ตอนที่ 33 ไม้ตงฮวย
ตอนที่ 33 ไม้ตงฮวย
“ดูเหมือนว่าสมุนไพรวิญญาณทั้งสามนี้จะไม่ใช่ของธรรมดา”
วันถัดมา จี้เตี๋ยออกจากถ้ำและออกตระเวนไปทั่วยอดเขาโอสถ เพื่อสอบถามหาข่าวคราวของสมุนไพรวิญญาณทั้งสาม ไม่ว่าจะเป็นเถาวัลย์อำพัน หญ้าจักรพรรดิหยก และกิ่งตงฮวยร้อยปี
เพราะตราบเท่าที่รวบรวมสมุนไพรวิญญาณทั้งสามได้ครบ เขาจะได้นำไปปรุงยาย้อนฝัน!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงกระตือรือร้น!
แน่นอนว่าจี้เตี๋ยเองก็ยังมีความสงสัยในคำพูดของหลิวจงอยู่เช่นกัน
แต่เมื่อวานเขาศึกษาบันทึกนักปรุงยาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ข้อมูลที่บันทึกเอาไว้ถึงยาย้อนฝันและสมุนไพรวิญญาณที่จำเป็นต้องใช้ปรุงยานั้นตรงกัน
ภายหลังตรวจสอบ เขาจึงได้ทราบว่าสมุนไพรวิญญาณในถุงมิติของหลิวจง รวมกับเถาวัลย์เลือดระกาที่ได้รับจากถุงมิติของหลิวเหวินปิน มันยังขาดสมุนไพรวิญญาณอีกเพียงแค่สามชนิด ขอเพียงรวบรวมได้ครบก็สามารถปรุงยาย้อนฝันได้
เพียงแต่โชคร้าย ภายหลังวนเวียนไปรอบหนึ่ง จี้เตี๋ยยังไม่อาจหาซื้อสมุนไพรวิญญาณทั้งสามได้
แต่แม้แบบนั้น เขาก็ยังได้ข้อมูลของศิษย์พี่หญิงซูลั่วมา
นางเป็นที่รู้จักกันดีในยอดเขาโอสถ ชื่อเสียงนั้นแทบจะเหนือยิ่งกว่าผู้อาวุโส กล่าวกันว่าแม้นางเป็นเพียงผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณระดับกลาง แต่กลับสามารถปรุงยาขั้นสูง กระทั่งผู้อาวุโสของยอดเขาโอสถก็ยังต้องชื่นชม!
จี้เตี๋ยไม่ค่อยมีความรู้ในด้านการปรุงยา ทำให้ไม่ทราบถึงความสำคัญของการเป็นทั้งผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณระดับกลางที่สามารถปรุงยาขั้นสูงได้นั้นเป็นอย่างไร แต่เพียงแค่ได้ฟัง มันก็มากพอสร้างความประทับใจได้
ภายหลังเดินวนเวียนไปมา ตอนนี้เองที่เขามาถึงลานกว้างของยอดเขาโอสถ
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับตัวเขา เพราะสิ่งสำคัญคือต้องรวบรวมสมุนไพรวิญญาณทั้งสามโดยเร็ว เพื่อนำไปใช้ปรุงยาย้อนฝัน
ต้วนคุนเองก็อยู่ที่นี่แทบทุกวัน ทั้งสองที่แทบจะเป็นคนคุ้นหน้าค่าตา จี้เตี๋ยจึงบอกเล่าเรื่องสมุนไพรวิญญาณทั้งสามและฝากฝังให้อีกฝ่ายช่วยหา
เพราะอีกฝ่ายมีสายข่าวค่อนข้างดี ทั้งยังมีเส้นสายในตลาดของที่นี่ ดังนั้นเขาจึงคาดหวังว่าต้วนคุนน่าจะทราบ
“กิ่งตงฮวยร้อยปี หญ้าจักรพรรดิหยก แล้วก็เถาวัลย์อำพันงั้นหรือ?”
