ตอนที่ 10 เราต้องปกป้องตัวเรา
หลังเกาหลิงเฟิงกับสนมฮวาคุยกันแบบเปิดอก ก็แลกเปลี่ยนเพลงยุทธ์กัน จากนั้น เขาก็กลับไปวังของจักรพรรดินี มันเย็นแล้ว หลินว่านเอ๋อร์กำลังเตรียมอาหารเย็น รอคอยเกาหลิงเฟิง
“จักรพรรดินี!เจ้าอ่านเสร็จหมดแล้ว!!!”พอเห็นจดหมายเหตุที่เรียงอย่างเป็นระเบียบ ตั้งกองเหมือนภูเขา เกาหลิงเฟิงก็แปลกใจ
หลินว่านเอ๋อร์พูด“ฝ่าบาท จดหมายเหตุทั้งหมดล้วนเป็นการโจมตีพ่อของข้า”
เกาหลิงเฟิงพูดไม่ออก“จักรพรรดินี เจ้าคิดว่าเราควรรับมืออย่างไร?”
“ข้าน้อยมิกล้าพูด”
“พูดมาเถอะ”
จากนั้นหลินว่านเอ๋อร์ก็เงยหน้า“ข้าได้ยินพ่อของข้าบอกว่าตอนเราเจอกับข้อพิพาทเช่นนี้ จักรพรรดิจะมีสามกลยุทธ์ บน กลางและล่าง”
“โอ้?”
“กลยุทธ์บนคือระงับการตัดสิน”
เกาหลิงเฟิงถามอย่างสับสน“เหตุใดจึงเป็นกลยุทธ์บน?”
หลินว่านเอ๋อร์อธิบาย“ตอนราชเลขาใหญ่ถูกกล่าวหา มันหมายถึงข้อพิพาทที่รุนแรงในราชสำนัก ในฐานะจักรพรรดิ ต้องไม่รีบเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การระงับการตัดสินหมายถึงการเก็บจดหมายเหตุไว้โดยไม่ทำอะไร ไม่สนับสนุนหรือต่อต้าน”
“ด้วยท่าทีเช่นนี้ ราชเลขาใหญ่ที่มีอำนาจจะสามารถระงับความไม่สงบในฝ่ายตรวจการหลวงได้ แต่ถ้าฝ่ายตรวจการหลวงพบข้อบกพร่องของราชเลขา พวกเขาจะสามารถจู่โจมได้และกำจัดเขาได้ตามธรรมชาติ การระงับการตัดสินก็เหมือนกับการเข้าข้างผู้ชนะ”
เป็นแบบนี้เอง!เกาหลิงเฟิงไม่คิดเลยว่าหลินว่านเอ๋อร์จะเก่งขนาดนี้!นางสมกับชื่อเสียงของพ่อนางในฐานะขุนนางเจ้าเล่ห์!มีเพียงเขาที่จะเลี้ยงลูกสาวเช่นนี้ได้
ความคาดหวังของเกาหลิงเฟิงต่อนางยิ่งรุนแรง มาเลย!พ่อตาเฒ่า!ให้จิตวิญญาณของขุนนางทุจริตแผดเผา!แผดเผาโชคลาภบ้านเมืองมากกว่านี้!
พอเห็นว่าเกาหลิงเฟิงไม่ตอบสนอง นางก็พูดต่อ“กลยุทธ์กลางคือทุบตีแต่ละฝ่ายให้หนัก ซึ่งเป็นการบังคับข้อขัดแย้ง ผลประโยชน์คือแก้ปัญหาได้ชั่วคราว แต่ข้อเสียคือเหมือนการปิดฝาหม้อที่มีน้ำเดือด ซึ่งจะระเบิดรุนแรงในอนาคต”
เกาหลิงเฟิงส่ายหัวและถาม“แล้วกลยุทธ์ล่างละ?”
