ตอนที่ 38 เจ้าอ้วนไร้ยางอาย
ตอนที่ 38 เจ้าอ้วนไร้ยางอาย
"หรือเพราะวันนี้ข้าดูหล่อเป็นพิเศษ"
เซียวเฉินประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของทุกคน
แม้เขาจะหล่อแต่ก็ไม่น่าดึงดูดสายตาของศิษย์ชายมากมายขนาดนี้ไม่ใช่หรือ
สายตาเย็นชาเป็นพิเศษส่งมาจากมุมหนึ่ง
หากแต่เซียวเฉินไม่รู้จักคนผู้นั้น
"หอเรียนนี้สอนเฉพาะวิธีใช้สะพานชีวา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เฉพาะลูกศิษย์ในระดับสะพานชีวาขั้นต้นเท่านั้นที่จะเข้ามาได้" ศิษย์ใจดีคนหนึ่งเอ่ยเตือนขึ้น
"งั้นข้าก็มาไม่ผิด" เซียวเฉินเพิ่งรู้ตัวและนั่งลงพร้อมรอยยิ้ม
การเรียนรู้วิธีใช้สะพานชีวาอาจเป็นหนทางให้เขาเข้าใจการหลอมสะพานชีวาขั้นสูงสุด
ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตสะพานชีวา การมาที่หอเรียนแห่งนี้จึงทำให้ทุกคนแปลกใจไม่น้อย
"เจ้าก็มาเพราะอาจารย์อีรั่วเหมือนกันหรือ" ในเวลานี้ใบหน้ากลมยื่นเข้ามาและถามเซียวเฉินด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
เซียวเฉินมองเจ้าอ้วนกลมข้าง ๆ ด้วยความงุนงง "อาจารย์อีรั่วคือใครกัน"
"อะไรนะ เจ้าไม่รู้จักอาจารย์อีรั่วหรือ" อีกฝ่ายมองเซียวเฉินราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด "ถึงเจ้าจะเป็นศิษย์ใหม่ แต่หลังอยู่มาหลายวันแล้วเจ้าก็น่าจะได้ยินเรื่องอาจารย์ที่งดงามที่สุดในสำนักมาบ้าง เจ้าอาศัยอยู่ในเรือนใด ช่างไม่รู้จักอะไรเสียเลย!"
"เรือนเหมย" เซียวเฉินยิ้มเจื่อน หลังกลับมาจากพิธีสอบคัดเลือกเขาก็ปิดตัวฝึกฝนมาตลอด และรู้จักผู้คนในสำนักเพียงไม่กี่คน
"เจ้าชื่อเซียวเฉินใช่ไหม" ดวงตาของเจ้าอ้วนเป็นประกาย คนผู้นี้คือบุคคลสำคัญในสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
เซียวเฉินพยักหน้ารับเบา ๆ
"ข้าอิจฉาเจ้านัก!" เจ้าอ้วนตบไหล่เซียวเฉิน "แม้ข้าจะเป็นอัจฉริยะแต่ก็ขาดโอกาสแสดงความสามารถ หากข้าสามารถโดดเด่นในพิธีสอบคัดเลือกได้เช่นเดียวกับเจ้า ยามนี้คงมีน้องสาวมากมายปลาบปลื้มข้า"
เซียวเฉินหน้านิ่ว เจ้าอ้วนนี้คิดอะไรในหัว เอาแต่กล่าวถึงเรื่องสาวงาม
"ใช่แล้ว ลืมบอกเจ้าไป ข้าชื่อผานตุน" เจ้าอ้วนแนะนำตัว
"พ่างตุนหรือ*" เซียวเฉินเผยสีหน้าพิกล
*พ่าง แปลว่าอ้วนในภาษาจีน
"เจ้ามาจากที่ใดกัน พูดสำเนียงแปลก ๆ ข้าหล่อขนาดนี้ จะชื่อว่าพ่างตุนได้อย่างไร พ่อข้าบอกข้าตั้งแต่เด็กว่าข้าเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้!"