ยามได้ยินว่าจี้เตี๋ยต้องการสมุนไพรวิญญาณทั้งสาม ต้วนคุนจึงหรี่สายตาพลางถาม “ของเหล่านี้ใช้ปรุงเป็นยาย้อนฝัน ดังนั้นคิดหาแต่ละอย่างจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่ข้าสามารถหากิ่งตงฮวยอายุเจ็ดสิบปีได้ อยากได้หรือไม่กันล่ะ?”
“อายุเจ็ดสิบปี… เอา!” จี้เตี๋ยไม่มีความลังเล เพราะด้วยหม้อทองแดง เขาสามารถเสริมศักยภาพของสมุนไพรวิญญาณได้อยู่แล้ว การจะเพิ่มอายุให้มันเป็นร้อยปีจึงไม่น่าเป็นปัญหา
“แปดสิบศิลาวิญญาณ หากว่าตกลง วันพรุ่งนี้มาพบข้าอีกครั้ง” ต้วนคุนยกสามนิ้วเป็นการบอกราคา
“แปดสิบงั้นเหรอ ได้ ช่วยข้าหาหญ้าจักรพรรดิหยกกับเถาวัลย์อำพันด้วย หากหามาได้ข้าย่อมตอบแทนเป็นอย่างดี” จี้เตี๋ยตอบรับอย่างฉับไว
เพราะสองวันที่ผ่านมาเขาเพิ่งปล้นชิงได้ศิลาวิญญาณมาไม่น้อย รวมกับศิลาวิญญาณที่เหลือจากการขายผลยกวิญญาณ ปัจจุบันน่าจะมีอยู่ราวหกสิบถึงเจ็ดสิบ ขณะที่ในถุงมิติของเขายังมีผลยกวิญญาณอยู่อีกกว่าสิบผล!
ภายหลังตกลงว่าจะมารับกิ่งตงฮวยในวันพรุ่งนี้ เขาจึงขอให้ต้วนคุนช่วยตามหาสมุนไพรวิญญาณอีกสองอย่างที่เหลือ สุดท้ายจี้เตี๋ยจึงบอกลาและเดินทางกลับ
ต้วนคุนถือเป็นทรัพยากรบุคคลทรงประสิทธิภาพ วันถัดมา จี้เตี๋ยกลับมาพบอีกฝ่าย ภายหลังจ่ายศิลาวิญญาณแปดสิบก้อนจึงได้รับกิ่งไม้ดำมากิ่งหนึ่ง
มันเป็นกิ่งไม้ที่ยาวกว่าหนึ่งฉื่อ เปลือกไม้เป็นสีดำแต่ไม่หยาบแห้ง สภาพของมันคล้ายว่าจะเพิ่งเก็บมาได้ไม่นาน เพราะตัวกิ่งยังมีความชื้นหลงเหลืออยู่
“นี่มันใช่กิ่งไม้ตงฮวยหรือเปล่า…” จี้เตี๋ยมองพิจารณา
ตามข้อมูลที่ได้ทราบและเห็นมาจากบันทึกนักปรุงยา กล่าวเอาไว้ว่าตงฮวยเป็นไม้ที่มีอายุยืนยาวและแข็งแกร่ง ภายหลังกิ่งแยกออกจากต้น แม้ผ่านไปนับสิบปีก็ไม่มีทางกลายเป็นไม้แห้ง กระทั่งว่าหากนำไปปักลงดินจะสามารถปลูกมันให้เติบโตขึ้นมาได้ จนแทบจะเรียกว่าเป็นไม้วิเศษก็ไม่ปาน!