เงาแวบผ่านตาของหลินว่านเอ่อร์ขณะที่นางพูด“กลยุทธ์ล่างคือการเข้าข้าง สนับสนุนผู้ตรวจการที่ยื่นเรื่องเรียน นี่จะทำให้ราชเลขาใหญ่ยื่นลาออก”
เกาหลิงเฟิงพยักหน้า“ข้าเข้าใจ!งั้นใช้กลยุทธ์ล่าง!”
พอเห็นการตัดสินใจของเกาหลิงเฟิง หลินว่านเอ๋อร์ก็ก้มหัว นางรู้ความปรารถนาของพ่อนางดี เหนือสิ่งอื่นใด สุดท้ายพ่อนางก็ได้กลายเป็นราชเลขาใหญ่ แต่เจอกับการโจมตีของผู้ตรวจการหลวงทันที ถ้าโดนถอดจากตำแหน่ง เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเกษียณหรือถูกส่งไปยังแดนห่างไกล
แค่คิดก็ทำให้นางถอนหายใจ ไม่น่าแปลกที่พวกเขาบอกว่าราชวงศ์นั้นไร้หัวใจ!เหล่าจักรพรรดิคือสิ่งมีชีวิตเลือดเย็น
ในขณะเดียวกัน เกาหลิงเฟิงก็ครุ่นคิดเงียบๆ ไม่สิ กลยุทธ์บนกับกลางใช้ไม่ได้แน่!ข้าควรจะรับบทเป็นผู้ปกครองที่เลินเล่อ!ข้าจะทำลายโชคลาภบ้านเมืองได้ไง?ข้าไม่สามารถลดตำแหน่งพ่อตาได้!โดยปราศจากเขา ขุนนางทุจริต ข้าจะทำลายโชคลาภได้ไง?งั้นข้าต้องจัดการกับผู้ตรวจการเหล่านี้!
เกาหลิงเฟิงพูด“ว่านเอ๋อร์ ร่างประกาศิตให้ข้า!”
หลินว่านเอ่อร์หยิบพู่กัน อยากรู้เกี่ยวกับการตัดสินของเกาหลิงเฟิง“ผู้ตรวจการของฝ่ายตรวจสอบภายในโจมตีราชเลขาใหญ่อย่างไร้มูล รวมถึงผู้ตรวจการทั้งหมดที่ยื่นจดหมายเหตุ ทั้งหมดจะถูกหักเงินเดือนครึ่งหนึ่งเป็นเวลาหกเดือน!”
“ออกประกาศิตเพื่อตำหนิพวกเขา ให้ขันทีประกาศมันที่สำนักตรวจสอบภายใน!นอกจากนี้ เสนาบดีทั้งหมดที่ยื่นจดหมายเหตุกล่าวหาราชเลขาใหญ่จะโดนลงโทษแบบเดียวกัน!;
หลินว่านเอ๋อร์ตกตะลึง ตำหนิผู้ตรวจการ?นี่เป็นเรื่องไม่เคยมีมาก่อนในราชวงศ์!ผู้ตรวจการเป็นขุนนางหลวงที่สามารถรายงานกิจการของบ้านเมืองได้ตามข่าวลืออย่างอิสระ โดยไม่ต้องมีหลักฐาน นี่ทำให้ผู้ตรวจการ แม้จะเป็นขุนนางระดับต่ำถึงสามารถท้าทายอำนาจขุนนางชั้นสูงได้
เกาหลิงเฟิงกำลังลงโทษผู้ตรวจการ?นี่เท่ากับตบหน้าผู้ตรวจการหลวง!ทันใดนั้น ดวงตาของหลินว่านเอ่อร์ก็ลุกเป็นไฟ นี่เป็นวิธีสนับสนุนหลินเจี้ยนเฉิงของฝ่าบาท!
