MDB ตอนที่ 448 หมดแรง
บางครั้งโชคดีและโชคร้าย ถึงพวกมันจะดูแตกต่าง แต่ในบางครั้งพวกมันก็ดูคล้ายคลึงกัน
สำหรับราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการเกิดใหม่ของฟีนิกซ์คือ การทำให้สายธารวิญญาณแห่งอัคคีและปฐพีแห้งเหือดไปอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะไม่ใช่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับแหล่งไฟที่แปลกใหม่ก็ตาม
เนื่องจากเปลวไฟมรกตเป็นเปลวไฟที่แปลกใหม่ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า มันจึงยังมีเศษเสี้ยวเหลืออยู่ หากนี่เป็นแหล่งไฟแปลกใหม่ประเภทอื่น มันคงไม่มีอะไรหลงเหลือหลังจากฟีนิกซ์บรรลุนิพพาน
อย่างไรก็ตาม หลินจินรู้ว่านี่คือจุดสิ้นสุดของเปลวไฟมรกต
นี่เป็นเพราะว่านอกเหนือจากการเกิดใหม่ของฟีนิกซ์แล้ว ยังมีเสี่ยวฮั่วอีกด้วย
เสี่ยวฮั่วพยายามเพื่อการวิวัฒนาการเท่านั้น ไม่ใช่บรรลุนิพพาน ดังนั้นปริมาณแหล่งไฟแปลกใหม่ที่เขาต้องการจึงไม่ได้มากเมื่อเทียบกับฟีนิกซ์
แต่หลังจากที่เจ้าหมาป่าวิวัฒนาการ มันก็มีแนวโน้มว่าแหล่งไฟที่แปลกใหม่ทั้งหมดจะหายไป
แม้ว่าจะน่าเสียดาย แต่แหล่งไฟที่แปลกใหม่นี้สามารถเลื่อนระดับกิ้งก่าไฟ ฟื้นคืนชีพฟีนิกซ์ที่ตายแล้ว และช่วยให้เสี่ยวฮั่วบรรลุวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบ
ได้เท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
ทางด้านเสี่ยวฮั่ว มันกำลังอยู่ท่ามกลางแหล่งไฟที่แปลกใหม่ มันพบว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าอึดอัด ด้วยแหล่งไฟที่แปลกใหม่และเข็มเพลิงอัสนีที่ช่วยมัน มันจึงสามารถเสริมพลังกายาแห่งธรรมของมันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น หลังจากดูดซับเปลวเพลิงมรกตแล้ว เสี่ยวฮั่วก็บรรลุวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบของมัน
จากระดับสี่กลายเป็นระดับห้า
หลินจินรอมานานมากสำหรับช่วงเวลานี้ และอีกครั้งที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามขีดจำกัดของเสี่ยวฮั่ว
ในฐานะหมาป่าอัคคีทั่ว ๆ ไป บางทีอาจจะไม่มีใครในเผ่าพันธุ์ของมันที่ไปถึงระดับห้าเลย
เสี่ยวฮั่วจึงเป็นหมาป่าอัคคีตัวแรกที่ทำลายขีดจำกัดพวกนั้นทิ้งไป
จริงตามที่เขาคาดไว้ ทันทีหลังจากที่เสี่ยวฮั่ววิวัฒนาการ แหล่วไฟที่แปลกใหม่ด้านล่างก็ดับลงอย่างสมบูรณ์ และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่แหล่งไฟที่แปลกใหม่ที่หายไปเท่านั้น สายธารวิญญาณแห่งอัคคีและปฐพีของเมืองเมเปิ้ลก็หายไปด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนบ่อน้ำที่แห้งแล้ว หินหนืดเริ่มแข็งตัวเป็นหินออบซิเดียน และอุณหภูมิของถ้ำก็ค่อย ๆ ลดลง
หลินจินโบกมือของเขาและเสี่ยวฮั่วก็กระโดดขึ้นไปหาเขาโดยสัญชาตญาณ รูปร่างหน้าตาของเจ้าหมาป่าตอนนี้แตกต่างไปเล็กน้อย
รูปลักษณ์ของมันดูเหมือนถูกสร้างขึ้นจากการผสมผสานระหว่างน้ำแข็งและไฟอย่างสมบูรณ์ แถมมันยังดูแข็งแกร่งมากขึ้นราวกับว่าเขาได้รับ 'ร่างกาย' ใหม่มา อย่างไรก็ตาม หลินจินรู้ว่ามันไม่ใช่เนื้อและเลือดที่แท้จริง
มันเป็นลักษณะเฉพาะของเปลวไฟฟีนิกซ์
และสิ่งนี้ทำให้หลินจินตกใจ
‘เหตุใดเสี่ยวฮั่วจึงแสดงลักษณะของเปลวไฟฟีนิกซ์ขึ้นมาได้?’