“วางใจได้ ต้วนคุนคนนี้ไม่เคยขายของปลอม” ต้วนคุนเอ่ยบอก
จี้เตี๋ยพยักหน้ารับก่อนจะเก็บมันลงถุงมิติ และตอนนี้เองที่เขาได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นต่อ
“ที่เจ้าฝากให้ข้าตามหาหญ้าจักรพรรดิหยกกับเถาวัลย์อำพันเมื่อวาน ข้าสืบไปจนได้ทราบแล้วว่าใครที่มีหญ้าจักรพรรดิหยกในครอบครอง”
“ใครกัน!” จี้เตี๋ยร้องถาม
เนื่องจากได้รับกิ่งตงฮวยมาแล้ว หากรวบรวมหญ้าจักรพรรดิหยกได้ ก็จะขาดแค่เถาวัลย์อำพัน เพียงเท่านั้นก็สามารถปรุงยาย้อนฝันได้
“ศิลาวิญญาณห้าก้อนเป็นค่าข่าวสาร งดต่อราคา” ต้วนคุนยกนิ้วทั้งห้าขึ้นมาให้เห็น จี้เตี๋ยยอมรับในความตรงไปตรงมา ขณะนี้จึงส่งศิลาวิญญาณให้อีกฝ่ายห้าก้อน
“เท่าที่ข้าทราบ เหมือนว่าจะมีศิษย์ในยอดเขาโอสถเพียงผู้เดียวที่ครอบครองหญ้าจักรพรรดิหยก เห็นว่าชื่อหวังซื่อ หากว่าต้องการก็ลองไปติดต่อขอซื้อจากเขาได้” ต้วนคุนรับศิลาวิญญาณไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ระดับการฝึกตนของเขาล่ะ?” จี้เตี๋ยเผยประกายในดวงตา
“กลั่นลมปราณขั้นที่ห้า”
“กลั่นลมปราณขั้นที่ห้า…” จี้เตี๋ยพยักหน้าตอบ ภายหลังสอบถามข้อมูลอื่นและที่อยู่ของหวังซื่อ เขาจึงบอกลาและเดินกลับ
ขณะเดียวกัน ที่ภายในโถงแห่งหนึ่ง หลิวจงที่อาการบาดเจ็บยังไม่ทันหายดี เวลานี้กำลังร่ำร้องกับชายหนุ่มคนหนึ่งผู้มีท่าทีสง่างามวางตัวสูงส่ง
“ศิษย์พี่เยี่ย ไอ้สารเลวตัวนั้นไม่เพียงแต่ขโมยถุงมิติ แต่ยังทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บ ด้วยสถานะอันดับหนึ่งในหมู่คนหนุ่มของยอดเขาโอสถ ขอท่านช่วยล้างแค้นแก่ข้าด้วยขอรับ!”
เพราะจี้เตี๋ยเล่นงานเขาจนเสียฟันไปหลายซี่ เวลานี้จึงพูดติดขัดจนรับฟังแล้วชวนรู้สึกขบขัน
“อย่าได้กล่าวเช่นนั้น ศิษย์น้องหญิงซูต่างหากถึงจะเป็นยอดคนในบรรดาศิษย์แห่งยอดเขาโอสถ! เจ้าควรไปรายงานเรื่องราวนี้ต่อผู้อาวุโส ท่านจะช่วยตัดสินแทนให้เอง” ชายหนุ่มเอนกายกับพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ขณะยืดกายเล็กน้อย
คิ้วของเขาเรียวยาวและคมกริบ ขณะใบหน้าค่อนข้างได้รูปราวกับถูกตัดแต่งมาด้วยมีดแกะสลัก และเขาคือชายคนเดียวกับที่เป็นเจ้าภาพจัดงานแลกเปลี่ยนส่วนตัว
“ศิษย์พี่เยี่ย ประมาณนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ?” ที่บริเวณขาและเท้าของชายหนุ่ม มีสตรีนุ่งน้อยหุ่มน้อยกำลังบริการนวดคลายกล้ามเนื้อให้อยู่
“อืม กำลังดีเลย” ด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้ายและมุมมองสายตา เห็นได้ว่าเขากำลังมองยังร่องอก…