เจ้าอ้วนยังคงโอ้อวดกับเซียวเฉิน เวลานี้ร่างงดงามเกลี้ยงเกลาเดินเข้ามาในหอเรียน ดึงดูดสายตาของเจ้าอ้วนไว้โดยพลัน ทำเอาเจ้าตัวมองไม่ละสายตา
คนผู้นี้คืออาจารย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต ‘อีรั่ว’
เซียวเฉินเห็นว่าเจ้าอ้วนสงบลงในท้ายที่สุด สายตาของเขาหันไปยังที่นั่งอาจารย์
อีรั่วสวมกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อน งามสง่า รอยยิ้มบางบนใบหน้านางชวนให้รู้สึกเป็นกันเองมาก
ไม่ใช่แค่เจ้าอ้วนแต่ดวงตาของศิษย์หลายคนในหอเรียนก็พากันระยิบระยับ เพียงแต่เจ้าอ้วนแสดงออกชัดเจนที่สุด ดวงตาของเขาเปล่งประกายเป็นสีเขียว
"คารวะอาจารย์อี!" ศิษย์ทุกคนลุกขึ้นแสดงความเคารพ นี่คือกฎของสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต
อีรั่วมองไปทั่วหอเรียนแล้วเห็นคนแปลกหน้าอย่างเซียวเฉิน สายตาของนางก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็เพียงชั่วครู่ก็หันไปทางอื่น
"สวัสดีศิษย์ทุกคน นั่งลงได้แล้ว" น้ำเสียงอีรั่วอ่อนหวานนุ่มนวล
"เทียบกับอาจารย์คนอื่นแล้ว อาจารย์อีรั่วไม่เพียงแต่สวยและใจดีเท่านั้น แต่ยังไม่เคร่งครัดในพิธีการใด ๆ ด้วย ราวกับศิษย์พี่หญิงของเรา" เจ้าอ้วนกระซิบข้างหูเซียวเฉิน
“ผานตุน” อีรั่วเรียกชื่อเจ้าอ้วนคล้ายจะเรียกสติเจ้าอ้วนที่ใจลอย
"ขอรับ!" เจ้าอ้วนลุกพรวดขึ้นขณะขานรับอย่างเชื่อฟัง
“เจ้าเข้าเรียนเมื่อวาน จำที่ข้าสอนได้หรือไม่” อีรั่วถามพลางยกยิ้ม
ผานตุนพยักหน้ารับ “ข้าจดจำทุกถ้อยคำของอาจารย์ได้”
"เช่นนั้นก็ตอบมา อย่าพูดไร้สาระ" นางยังคงยิ้มอยู่ ทว่าคำพูดที่กล่าวออกมานั้นทำให้เซียวเฉินอยากหัวเราะ
"ขอรับ" เจ้าอ้วนไม่กล้าพูดจาเหลวไหลอีกต่อไป "อาจารย์อีกล่าวว่าสะพานชีวานั้นแม้มันจะข้ามทะเลทุกข์ แต่ก็ไม่ใช่เป็นแค่สะพานเท่านั้น"
"แล้วอย่างไรต่อ" อีรั่วถามต่อไป
เจ้าอ้วนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ "สะพานชีวาของผู้บำเพ็ญแต่ละคนมีรูปร่างและระดับแตกต่างกัน ผู้บำเพ็ญที่เก่งกาจสามารถหลอมสะพานชีวาให้เป็นดาบ หอก หรือแม้แต่สัตว์ร้ายได้ สิ่งนี้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเคล็ดวิชาและสายเลือดที่พวกเขาฝึกฝน"
ดวงตาของเซียวเฉินเป็นประกาย สะพานชีวาไม่ได้จำกัดอยู่แค่รูปร่างของสะพาน
แล้วสะพานชีวาของเขาจะเป็นอย่างไร
"ดูเหมือนจะตั้งใจฟังดีนี่" คำชมของอีรั่วทำให้เจ้าอ้วนมีความสุขมาก เขาตั้งท่าอยากพูดบางอย่าง ทว่าอีรั่วกลับโบกมือให้เขานั่งลง
"พวกเจ้าทั้งหลายล้วนเป็นผู้บำเพ็ญที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตสะพานชีวา และสูงสุดก็ไม่เกินขอบเขตสะพานชีวาขั้นสาม แต่เมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ขั้นเก้า นั่นหมายความว่าการหลอมสะพานชีวานั้นสมบูรณ์แล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าจะสามารถเรียกสะพานชีวาในร่างกายออกมาต่อสู้ได้ มันจะกลายเป็นอาวุธของเจ้า"
