ตอนที่ 39 ตัดสะพานชีวา
ตอนที่ 39 ตัดสะพานชีวา
"ตัดสะพานชีวา!"
มันเป็นความคิดที่หาญกล้าและบ้าระห่ำสุดขีด ไม่ใช่การทำลายแล้วหลอมใหม่ แต่เป็นการตัดสะพานชีวาเก่าทิ้ง!
"อาจารย์อี หากสามารถรักษาชีวิตและตันเถียนได้ก็จะสามารถตัดสะพานชีวาเก่าทิ้งไปเรื่อย ๆ จนหลอมเป็นสะพานชีวาที่แข็งแกร่งที่สุดได้หรือไม่!"
คำถามของเซียวเฉินทำให้ลูกศิษย์ทั้งห้องหันมามองเขา คนผู้นี้ยังไม่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตสะพานชีวา ความคิดช่างไร้เดียงสานัก!
สำหรับพวกเขาแล้ว การขัดเกลาสะพานชีวาเพื่อยกระดับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ดวงตาคู่งามของอีรั่วจ้องเซียวเฉินราวกับกำลังครุ่นคิด "ในทางทฤษฎีเป็นไปได้ แต่..."
"แต่ไม่มีใครรับรองได้ว่าชีวิตและตันเถียนจะปลอดภัยใช่ไหม" เซียวเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม
คนอื่นอาจไม่สามารถทำลายสะพานชีวาแล้วหลอมใหม่ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาไม่เหมือนกัน เขามีกระดูกเต๋าอมตะที่สามารถทำให้มันเป็นจริงได้!
"แม้พรสวรรค์ของเจ้าจะเหนือชั้น แต่ก็อย่าได้ลองทำโดยง่าย การก้าวเข้าสู่ขอบเขตสะพานชีวาอย่างมั่นคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเจ้า" อีรั่วรู้จักเซียวเฉินดีจึงเอ่ยเตือน
นางหวังให้ลูกศิษย์สามารถยกระดับสะพานชีวาแต่ไม่ใช่ด้วยวิธีนี้
"ขอบคุณสำหรับคำเตือนจากอาจารย์อี" เซียวเฉินไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น กระดูกเต๋าอมตะเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
เจ้าอ้วนที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเซียวเฉินกับอีรั่วพูดคุยกันก็หึงหวงในใจ จึงแอบสะกิดเซียวเฉิน "อย่ากวนอาจารย์อีสอน"
เซียวเฉินยิ้ม แต่ไม่ได้พูดและถามคำถามใด ๆ อีก
อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจว่าอีรั่วจะพูดอะไรต่อไปด้วยซ้ำ
เขาคิดทบทวนกระบวนการตัดสะพานชีวาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจ แม้ฟื้นฟูด้วยกระดูกเต๋าอมตะได้ แต่ก็อาจทำให้ร่างกายได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
"บทเรียนของอาจารย์อีช่างไพเราะ ข้าไม่อยากจากไปเลย"
เจ้าอ้วนยังคงเหม่อลอยหลังอีรั่วสอนจบ เซียวเฉินที่อยู่ข้าง ๆ กลับรีบวิ่งออกไปราวกับมีธุระสำคัญต้องทำ
"หมอนี่ไม่รู้จักชื่นชมเอาเสียเลย" เจ้าอ้วนรู้สึกเสียดายขณะยังจ้องอีรั่วที่ยังไม่กลับไป
"เขาอยากลองตัดสะพานชีวาหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เมื่อสะพานชีวาแตกสลาย มันก็จะเป็นช่วงเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุด"
ร่างในมุมห้องมองเซียวเฉินจากไป มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย็นชา
เซียวเฉินไม่รู้จักเขา แต่เขาไม่มีวันลืมเซียวเฉิน
หากเซียวเฉินต้องการลองตัดสะพานชีวาจริง ๆ เขาจะไม่ปล่อยโอกาสอันดีนี้ไปแน่!