ท้ายที่สุดแล้ว ไฟฟีนิกซ์ก็เป็นแหล่งไฟที่แปลกใหม่อีกประเภทหนึ่ง หลินจินจึงเอื้อมมือไปหาเสี่ยวฮั่ว และหลังจากการประเมินเสร็จสิ้น สีหน้าตกใจของเขาก็ค่อย ๆ กลายเป็นความยินดี
'ก่อนหน้านี้ เสี่ยวฮั่วอยู่ข้าง ๆ นกฟีนิกซ์ในระหว่างการเกิดใหม่ มันจึงสามารถจับเปลวไฟของนกฟีนิกซ์ได้บางส่วนเมื่อมันกำลังวิวัฒนาการ!'
นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก
ไม่ มันยิ่งกว่าดีซะอีก!
โอกาสในการผสมกับแหล่งไฟที่แปลกใหม่นั้นมีน้อยมาก และตอนนี้ที่เสี่ยวฮั่วมีเปลวไฟฟีนิกซ์ มันก็จะแสดงลักษณะพิเศษบางอย่างที่ครอบครองโดยฟีนิกซ์ด้วย
หลินจินจะต้องค้นคว้าเรื่องนี้อย่างละเอียดในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม คุณลักษณะหนึ่งของเปลวไฟฟีนิกซ์ตอนนี้ปรากฏให้เห็นบนร่างกายของเสี่ยวหั่ว สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวฮั่วแข็งแกร่งขึ้นมาก เมื่อเทียบกับกายาแห่งธรรมของมัน
ด้วยระดับห้า ความแข็งแกร่งของเสี่ยวฮั่วก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าเช่นกัน หลินจินจะตรวจสอบเพิ่มเติมในภายหลัง เขายกแขนขึ้นเพื่อกวักมือเรียกเจ้าหมาป่า จากนั้น เสี่ยวฮั่วก็รวมกลับเข้าไปในแขนของหลินจิน เขาก็รู้สึกถึงพลังที่ล้นเหลืออยู่ภายในร่างกายของเขา
"ไปกันเถอะ!"
หินหนืดด้านล่างเย็นตัวลงอย่างช้า ๆ แม้ว่าพวกมันจะยังคงร้อนแรงอยู่ แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนักในการดับลงอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากทั้งสายธารวิญญาณแห่งอัคคีและปฐพี และแหล่งไฟที่แปลกใหม่ได้หมดสิ้นแล้ว
ภายในถ้ำ เฒ่าโม่ดูสบายดี แต่แม่มังกรรู้สึกแย่จากคลื่นความร้อนจากก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะออร่าสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งของเธอ เธอคงหมดสติไปตั้งนานแล้ว
“ไปคุยกันข้างนอกดีกว่า!” หลินจนเหลือบมองพวกเขาก่อนจะเดินไปข้างหน้า
ชางเอ๋อร์คอยพยุงหลินจินตลอดทาง
ตามมาข้างหลังพวกเขาคือจ้าวจิงหยาน ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี และความมั่นใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากผู้บัญชาการผู้ยิ่งใหญ่ของตำหนักฟีนิกซ์ได้เกิดใหม่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงของเธอ
เธอจะกลับไปยึดสิ่งที่เป็นของเธอโดยชอบธรรมคืน เธอจะเผชิญหน้าและซักถามผู้ทรยศของเธอทั้งหมดด้วยเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของพวกเขา
ด้านหลังของจ้าวจิงหยาน คือผู้อาวุโสโม่พร้อมด้วยกิ้งก่าไฟของเขา
ส่วนผู้ที่รั้งท้ายเป็นสองแม่ลูกมังกรหยก
ทางด้าน เฒ่าโม่ เขามีท่าทีลังเล เนื่องจากเขาไม่รู้จักการแปลงร่าง เขาจึงไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองในที่สาธารณะ จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนจำเขาได้?
