ตอนที่ 34 โจรกระจอก
ตอนที่ 34 โจรกระจอก
“ที่ที่ต้วนคุนพูดถึงน่าจะเป็นที่นี่สินะ” ขณะเวลานี้ จี้เตี๋ยกำลังหยุดยืนอยู่ตรงหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง ขณะมองไปยังประตูหินที่ถูกปิดเอาไว้แน่น
เขาไม่ทราบว่าด้านในมีคนอยู่หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ได้เร่งร้อนเข้าไป แต่เลือกที่จะตะโกนเรียกจากภายนอกถ้ำอยู่สองถึงสามครั้ง
แม้กระนั้นก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าภายในมีคนอยู่หรือไม่ เพราะแม้ตะโกนไปสามรอบก็ยังไม่มีการตอบสนอง
และเพราะที่นี่อยู่ไกลห่าง ใกล้เคียงแทบไม่มีศิษย์คนอื่น ดังนั้นเสียงตะโกนของเขาจึงก้องไปค่อนข้างจะทั่วบริเวณ
“ไม่อยู่สินะ…” จี้เตี๋ยขมวดคิ้ว สุดท้ายจึงนั่งขัดสมาธิลงข้างประตูหิน เขาเตรียมปักหลักรอคอยอยู่ที่นี่จนกว่าอีกฝ่ายจะกลับมา
แต่แม้ผ่านไปแล้วกว่าหนึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัว
จี้เตี๋ยไม่รีบร้อน ปัจจุบันยังคงรอคอยอย่างเงียบสงบ จนกระทั่งผ่านไปไม่นาน ศิษย์คนหนึ่งจึงปรากฏตัวให้เห็นที่สุดสายตา
“เจ้าเป็นใครและมาทำอะไรที่หน้าถ้ำของข้า?” อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปี สวมใส่ชุดเครื่องแบบศิษย์ สภาวะพลังที่ปลดปล่อยออกมาคือกลั่นลมปราณขั้นที่ห้า ยามนี้พบเห็นจี้เตี๋ยนั่งรอที่หน้าถ้ำของตนเอง สายตาจึงมองมาด้วยความระแวดระวัง
“หวังซื่อสินะ” จี้เตี๋ยลุกขึ้นยืนขณะปัดฝุ่นจากก้นของตนเอง
“ต้องการอะไรจากข้า?” หวังซื่อยังไม่ลดท่าทีความระแวดระวัง
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่ได้ยินว่าท่านมีหญ้าจักรพรรดิหยก ข้าจึงอยากสอบถามว่าพอจะขายมันให้แก่ข้าได้หรือไม่” จี้เตี๋ยแสดงรอยยิ้มพร้อมบ่งบอกว่าไม่มีพิษภัย
“หญ้าจักรพรรดิหยก?!” ได้ยินว่าอีกฝ่ายมาเพราะหญ้าจักรพรรดิหยก หวังซื่อจึงเผยท่าทีผ่อนคลาย สุดท้ายจึงสำรวจมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะแค่นเสียงเย็นเยือกขึ้นจมูก “เจ้ามาเพราะเรื่องนี้นี่เอง แต่ต้องขออภัยด้วย ปัจจุบันข้ายังไม่มีความคิดขายหญ้าจักรพรรดิหยก”
“ไม่ขายงั้นหรือ?” จี้เตี๋ยขมวดคิ้ว ภายในเกิดความรู้สึกทั้งยินดีและยินร้าย ที่ยินดีคือเดินทางมาไม่สูญเปล่า เพราะอีกฝ่ายมีหญ้าจักรพรรดิหยกจริง
ส่วนที่ยินร้ายคืออีกฝ่ายไม่มีความคิดขาย
“พี่หวังประสงค์เก็บหญ้าจักรพรรดิหยกเพื่อปรุงยาย้อนฝันงั้นหรือ?” จี้เตี๋ยยังไม่คิดยอมแพ้ เขาถูไม้ถูมือแสดงท่าทีประจบประแจงขณะเข้าไปใกล้อีกฝ่าย
“ทำเอาข้านึกสงสัย ว่าพี่หวังมีสมุนไพรวิญญาณที่สะสมไว้สำหรับยาย้อนฝันเท่าใด? หากว่าไม่มาก ไฉนไม่ขายให้แก่ข้าก่อนเล่า? อย่างไรช่วงระยะเวลาอันสั้นท่านก็คงรวบรวมมาได้ไม่มาก จะปล่อยมันเอาไว้อย่างนั้นก็ไม่ดีจริงไหม?”
