่อนเหล็กของหวังหยุน มันก็ส่งผลให้เขามาถึงพื้นภายใน 7 วินาที
“บ้าเอ๊ย!” เซาเหมาอุทานออกมา
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลงมาโดยใช้ท่อนเหล็ก ‘เซาเหมาเอง’ ก็รีบวิ่งไปดูตรงขอบตึก
มองดูก็รู้เลย ถ้าปีนพลาดเมื่อไหร่ตายเมื่อนั้น!
หวังหยุนร่อนลงพื้นและเงยหน้าเย้ยเซาเหมา ใช้สายตาจับจ้องแล้วบอกเป็นนัยว่า แกจับฉันไม่ได้หรอก!
เด็กหนุ่มเคี้ยวหมากฝรั่งด้วยสีหน้าดูถูกพร้อมเป่าฟองสบู่ใส่ฝ่ายตรงข้าม
เขาเงยหน้าแล้วยกนิ้วโป้งให้เซาเหมาที่อยู่ด้านบน จากนั้นก็ค่อย ๆ หันหัวแม่โป้งลงด้านล่าง คว่ำนิ้วหัวแม่มือลง! ไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจแจ่มแจ้ง แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่า ฝีมือดีกรีแชมป์อย่างคุณมันห่วยสุดๆ !
“ฮะ!” เมื่อเห็นท่าทางนี้ ลมหายใจของเซาเหมาก็เริ่มติดขัด ใบหน้าร้อนผ่าว มันเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ความพ่ายแพ้ เสียหน้าและโดนหยามจากไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
แต่แล้วความจริงก็คือความจริง
เขาพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง แพ้โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ
พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ช่องว่างในทักษะของเขายังห่างเกินไปถ้าเทียบเด็กคนนี้
***
“สุดยอด! เหลือเชื่อมาก! ฉากที่หวังหยุนโชว์ท่าปาร์กัวร์นั้นพอๆ กับหนังดังระดับโลกเลย” ผู้ชมคนหนึ่งแสดงความคิดเห็น
“มันเจ๋งสุดๆ โคตรเท่! รู้สึกเหมือนกำลังดูการปะทะกันของเหล่าทวยเทพ! เลย” อีกคนอุทาน
“คุณแน่ใจหรือว่ามันเป็นการปะทะกันของเหล่าทวยเทพ? มันไม่เหมือนอุลตร้าแมนที่เอาชนะสัตว์ประหลาดตัวเล็กมากกว่าเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า” มีคนเหน็บ
“เซาเหมาเหนือกว่าโดยสิ้นเชิง เขาไม่ได้อยู่ในหลีกเดียวกัน เขาแค่อ่อนข้อให้เฉย ๆ”
“การเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของหวังหยุน มันเพอร์เฟกต์มาก ความแข็งแกร่งและทักษะเขา มันเทียบได้กับนักกีฬาปาร์กัวร์ระดับประเทศเลยนะเนี่ย!”
“คิดจะฆ่าก็ต้องเอาให้ตายแบบนี้แหละ! เป็นการหยามที่สะใจสุดๆ ไปเลยฮ่าฮ่า”
ภายในห้องสตรีมสด
ดวงตาของทุกคนลุกโชนเมื่อเห็นหวังหยุนเคี้ยวหมากฝรั่งและเป่าฟองสบู่ด้วยความดูถูก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันน่าตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ
เด็กหนุ่มคนนี้ตบหน้า หยามศักดิ์ศรีแชมป์ดีกรีระดับประเทศ เลือดเย็นสุด ๆ
***
“ฉันแพ้แล้ว เราอยู่คนละลีกกัน ความสามารถปาร์กูร์ของเขา ยังไม่มีใครเทียบได้ในโลก” เซาเหมาพึมพำ เขายืนอยู่บนชั้นเจ็ดด้วยสีหน้าที่ขมขื่น และยังรู้สึกด้อยต่าตัวเองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เซาเหมาคลิกเครื่องมือสื่อสารบนชุดหูฟังแล้วพึมพำว่า “กัปตัน ฉันแพ้แล้ว!”
“ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งท้อนะเซาเหมา” เสียงปลอบใจของจาง ซิงเฉิน ที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสดอย่างตั้งใจ
เสียงปลายสายหยุดไปชั่วขณะก่อนกล่าวต่อ “สมรรถภาพร่างกายของหวังหยุน จากที่ดูมันเทียบเท่ากับนักกีฬามืออาชีพ เขาอาจเป็นหนึ่งในทีมชาติก็ได้”
ในฐานะที่จางซิงเฉินเป็นแชมป์โลก เขาเข้าใจความสามารถทางกายภาพค่อนข้างดี เขากล่าวเสริมว่า “ดังนั้นการที่ยังจับเขาไม่ได้ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้เพิ่มเกี่ยวกับเขา จับกุมครั้งต่อไปเราจะวางกลยุทธ์ให้มากขึ้น”
ไม่ใช่แค่เซาเหมาคนเดียวที่เสียหน้า จางซิงเฉินเองก็รู้สึกเช่นกัน เขารู้สึกแสบร้อนบนใบหน้าและเครียดจนเส้นเลือดปูดอย่างเห็นได้ชัด
ความล้มเหลวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในครั้งนี้ เมื่อเขาเอ่ยปากสัญญาว่าจะออกมาปกป้องแฟนคลับสาว แต่กลับทำไม่ได้อย่างที่พูดเลยสักนิด
นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความหงุดหงิด เริ่มต้นเหมือนจะดีแต่พอลงท้ายกลับจบด้วยความพ่ายแพ้!
แม้ในใจจะมีเรื่องกังวลมากมาย แต่ภายนอกเขายังคงรักษาใบหน้าที่นิ่งเฉยเอาไว้
“ยอมรับเลยว่าสมรรถภาพทางกายของ ‘หวังหยุน’ นั้นทัดเทียมกับนักกีฬาระดับชาติอย่างแท้จริง และทักษะปาร์กัวร์ของเขาก็ยอดเยี่ยมมาก ‘ซิงเฉิน’ อย่าเพิ่งท้อ เรายังมีเวลาจัดการกับ 'ผู้หลบหนี' ที่ผิดปกติเช่นนี้” หงเฟิงให้ความมั่นใจกับจางซิงเฉิน”
“ใช่! จริงที่สุด” เซินห่าวหัวเราะเบา ๆ
“ซิงเฉิน ก่อนหน้านี้ คุณได้ทำให้โปรดิวเซอร์รายการขุ่นเคืองบ้างไหม? ทำไมพวกเขาถึงเตรียมคุณให้เจอผู้หลบหนีที่ไม่ธรรมดาแบบนี้”
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น ฮ่า ฉันจางซิงเฉิน แค่ความพ่ายแพ้เล็กน้อยนี่ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันเป็นกัปตันทีมสืบสวนคนที่3 ไอ้เด็กนั่นอาจจะวิ่งเร็ว แต่เขาไม่สามารถวิ่งเร็วไปกว่ารถได้หรอก รอบหน้าเตรียมรับมือไว้ให้ดีเถอะ!”
อารมณ์ของจางซิงเฉินเบาลงเล็กน้อย เขาเริ่มยิ้มได้ แม้ว่าเขาจะถูกตบหน้าอีกครั้ง แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่สั่นคลอน ยังไงเขาก็ต้องจับเจ้าโจรตัวแสบคนนี้ให้ได้!!
“ฉันจะจับเขา ยังไงก็ต้องจับให้ได้!” เขาย้ำอีกครั้งโดยกำหมัดแน่น ส่ายหัว พูดด้วยสายตาที่มุ่งมั้น
“แต่ช่วงนี้อาจต้องปล่อยไปก่อน ฉันเสียเวลากับไอ้หมอนี่ไปมาก ขอไล่เก็บผู้ลี้ภัยคนอื่นก่อนแล้ว เสียเวลาแต่ยังไม่ได้แต้มจับกุมเลยสักนิด ทีมอื่นเขาไปไหนต่อไหนกันแล้ว”
สิ้นเสียงซิงเฉิน หวู่หมิงหยูและคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะเบา ๆ ไม่ใช่ความผิดของ นายที่ทำพลาดสองครั้งกับผู้ลี้ภัยคนนี้ ถึงแม้จะเป็นทีมอื่นผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างจากนายเท่าไหร่นัก
ใครกันนะ ที่จะสามารถเดาสมรรถภาพร่างกายอันแข็งแกร่งของเจ้าเด็กคนนี้ได้? นี่ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยสติปัญญาแต่เป็นการท้าทายความอดทนสินะ
“ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ซิงเฉิน จำไว้ว่าเราในฐานะหัวหน้าผู้ตรวจสอบสามารถเข้าถึงอาวุธได้” เล้งหมิงพูดแทรกจากด้านข้าง
ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกหวาดกลัวกับหวังหยุน ใช่แล้ว ผู้หลบหนีนั้นว่องไวและมีความแข็งแกร่งสูง แต่นั่นหมายความว่าเขาจับไม่ได้เหรอ?
โปรดจำไว้ว่าตำรวจในโลกแห่งความเป็นจริงมีอาวุธ รวมถึงปืนช็อตไฟฟ้าและปืนพก
พวกเขาในฐานะหัวหน้าผู้ตรวจสอบรายการก็มีพวกเขาเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก แต่ในบริบทของการแสดง ก็ถือว่ามีจริง
………………………………