"แน่นอนว่าจงใช้แค่ในคราวจำเป็นจริง ๆ อย่าใช้สะพานชีวาพร่ำเพรื่อ เพราะหากมันได้รับความเสียหายจะส่งผลเสียต่อรากฐานของเจ้า และสะพานชีวาธรรมดาก็ไม่มีพลังยุทธ์มากมายนัก"
“แต่หากเป็นสะพานชีวาพิเศษจะต่างออกไปมาก เช่นสะพานชีวาดาบที่เทียบเท่าได้กับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ที่ผ่านมามีผู้แข็งแกร่งน้อยนักที่จะเพียรฝึกฝนจนสะพานชีวากลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบเท่ากับกับอาวุธชั้นดีที่หลอมโดยปรมาจารย์”
น้ำเสียงอีรั่วราบเรียบแต่ก็ไพเราะมาก ทุกคนในหอเรียนต่างคิดตามนาง
"สะพานชีวาพิเศษหรือ สะพานชีวามีระดับเฉพาะเจาะจงหรือไม่" เซียวเฉินถาม ทะเลทุกข์ของเขาเป็นสีทองแดง ดังนั้นแม้เขาไม่ใช้พลังสวรรค์อมตะก็ยังสามารถบดขยี้ผู้บำเพ็ญทะเลทุกข์คนอื่นได้โดยง่าย
"มี" อีรั่วจ้องพินิจเซียวเฉิน "สะพานชีวาธรรมดามีสีเดียวกับทะเลทุกข์ เป็นสีขาวบริสุทธ์ รู้จักกันว่าเป็นระดับสามัญส่วนสะพานชีวาที่เป็นสีกระจ่างใสนั้นเรียกว่าระดับวิญญาณ เหนือกว่านั้นไปจะเป็นระดับลี้ลับและระดับสวรรค์ แต่ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน ในแคว้นไพศาลของเราระดับวิญญาณถือว่าสูงที่สุดแล้ว"
‘ระดับสวรรค์คือระดับสูงสุดหรือ’ เซียวเฉินคิดในใจ
"ระดับสะพานชีวายิ่งสูงก็ยิ่งก้าวหน้าในเส้นทางการบำเพ็ญ" อีรั่วยังสอนต่อไป ทว่าเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นจากมุมห้อง "อาจารย์อี เราทุกคนมีสะพานชีวาระดับสามัญ เช่นนั้นเส้นทางการบำเพ็ญของเราจะไม่ถูกจำกัดไว้แล้วหรอกหรือ"
"ไม่เป็นเช่นนั้นแน่!"
อีรั่วส่ายหัว "นี่คือเนื้อหาที่ข้าจะสอนในวันนี้ ระดับสะพานชีวาไม่ใช่สิ่งที่คงที่ ตราบใดที่ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง สะพานชีวาก็สามารถขัดเกลาได้ หากเพียรพยายามและมุ่งมั่นพอ เจ้าก็จะสามารถขัดเกลาสะพานชีวาระดับสามัญให้เป็นระดับวิญญาณได้!"
"ตามประวัติศาสตร์ของสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต มีอัจฉริยะบุคคลที่ทำลายสะพานชีวาของตนเองในขั้นเก้าเพื่อสร้างสะพานชีวาระดับสูงขึ้น แน่นอนว่าวิธีนี้ไม่ควรทำ เขามีสิ่งของที่ช่วยรักษาชีวิตเอาไว้จึงไม่ตาย และยังมีผู้แข็งแกร่งระดับสูงที่คอยปกป้องทะเลทุกข์ของเขา มิฉะนั้นสะพานชีวาจะแตกสลาย พลังบำเพ็ญจะสูญสิ้น ไม่ต้องกล่าวถึงการหลอมสะพานชีวาใหม่เลย"
‘สะพานชีวาสามารถสร้างใหม่ได้!’ เซียวเฉินใจเต้นแรง ความคิดหาญกล้าและบ้าระห่ำกำลังก่อตัวขึ้นในใจของเขา!