“ไม่ใช่เรื่องให้เจ้ามากังวลแทนข้า! บอกตามตรงก็แล้วกัน ข้าหาผู้ซื้อหญ้าจักรพรรดิหยกได้แล้ว และทำข้อตกลงเรียบร้อยแล้วด้วย วันนี้คือวันนัดรับของ”
ท่าทีของหวังซื่อโอนอ่อนลงระดับหนึ่ง กระทั่งมองตอบอย่างจริงจัง “เพราะงั้นเจ้าควรปล่อยวางเสีย”
ขณะพูดกล่าว เขาก็เปิดประตูถ้ำหินและเดินเข้าไปด้านใน แต่ขณะกำลังจะปิดนั้นเอง จี้เตี๋ยกลับแทรกตัวตามเข้าไป
“เจ้าคิดทำอะไร?” หวังซื่อเผยท่าทีระแวดระวังอีกครั้ง
“พี่หวังอย่าเพิ่งใจร้อนสิขอรับ” จี้เตี๋ยยังไม่คิดยอมแพ้ เขายังคงพยายามฉีกยิ้ม “ขอข้าสอบถามเพิ่มเติม ท่านขายไปด้วยราคากี่ศิลาวิญญาณหรือขอรับ”
“ไม่ได้แลกด้วยศิลาวิญญาณ อีกฝ่ายรับปากว่าจะมอบยาเสริมวิญญาณให้แก่ข้าสามขวด” หวังซื่อแค่นเสียงตอบ
“ยาเสริมวิญญาณ?” จี้เตี๋ยลอบขมวดคิ้ว เพราะเขาเคยได้เห็นคำบ่งชี้ถึงยาดังกล่าวในบันทึกนักปรุงยา
แม้ว่าจะเป็นยาขั้นกลางระดับหนึ่ง แต่มันก็มีสรรพคุณช่วยเสริมพลังจิตวิญญาณให้มากขึ้น กล่าวคือมันมีประโยชน์กับนักปรุงยา
“พี่หวัง ยาเสริมวิญญาณมีอะไรดีหรือขอรับ?” จี้เตี๋ยพยายามถูไม้ถูมือ
“เจ้ามียาที่ดีกว่าหรือไร?” หวังซื่อเปรยสายตามองมา
“มี!”
“เป็นยาอะไรล่ะ”
“ยาย้อนฝัน!”
ยามได้ยินคำว่ายาย้อนฝัน หวังซื่อเผยท่าทีลังเลและตื่นเต้นออกมาให้พบเห็น
“เจ้ามียาย้อนฝันจริงหรือ?”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ขอรับ”
ก่อนจะทันอ้าปากไล่อีกฝ่าย จี้เตี๋ยกลับเร่งร้อนพูดเสริม “เพียงแต่ข้าขาดสมุนไพรวิญญาณอีกเพียงแค่สองอย่าง เมื่อรวมกันแล้วจะมีวัตถุดิบปรุงยาย้อนฝันครบถ้วน เมื่อใดปรุงยาได้แล้ว ข้ารับประกันว่าจะมอบยาย้อนฝันให้แก่ท่าน!”
