ตอนที่ 117 ก้อนพลังงานเวทมนตร์ การจุติพลังกรณีพิเศษ (อ่านฟรี 11/12/2567)
“ฮะ! คุณเย่ซีต้องการจุติพลังเหรอครับ” ซางเว่ยและหลี่กงเหมินอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ขนาดยังไม่จุติพลังยังแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าได้จุติพลังจะไปได้ถึงระดับไหนกัน!
“ไม่ได้รึ ?” เย่ซีเอียงคอก่อนจะถามกลับไป
“ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะคะ แต่ว่าการจะจุติพลังต้องได้รับอนุญาตจากทางรัฐบาลก่อน เพราะคริสตัลสีรุ้งถูกจัดเก็บไว้โดยทางรัฐบาลค่ะ” เหยาเซียงอธิบายให้ฟังทำให้ชายหนุ่มพอเข้าใจได้
“แล้วไม่มีหนทางเลยรึ ?” ชายหนุ่มไม่อยากจะยอมแพ้ เขาพยายามจะถามต่ออีกครั้ง
“ก็มีนะคะ ถ้าพวกเราสี่คนช่วยกันแนะนำคุณเย่ซีให้ทางผู้อำนวจการสถานีจุติพลังได้รับรู้ เขาอาจจะยอมให้คุณเย่ซีทดลองจุติพลังเป็นกรณีพิเศษก็ได้” อันหลานที่ครุ่นคิดอยู่สักครู่ก็กล่าวออกมา
เธอจำได้ว่าเคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นเช่นกัน ในตอนนั้นได้มีอัจฉริยะกลุ่มหนึ่งได้เสนอชื่อของเด็กจรจัดคนนึงให้ได้ทำการจุติพลัง หลังจากทำการทดสอบต่าง ๆ นานาแล้วก็พบว่าเด็กจรจัดคนนั้นมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ใหญ่ทั่วไปที่เริ่มมีสัญญาณว่าเหมาะแก่การจุติเสียอีก แถมหลังจากเด็กคนนั้นได้ทำการจุติเรียบร้อยแล้วก็ยังได้รับออร่าสีขาวอีกต่างหาก
ความจริงกฎระเบียนมันก็ไม่ได้เคร่งครัดมากนัก ขอแค่มีความสามารถมากพอก็ย่อมคุ้มค่ากับการให้ใช้คริสตัลสีรุ้งอยู่แล้ว
ที่ผ่านมาทุกคนที่ใช้คริสตัลสีรุ้งย่อมจุติพลังได้ทั้งหมด เพียงแต่จะได้พลังที่มีประโยชน์หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องนึง
“จริงด้วย! ผมก็ลืมเรื่องนั้นไปเลย ถ้าอย่างนั้นคุณเย่ซีก็มีโอกาสได้จุติพลังแน่ ๆ ครับ” ซางเว่ยอุทานออกมาหลังได้ยินสิ่งที่อันหลานกล่าวเมื่อสักครู่ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นเหมือนกับว่าตัวเองคือเย่ซีเสียอย่างนั้น
“แต่ก่อนอื่น... พวกเจ้าจะทำยังไงกับไอ้ซากศพนี่ล่ะ ?” เย่ซีกล่าวออกมาพลางกวาดตามองไปรอบบริเวณที่เต็มไปด้วยซากชิ้นเนื้อของมอนสเตอร์ที่เขาเพิ่งจะกำจัดไป
พอทิ้งไว้นาน ๆ เข้ามันก็เริ่มมีพวกแมลงวัน สัตว์ป่าโผล่หน้ามาจ้องมองซากเหล่านี้ตาเป็นมัน เขาก็ไม่รู้ว่าถ้าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ กินซากมอนสเตอร์นี้เข้าไปมันจะกลายเป็นมอนสเตอร์ด้วยรึเล่า ?
“เกือบลืมไปเลย! พวกเราไปแล่ชิ้นส่วนที่จำเป็นกันเถอะ!” ซางเว่ยกล่าวออกมาก่อนที่ทั้งสี่คนจะวิ่งไปยังซากศพมอนสเตอร์ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ
พวกเขาพกมีดพลังเวทย์ไปด้วยคนละเล่ม ถึงมีดเล่มนี้จะเป็นเพียงระดับต่ำแต่เนื่องจากมันมีขนาดเล็กทำให้พลังเวทย์ที่ปล่อยออกมาถูกบีบอัดมากกว่า จึงเฉือนซากศพที่ไร้พลังเวทย์ป้องกันของมอนสเตอร์ได้อย่างไม่ยากนัก
...