ตัวเขาไม่ได้อ่อนแอ แต่ถ้าเขาเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถรับมือกับพวกเขาได้เช่นกัน
แม่มังกรสังเกตท่าทีอันน่าหนักใจของเฒ่าโม่ ดังนั้นเธอจึงลูบเขา ด้วยท่าทางปลอบโยน ทั้งสองคนพูดคุยมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นเธอจึงทราบสถานการณ์คร่าว ๆ ของอาณาจักรมังกรหยก และทำไมลูกชายของเธอจึงตัดสินใจเสี่ยงภัยนอกถ้ำของพวกเขา
เขาต้องการมาอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ประเมินหลิน และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากเขา
แม่มังกรมีวิธีการบ่มเพาะของเธอเองเช่นกัน แต่มันก็ไม่เหมาะกับเฒ่าโม่ เนื่องจากพวกเขามีคุณสมบัติธาตุที่แตกต่างกัน วิธีการฝึกฝนของแม่มังกรนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับคุณสมบัติธาตุน้ำแข็ง หากเฒ่าโม่ได้ฝึกฝนมัน ไม่เพียงแต่จะไม่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นอันตรายต่อเขาอีกด้วย
แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะมันได้ แต่สิ่งที่เขาได้รับก็เทียบไม่ได้กับการมีผู้ประเมินหลินเป็นที่ปรึกษาของเขา
แม่มังกรมีสายตาที่ดี เธอสามารถบอกได้ว่าหลินจินเป็นคนที่มีความสามารถ หากเธอสามารถเปิดโอกาสให้ลูกชายของเธอเรียนรู้ภายใต้การดูแลของเขา เธอก็อาจจะตายอย่างสงบเมื่อถึงเวลา
ในเรื่องของการแก้แค้น แม่มังกรไม่อยากคิดเรื่องนี้อีกต่อไป เธอไม่ต้องการถูกครอบงำจากปีศาจ เนื่องจากไม่มีความขุ่นเคืองอีกต่อไป ความหวังเดียวของเธอตอนนี้คือให้ลูกชายของเธอมีชีวิตที่ดี
ด้วยความแค้นที่เธอต้องการแก้แค้นให้กับลูกชายของเธอ เธอจึงเสียเวลาไปสองร้อยปี ลูกชายที่เหลือของเธอจึงไม่ได้รับคำแนะนำในทางที่ควร เขาจึงพลาดช่วงปีที่ดีที่สุดในการพัฒนาตัวเอง บางทีการติดตามผู้ประเมินหลินอาจเป็นความหวังเดียวของเขาในตอนนี้
หลังจากออกจากถ้ำแล้วพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าบนนี้มีชีวิตชีวามากแค่ไหน ยอดฝีมือของเมืองเมเปิ้ลทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ และท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝูงนกขนาดใหญ่ เมื่อเห็นจ้าวจิงหยาน ฝูงนกก็ร้องพร้อมกันเพื่อแสดงความเคารพ
“ฟีนิกซ์เป็นราชาแห่งนก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ออร่าของฟีนิกซ์จะดึงดูดนกจากทั่วทุกหนทุกแห่ง”
หลินจินไม่ได้พบว่ามันผิดปกติ แต่มีนกดุร้ายจำนวนหนึ่งอยู่ในฝูง หากปล่อยให้พวกมันอยู่ที่เมืองเมเปิ้ล เขาเกรงว่าชาวเมืองจะอยู่อย่างลำบาก
“ไปได้แล้ว!” หลินจินปลดปล่อยทักษะกำราบสัตว์วิเศษของเขา ราวกับว่าสายฟ้าไร้เสียงฟาดลงมาจากด้านบน ฝูงนกก็กระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง
ทุกคนพบว่าความสามารถนี้มีความพิเศษ แต่พวกเขาตระหนักดีอยู่แล้วว่าหลินจินนั้นมีเก่งกาจมากเพียงใด ดังนั้นบางสิ่งที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้จึงไม่ทำให้พวกเขาประหลาดใจ
บางคนสังเกตเห็นผู้อาวุโสโม่โผล่ออกมาจากถ้ำพร้อมกับหลินจิน แต่พวกเขาไม่ได้เข้าใกล้เขาเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขากลัวว่าถ้าพวกเขาจู้จี้จุกจิกมากเกินไป พวกเขาจะเสี่ยงต่อการทำให้หลินจินรำคาญใจ
แม้แต่บุคคลระดับสูงเช่น ไป่เจิ้นคงกับเย่หยู่โจวก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินจิน ด้วยเหตุนี้ ตรงบริเวณทางเข้าถ้ำจึงเงียบสนิท
หลินจินมองไปรอบ ๆ และตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงโค้งคำนับทักทายพวกเขาทั้งหมด
“ข้าเข้าใจว่าความปั่นป่วนที่ข้าก่อขึ้นมานั้นอาจทำให้พวกท่านตื่นตกใจ ข้าขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น”
ฝูงชนทำความเคารพตอบกลับทันที
“ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ขอเชิญกลับไปพักผ่อนหรือกลับไปจัดแจงธุระหน้าที่ของพวกท่านต่อ”
เห็นได้ชัดว่าหลินจินไม่มีความตั้งใจที่จะอธิบายเหตุการณ์นี้ พวกเขาจึงทำได้เพียงเดินจากไปอย่างช่วยไม่ได้ และได้แต่หวังว่าพวกเขาอดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นอันแสนทรมานของพวกเขาได้สำเร็จ