เซียวเฉินไม่ได้กลับไปที่เรือนทันที แต่ไปที่สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต นั่นคือหอจดหมายเหตุนั้นเอง
บริเวณที่มีคนมากที่สุดในหอจดหมายเหตุคือบริเวณที่เก็บคัมภีร์เคล็ดวิชาและอาคม ทว่าเซียวเฉินเดินผ่านบริเวณนี้ไปยังบริเวณที่เก็บ ‘คัมภีร์เบ็ดเตล็ด’
แม้เรียกว่าคัมภีร์เบ็ดเตล็ด แต่ก็ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง มีทั้งประวัติศาสตร์ของแคว้นไพศาล เขตแดนต่าง ๆ และยังมีตำราดนตรีและหมากรุก รวมถึงคัมภีร์อื่น ๆ อีกด้วย
"เจอแล้ว!"
เซียวเฉินค้นตำราทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสะพานชีวาแล้วพลิกดูทีละเล่ม เพื่อเรียนรู้ว่าตั้งแต่อดีตมีสะพานชีวาที่แข็งแกร่งอะไรบ้าง
หลังเปิดอ่านตำราที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เซียวเฉินก็ไปที่หอโอสถของสำนัก ใช้เงินที่เหลือทั้งหมดซื้อสมุนไพรนำกลับไปปรุงยา
เซียวเฉินกลับไปที่ห้องหลังเตรียมการพร้อมสรรพ ก่อนเรียกใช้พลังสวรรค์อมตะ
ทะเลทุกข์สีทองแดงเดือดพล่าน เลือดของเซียวเฉินไหลเวียนอย่างรุนแรง เขาหลับตาลงและไม่กล้าเสียสมาธิแม้แต่น้อย
ตูม!
ปราณของเซียวเฉินพวยพุ่งอย่างบ้าคลั่ง เขาอยู่ในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นสมบูรณ์แล้ว เพียงก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ขอบเขตสะพานชีวา!
อักขระตัวแล้วตัวเล่าลอยออกมาจากกระดูกเต๋าอมตะ แขวนห้อยอยู่เหนือทะเลทุกข์ราวกับบทต้องห้ามของคัมภีร์โบราณศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนเร้นความลับแห่งฟ้าดินเอาไว้
ยามนี้เซียวเฉินยังไม่สามารถเข้าใจอักขระเหล่านี้แม้แต่ผิวเผิน
ปราณปริศนาลึกลับหลั่งไหลมาจากอักขระ ราวกับความปั่นป่วนแห่งมหาเต๋าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ผสมผสานกับพลังรากฐานแก่นแท้สีทองแดงของเซียวเฉิน ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเหนือทะเลทุกข์ราวกับกำลังหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทรงอานุภาพ!
กระบวนการนี้กินเวลายาวนานหลายชั่วโมง เสียงคำรามดังก้องอยู่ในร่างกายของเซียวเฉินไม่หยุด มันดังมากจนลูกศิษย์คนอื่น ๆ ในเรือนเหมยได้ยิน
ปราณรากฐานฟ้าดินจากทุกสารทิศไหลมารวมกันที่ห้องของเซียวเฉิน ขณะนี้เขาเสมือนกลายเป็นเตาหลอม หลอมปราณรากฐานฟ้าดินอย่างบ้าคลั่งเพื่อเติมเต็มร่างกายของตนเอง
กระทั่งย่ำรุ่งเสียงอึกทึกในร่างกายของเซียวเฉินจึงค่อย ๆ สงบลง
ณ ฟากหนึ่งของทะเลทุกข์ของเขามีเสาหินขนาดใหญ่ราวกับเท้าช้างตั้งตระหง่านอยู่ มันมีสีเงินสุกใส ส่องแสงเรืองรองระยิบระยับ เปล่งประกายราวกับเสาหินสวรรค์จากยุคโบราณ
ปราณของเซียวเฉินเปลี่ยนแปลงไปในขณะนี้ เขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตสะพานชีวาขั้นหนึ่ง!
"สะพานชีวาระดับลี้ลับ!" เซียวเฉินพึมพำ นี่เป็นสะพานชีวาที่ไม่เคยปรากฏในแคว้นไพศาลมาก่อน!
หากเขาไม่พลิกดูตำราโบราณมากมายคงไม่สามารถตัดสินได้ว่าตนเองอยู่ในระดับไหน!