“พวกนั้นจัดการกันไวเหมือนกันแหะ” เย่ซีกล่าวออกมาเมื่อเห็นสภาพที่เละเทะก่อนหน้านี้กลายเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าเดิมเยอะ
ส่วนใหญ่สิ่งที่สามารถใช้งานได้ก็มีเพียงหนวดของมอนสเตอร์ ฟันอันแหลมคม และก้อนกลม ๆ สีฟ้าก้อนหนึ่งเท่านั้น เมื่อจัดการแล่สิ่งที่ใช้ได้ครบแล้วทั้งสี่คนนั้นก็นำเศษซากที่เหลือไปกองรวมกันไว้ด้านในป่าเพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นรบกวนมากนักแทน หลังจากไปถึงศูนย์กระจายข่าวค่อยให้พวกเขาส่งคนมาเผาทำลายเศษซากที่เหลืออีกที
“คุณเย่ซีครับ ของทั้งหมดนี่เป็นของคุณครับ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา” ซางเว่ยที่เดินกลับมาพร้อมเพื่อนของเขาเป็นตัวแทนกล่าวคำขอบคุณออกมา พร้อมยื่นก้อนกลมสีฟ้าให้
[ก้อนพลังงานเวทมนตร์ระดับต่ำ
คุณสมบัติ : เพิ่มพลังงานเวทมนตร์ให้แก่ผู้ดูดซับ
เงื่อนไข : ต้องทำการจุติพลังก่อนถึงจะใช้งานได้]
“ข้าขอรับไว้แค่สิ่งนี้ก็แล้วกัน ที่เหลือพวกเจ้าเอาไปเถอะ” เย่ซีทำการตรวจสอบพวกชิ้นส่วนมอนสเตอร์แล้วก็พบว่ามันไม่ได้มีคุณภาพดีอะไรนัก เขาเพียงเก็บเอาหนวดกับฟันของมันไม่กี่ซี่เข้าแหวนมิติเพื่อเป็นที่ระลึกเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ยกให้ทั้งสี่คนไป
ครึ่งหลัง
“จริงเหรอคะ! คุณไม่เอามันจริง ๆ เหรอ ?” เหยาเซียงถามย้ำด้วยความประหลาดใจ เพราะของเหล่านี้แม้จะไม่ได้มาจากมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็สามารถนำไปขายได้แพงอยู่ดี
“อืม พวกเจ้าเก็บไปเถอะ มันไร้ประโยชน์สำหรับข้า” เย่ซีตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ
ทั้งสี่คนพากันหาตำแหน่งเหมาะ ๆ แล้วซ่อนหนวดกับฟันของมอนสเตอร์เอาไว้ เย่ซีได้แต่มองทั้งสี่คนด้วยความมึนงง
“พวกเจ้าจะฝังทำไม ? ไม่ต้องการรึ ?” เย่ซีกล่าวถามออกมา
“ต้องการครับ แค่ว่าตอนนี้พวกเราไม่มีรถเลยต้องฝังไว้ก่อน พอไปถึงในเมืองค่อยขอให้คนมาขนกลับไปครับ” ซางเว่ยตอบคำถามของเย่ซีกลับมา
“แล้วทำไมไม่เก็บในแหวนมิติล่ะ ?” ชายหนุ่มกล่าวถามต่อด้วยความสงสัย
หรือคนพวกนี้จะยากจนเลยไม่มีแหวนมิติกันนะ ?
“อะไรคือแหวนมิติเหรอครับ ?” ซางเว่ยกล่าวถามออกมา
ซึ่งเพื่อนของเขาอีกสามคนก็สนใจในสิ่งที่เรียกว่าแหวนมิติเหมือนกัน หรือจะเป็นแหวนมิติที่เหมือนในนิยายอันโด่งดังกันนะ ? ของแบบนั้นมันมีจริงด้วยรึไงกัน ?