“พี่หวังคิดเห็นเช่นไรขอรับ?” จี้เตี๋ยมองอีกฝ่ายด้วยความคาดหวัง และก่อนหวังซื่อจะทันได้ตอบ เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นจากภายนอกถ้ำ
“รับชมว่าใครกันที่ไร้ยางอายคิดแย่งชิงของของข้า… ไม่ทราบหรือว่าเรื่องนี้มันเสียมารยาทเช่นไร…”
ยามรับฟังเสียงเจื้อยแจ้วเจือปนความดุร้าย จี้เตี๋ยหันไปมองนอกถ้ำด้วยความประหม่า และที่เขาได้เห็นคือใบหน้ารูปไข่ของสตรีผู้หนึ่ง
อีกฝ่ายคือเด็กสาวร่างเล็กดวงตากลมโตกระจ่าง ทั้งยังเปี่ยมล้นด้วยจิตวิญญาณ นางกำลังมองพวกเขาทั้งสองพลางเชิดคางขึ้น
“คารวะศิษย์พี่ซูลั่วขอรับ” หวังซื่อที่ยืนอยู่ข้างกันเร่งร้อนประสานหมัดกับฝ่ามือ จี้เตี๋ยที่ได้ยินถึงกับต้องประหลาดใจ
เรื่องราวเกินคาดคิด ว่าบุคคลตรงหน้าจะเป็นศิษย์พี่หญิงซูลั่วที่โด่งดัง…
“หวังซื่อ เจ้ากำลังทำการค้าผิดข้อตกลง เจ้ารับปากเรื่องหญ้าจักรพรรดิหยกแก่ข้าแล้ว ตอนนี้คิดขายให้คนอื่นงั้นหรือ” ซูลั่วเปรยสายตามองมาด้วยคิ้วขมวด
“ศิษย์พี่หญิงซูลั่ว ข้าปฏิเสธไปชัดเจนแล้วขอรับ เพียงแต่เจ้าหนูนี่กลับยืนกรานจะขอซื้อให้ได้” หวังซื่อตอบกลับด้วยความกระดากใจ
“จริงหรือ?” ซูลั่วยังไม่ยอมเปลี่ยนเรื่อง นางจับจ้องมองจี้เตี๋ยที่อยู่ข้างกัน จนสุดท้ายกลับเป็นฝ่ายอุทานออกมา
“นี่เจ้า!”
“ศิษย์พี่หญิงซูลั่วเคยพบข้าหรือขอรับ…” พบเห็นอีกฝ่ายเหมือนจะรู้จักตนเอง จี้เตี๋ยชะงัก เพราะเขาไม่อาจนึกออกว่าเคยพบนางมาก่อน
“เพิ่งรู้จักก็ตอนนี้” ซูลั่วเผยยิ้มเย็นเยือกขณะนำเอาเม็ดยาสีดำออกมา รูปลักษณ์ของนางเริ่มแปรเปลี่ยน เริ่มที่คางเรียวขึ้น จมูก คิ้ว และปากเริ่มเกิดเปลี่ยนแปลงไป เพียงแต่หนึ่งสิ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนคือดวงตาเปี่ยมล้นด้วยจิตวิญญาณคู่นั้น และลักยิ้มที่ดูไปแล้วชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกว่าฉลาดแกมโกงอย่างไรบอกไม่ถูก!
“ยาวิเศษอะไรกันถึงทำเช่นนี้ได้ ถึงขั้นเปลี่ยนรูปลักษณ์ผู้คนได้เลยงั้นหรือ… ไม่สิ เจ้า!” จี้เตี๋ยที่ตอนแรกชะงัก ภายหลังจึงมองอย่างไม่คิดเชื่อ เพราะเขาจดจำใบหน้านี้ได้ เนื่องจากเคยพบกันมาก่อนในงานแลกเปลี่ยนส่วนตัวที่ซื้อยาทะลวงขอบเขตมา อีกฝ่ายคือคนที่นำยาทะลวงขอบเขตมาแลกกับดอกยี่หุบม่วงสี่ใบ
เรื่องราวเกินคาดคิด ที่แท้อีกฝ่ายก็เป็นซูลั่ว!