"เหนือระดับลี้ลับ ยังมีระดับสวรรค์!"
เซียวเฉินไม่ได้รู้สึกยินดีกับการหลอมสะพานชีวาระดับลี้ลับนัก ผู้เก่งกาจมากมายในประวัติศาสตร์สามารถหลอมสะพานชีวาระดับลี้ลับได้เช่นกัน
เขาคาดว่าโจวหลิงเสวี่ยอาจไม่เพียงแค่หลอมสะพานชีวาระดับวิญญาณ
"กระดูกเต๋าอมตะ ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!"
เซียวเฉินคำรามเสียงต่ำ ชั่วพริบตาพลังรากฐานแก่นแท้ในร่างกายของเขาก็ตกอยู่ในสภาพรุนแรงโกลาหล ทะเลทุกข์ซัดถาโถม ก่อตัวเป็นพายุรุนแรงที่ฉีกทึ้งทุกสิ่งอย่าง!
โครม!
สะพานชีวาที่เขาเพิ่งหลอมเสร็จแตกสลายภายใต้แรงกระแทกของพลังรุนแรงนี้
เซียวเฉินกระอักเลือดสีแดงเข้มออกมาเป็นจำนวนมาก สีหน้าซีดเผือด อ่อนกำลังถึงขีดสุดไปทั้งร่าง
หากไม่ใช่เพราะอักขระของกระดูกเต๋าอมตะค้ำจุนทะเลทุกข์ไว้ ยามสะพานชีวาแตกสลาย ทะเลทุกข์ก็จะถูกทำลายเช่นกัน!
เซียวเฉินลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เตรียมแช่ตัวในน้ำสมุนไพร
กระดูกเต๋าอมตะสามารถปกป้องไม่ให้เขาตาย ทว่าพลังที่สูญเสียไปไม่อาจฟื้นฟูได้ในทันที
ชั่วในขณะนั้นร่างหนึ่งกลับกระโจนเข้ามาในเรือนของเซียวเฉิน
ประตูห้องพลันถูกผลักเปิด เซียวเฉินปรากฏตัวขึ้น แม้สีหน้าจะซีดเซียวแต่ยังประคองร่างกายตั้งตรงไว้ได้
"เป็นเจ้า!" เซียวเฉินจำได้ทันทีว่าคนตรงหน้าคือคนที่อยู่ในมุมห้องเรียนเมื่อวาน
"ข้าชื่อฉือเทียนอี้ เจ้าอาจไม่รู้จักข้า ข้ามาจากเมืองเมฆาอินทนิล" อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"เจ้าเป็นคนเมืองเมฆาอินทนิลนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะแค้นข้า" เซียวเฉินสีหน้าไม่สู้ดี คนผู้นี้ช่างเลือกเวลาได้เหมาะนัก!
“ปราณของเจ้าอยู่ระหว่างขอบเขตทะเลทุกข์และขอบเขตสะพานชีวา...”
เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณของเซียวเฉิน ดวงตาของฉือเทียนอี้ก็หดลงเล็กน้อย สภาพของเซียวเฉินในตอนนี้ช่างประหลาดนัก หรือว่าเขาเพิ่งจะตัดสะพานชีวาไป
เขาเคยคาดเดาเช่นนี้แต่ก็ยังไม่กล้าเชื่อว่าเซียวเฉินจะบ้าระห่ำขนาดนั้น
‘เขาทำลายสะพานชีวา แต่พลังบำเพ็ญของเขาไม่ได้ถูกทำลาย เขาต้องปกป้องทะเลทุกข์ไว้เพื่อหลอมสะพานชีวาใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!’
เดิมทีฉือเทียนอี้แค่ต้องการมาดูสถานการณ์ของเซียวเฉิน บัดนี้เขากลับรู้สึกว่าไม่สามารถรอต่อไปได้แล้ว
เขาต้องฉวยประโยชน์ในช่วงเวลาที่เซียวเฉินอ่อนแอที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้หลอมสะพานชีวาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำเร็จก็จะยิ่งเล่นงานได้ยาก!
"ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่จะล้างแค้นให้กับน้องชายของข้าแล้ว!"