“นี่ไง! พวกเจ้าก็น่าจะเห็นแล้วไม่ใช่รึ ?” เย่ซีแสดงแหวนบนนิ้วที่เขาสวมไว้ให้อีกฝ่ายดู ก่อนจะทำการเรียกรถเข็นสีชมพูพาสเทลออกมาทั้งคัน ทำเอาทั้งสี่คนนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ชายหนุ่มก็เอาน้ำออกมาจากอากาศเช่นกัน
“... บนโลกนี้ยังไม่เคยมีข่าวว่ามีใครมีแหวนมิติหรืออุปกรณ์ในการเก็บของที่ล้ำสมัยเช่นนี้เลยครับ” คราวนี้เป็นหลี่กงเหมินที่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย
“อา.. พวกเจ้าลืม ๆ มันไปก็ได้นะ คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดถึง เข้าใจไหม ?” เย่ซีที่ได้ยินคำตอบจากอีกฝ่ายจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแห้ง ๆ เขาไม่ค่อยอยากจะให้ตัวเองเป็นจุดเด่นมากนัก เพราะตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในโหมดท่องเที่ยวแล้ว
อีกอย่างเขาก็ไม่รู้ว่ามอนสเตอร์หรือสิ่งมีชีวิตในดาวดวงนี้มีความแข็งแกร่งที่สุดขนาดไหน ถ้ามันไม่เกินขอบเขตร่างกายของเขาที่เป็นระดับจักรพรรดิ เขาก็สามารถใช้เวลาสามวันในการท่องเที่ยวได้อย่างหายห่วง
“เข้าใจแล้ว ครับ/ค่ะ” ทั้งสี่คนตอบรับอย่างว่าง่าย
อีกฝ่ายเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขายังไงพวกเขาก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนอยู่แล้ว อีกอย่างเรื่องแบบนี้ต่อให้เขาเอาไปเล่าให้ใครฟังก็คงยากที่จะมีคนเชื่อได้อยู่ดี
“แล้ว.. พวกเจ้าจะทำอะไรต่อ ?” เย่ซีที่ได้รับคำตอบจากทั้งสี่แล้วจึงกล่าวถามออกมา
“ก็คงรีบเดินทางกันเลยค่ะ คุณเย่ซีสะดวกเดินทางเลยไหมคะ ?” เหยาเซียงตอบกลับก่อนจะกล่าวถามด้วยความเกรงใจ
“ไม่มีปัญหา ไปกันเถอะ” เย่ซีตอบรับก่อนที่คนทั้งห้าจะเดินทางไปยังศูนย์กระจายข่าวที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยความรวดเร็ว
หลังจากใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วยาม คนทั้งกลุ่มก็มาถึงศูนย์กระจายข่าวจนได้ ซางเว่ยและหลี่กงเหมินรับหน้าที่ไปบอกเล่าเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ของศูนย์กระจายข่าวได้รับทราบ ส่วนทางเย่ซี อันหลาน เหยาเซียง รออยู่ในห้องรับรองแขกอย่างสบายอารมณ์
เมื่อทำการแจ้งข่าวเรื่องการกำจัดมอนสเตอร์รวมถึงขอยื่นสิทธิ์จุติพลังกรณีพิเศษให้เย่ซีแล้ว พวกเขาก็ฝากให้พนักงานในศูนย์กระจายข่าวหาคนไปขุดซากมอนสเตอร์ที่พวกเขาฝังเอาไว้ และทำลายซากที่ไม่ได้ใช้ทิ้งด้วย พอเสร็จทุกอย่างพวกเขาก็นั่งรถบัสของทางศูนย์กระจายข่าวเพื่อไปยังอาคารจุติพลังต่อ
“ข้างหน้าเป็นอาคารจุติพลังประจำเมืองเกาลู่ครับ ที่นี่เราจะได้จุติกัน” ซางเว่ยกล่าวออกมาให้เย่ซีได้รู้ ทำให้เย่ซีอดที่จะมองไปยังอาคารขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
เขาจะได้จุติพลังแล้ว! จะได้ออร่าสีอะไรกันนะ! จะว่าไปมันจะไปซ้อนทับกับพลังปราณหรือเปล่า ? มีแต่คำถามมากมายอยู่เต็มหัวของเขาไปหมด