“เจ้าอยากได้หญ้าจักรพรรดิหยกไปทำอะไร?” ซูลั่วที่กลับคืนรูปลักษณ์เหมือนเมื่อตอนงานแลกเปลี่ยน ลักยิ้มสองข้างที่ปรากฏอย่างเด่นชัด มันทำให้จี้เตี๋ยเกิดความรู้สึกว่ารูปลักษณ์เดิมของนางที่ดูค่อนข้างเป็นเหมือนภูตจอมซนผู้มีจิตวิญญาณอันเปี่ยมล้นนั้นดียิ่งกว่า
“ข้าขาดเพียงแค่หญ้าจักรพรรดิหยกกับเถาวัลย์อำพันก็จะปรุงยาย้อนฝันได้” จี้เตี๋ยเลือกที่จะกล่าวบอกไปตามตรง
“สะ… ศิษย์พี่หญิงซู ท่านพอจะยกหญ้าจักรพรรดิหยกให้ได้หรือไม่ขอรับ?”
“เจ้าโจรกระจอก คิดฝันไกลดี” ซูลั่วแค่นเสียงขึ้นจมูกเป็นการตอบรับ “ข้าไม่ยอมปล่อยหญ้าจักรพรรดิหยกนี้ให้แน่ และต่อให้เจ้ารวบรวมสมุนไพรวิญญาณได้ครบ ก็ไม่มีใครในยอดเขาโอสถแห่งนี้จะปรุงยาย้อนฝันให้ได้ และเมื่อใดถึงเวลา ข้าจะออกปากบอกกับผู้อาวุโสด้วยตนเอง ว่าไม่ควรช่วยเจ้าปรุงยาย้อนฝัน”
“ศิษย์พี่หญิงซูลั่วหยอกล้อกันเกินไปแล้วขอรับ” จี้เตี๋ยชะงักงันไปชั่วครู่ สุดท้ายจึงเผยรอยยิ้มขื่นขม เพราะเขาไม่ทราบว่าเหตุใดอีกฝ่ายเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาเช่นนี้ ประหนึ่งเพิ่งไปกินดินประสิวมาก็ไม่ปาน
นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้แย่งชิงเอามาจากอีกฝ่าย แม้ดูเป็นการขอซื้อที่ดูไม่ยุติธรรมไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่การปล้นชิงเอามา
“ล้อกันเล่นงั้นหรือ?! โจรกระจอกเช่นเจ้านั้นมีใบหน้าที่หนาเสียยิ่งกว่ากำแพงเมือง! ข้าหรือจะหลอกล้อเล่นกับคนเช่นเจ้า? แต่ก็พูดถูก หากว่าเจ้าหน้าไม่หนาเช่นนั้นคงไม่มีทางไปป่าวประกาศบอกผู้คนว่าเป็นคู่หมั้นของศิษย์พี่หญิงโม่หลี!”
ซูลั่วฮึมฮัมเสียงเบาออกมา น้ำเสียงนี้ทั้งดูแคลนและเหยียดหยัน
สตรีตรงหน้ารู้จักเจียงโม่หลี… เพราะไม่กี่วันก่อนที่วิ่งหนีหน้ามา จี้เตี๋ยไม่ได้ตระหนักว่าซูลั่วอยู่ข้างเจียงโม่หลี ตอนนี้พอได้ยิน เขาจึงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงเปลี่ยนท่าทีพร้อมตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ถึงขนาดนี้!
ที่แท้ก็เพราะนางรู้จักกับเจียงโม่หลี และเหมือนจะเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันเสียด้วย
นางกำลังระบายแค้นแทนเจียงโม่หลีอยู่!
นอกจากนี้ นางยังเป็นหนึ่งในสองนักปรุงยาแห่งยอดเขาโอสถที่สามารถปรุงยาย้อนฝันได้เสียด้วย!
กล่าวคือเป็นบุคคลที่เขาไม่ควรไปมีเรื่องด้วย!