“ด้วยพระกรุณาอันล้นค้นนี้ ข้าต้องตอบแทน!”หลินว่านเอ๋อร์ลอบสาบาน ด้วยเรื่องของหลินเจี้ยนเฉิงที่คลี่คลาย จดหมายเหตุวันนี้ถูกจัดการเกือบหมดแล้ว ตามคาด หลินเป่ยฟานก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบอีกครั้ง[การตัดสินใจแบบลำเอียง โชคลาภ-1000!]
น่าเสียดายที่ไม่มีความสำเร็จใหม่เกิดขึ้น
เกาหลิงเฟิงจับมือหลินว่านเอ๋อร์“จักรพรรดินีของข้า เจ้าทำงานหนักมาทั้งวัน ไปผ่อนคลายกันเถอะ!”
เขาจูงมือพาหลินว่านเอ่อร์ไปโถงหลัก หลินว่านเอ๋อร์อุทานเบาๆแต่ไม่อาจหลุดจากการจับกุมของเกาหลิงเฟิงได้ ด้วยใบหน้าแดงก่ำ นางก้มหัว ปล่อยให้เกาหลิงเฟิงพานางเข้าไป
ในขณะเดียวกัน ในหอคอยหัวมุมด้านนอกราชสำนักชั้นใน นี่คือที่อยู่ของเหล่าองครักษ์ องครักษ์ของจักรพรรดิต่างก็เป็นบุตรชายของตระกูลมีชื่อในเมืองหลวง ถูกฝึกตั้งแต่เด็ก พวกเขาถูกห้ามไม่ให้เข้าฮาเร็มตอนกลางคืน
เฟิงอวี่คือผู้นำชั้นผู้น้อยท่ามกลางองครักษ์ เขาเป็นเบี้ยที่องค์ชายแปดวางไว้ท่ามกลางองครักษ์! เฟิงอวี่คือชายชุดดำที่แจ้งเหตุการณ์ล่าสุดในองค์ชายแปดทราบตลอด
ต่อมา เฟิงอวี่กับองครักษ์ก็สัมผัสได้ถึงระยะห่างของจักรพรรดิอย่างชัดเจน นับตั้งแต่ฝ่าบาทตกน้ำครั้งก่อน ก็มีโอกาสน้อยครั้งที่ต้องให้ทหารองครักษ์ติดตามพระองค์ เฟิงอวี่รู้สึกถึงวิกฤต โดยสงสัยว่าเขาถูกพบแล้วหรือเปล่า
แม้องค์ชายแปดจะสั่งให้เขาอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เฟิงอวี่ก็ไม่อาจสะบัดความไม่สบายใจออกไป เขารวบรวมคนของเขาเพื่อวางแผนในหอคอยหัวมุม
“สหาย ฝ่าบาทถูกคนทรยศหลอกและกำลังทิ้งระยะห่างจากเรา องครักษ์”เฟิงอวี่มองผู้ใต้บัญชา“เราต้องทำให้ฝ่าบาทตระหนักถึงความสำคัญขององครักษ์!”
ผู้ใต้บัญชาพยักหน้าเห็นด้วย โดยไม่ได้รับมอบหมายให้เฝ้าฝ่าบาท พวกเขาจึงไม่สามารถเข้าใกล้พระองค์ได้ สถานะขององครักษ์ในวังก็ลดลงเช่นกัน ขันทีบางคนถึงขั้นดูถูกพวกเขา
เฟิงอวี่เสนอ“เราสามารถสร้างเหตุการณ์บางอย่างเพื่อแสดงให้ฝ่าบาทเห็นถึงความสำคัญของราชองครักษ์!”
องครักษ์เหล่านี้เป็นบุตรของตระกูลมีชื่อในเมืองหลวงทั้งหมด พวกเขารู้กลยุทธ์ในการเลี้ยงคนร้ายเพื่อประคองอำนาจ พวกเขาหัวเราะกับความคิดนั้น ตราบเท่าที่พวกเขาก่อปัญหาเพื่อทำให้ฝ่าบาทรับรู้ถึงความสำคัญขององครักษ์ สถานะพวกเขาก็จะกลับคืน