“คิกคิก… ศิษย์พี่เยี่ยนี่ละก็…” สตรีนางนั้นตระหนักพบเห็นสายตาจึงเงยหน้ามองและหัวเราะเสียงเจื้อยแจ้วตอบรับ เพียงแต่นางไม่ได้ปิดบังหรือขัดขวางสายตาแม้แต่น้อย กายอันวิจิตรงดงามของนางสั่นเบาขณะดวงตาเผยความเย้ายวนออกมาอย่างไม่อาจปิดมิด
“ตั้งใจใส่ชุดเช่นนี้มาให้ข้ารับชมงั้นสินะ” เยี่ยซือยกยิ้มชั่วร้ายขณะคว้าส่วนนุ่มนิ่มของร่างนั้นจนเกิดเสียงครวญครางดังออกมา
พบเห็นคนทั้งสองละเลงรัก หลิวจงจึงก้มศีรษะลงต่ำไม่กล้ามองแม้แต่น้อย
“ศิษย์พี่ สารเลวตัวนั้นสมควรเจ้าเล่ห์ไม่ใช่น้อย ข้าเกรงว่าต่อให้ถูกสอบปากคำก็คงไม่ยอมรับขอรับ”
การโต้แย้งระหว่างการกล่าวหาและสืบสวนถือเป็นเรื่องปกติ เยี่ยซือทราบดี
“ผู้อาวุโสจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและตรวจสอบทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง ท่านจะช่วยตัดสินแทนศิษย์น้องหลิวแน่ หลิ่วเฉิง ส่งแขกด้วย” เยี่ยซือเผยยิ้มขณะดึงร่างสตรีเข้ามาหาให้นั่งบนหน้าตัก เพราะเขากำลังเตรียมทำสารคดีกำเนิดชีวิตแล้ว
และทันทีที่สิ้นเสียงสั่ง ชายร่างแกร่งประหนึ่งหอคอยเหล็กกล้าพลันเดินเข้ามา
“เชิญทางด้านนี้!” อีกฝ่ายแม้ยืนด้านหลังเยี่ยซือ แต่ก็ยังเผยพลังกลั่นลมปราณขั้นที่ห้าอันแข็งแกร่งออกมา มันแทบจะเป็นการสะกดข่มจนหลิวจงที่แม้สำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่ห้าเช่นเดียวกันยังต้องตัวสั่น
หลิวจงเร่งร้อนตอบรับ “ศิษย์พี่เยี่ย ข้ายังมีอีกเรื่องขอรับ…”
น้ำเสียงของหลิวจงเริ่มร้อนรน เพราะภายหลังจี้เตี๋ยปล้นชิงถุงมิติไปเมื่อวันก่อน เขาอยากจะแจ้งเรื่องราวนี้ให้ผู้อาวุโสทราบแทบขาดใจด้วยซ้ำ
เพียงแต่ภายหลังไปสอบถามเรื่องจนกระจ่าง เขากลับได้ทราบว่าหลิวเหวินปินเป็นฝ่ายไปปล้นชิงจี้เตี๋ยก่อนจนสุดท้ายพ่ายแพ้
หากว่าผู้อาวุโสตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาถึงเหตุการณ์ทั้งหมด เรื่องราวจะเป็นอย่างไรคงพอทราบได้
ขณะที่เยี่ยซือคือผู้นำศิษย์รุ่นเยาว์ของยอดเขาโอสถ อีกฝ่ายมีความสามารถมากพอจะสั่งสอนบทเรียนแก่ตัวบัดซบดังกล่าว ทั้งยังเป็นความหวังเดียวที่เขาสามารถฝากฝัง
“พูดมา” เยี่ยซือตอบเนิบนาบ กระทั่งยกแขนขึ้นเป็นการให้สัญญาณชายร่างใหญ่ ว่าไม่ต้องเร่งร้อนส่งแขก แต่รอให้หลิวจงพูดจนจบเสียก่อน
“ศิษย์พี่เยี่ย ข้ายอมรับว่าผู้ใต้บัญชาของข้าไปหาเรื่องเขาก่อนจนบ่มเพาะความขัดแย้ง ข้าจึงต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องขอรับ” หลิวจงก้มศีรษะลงขณะกัดฟัน
“เพียงแต่ตัวบัดซบนั่นโหดเหี้ยมและร้ายกาจ มันทำร้ายข้าอย่างรุนแรงเพื่อช่วงชิงสมุนไพรวิญญาณที่ข้ารวบรวมมาใช้ปรุงเป็นยาย้อนฝัน หากว่าศิษย์พี่เยี่ยช่วยล้างแค้นให้ ข้ายินดีมอบสมุนไพรวิญญาณครึ่งหนึ่งให้แก่ศิษย์พี่เยี่ยขอรับ!”
“วัตถุดิบใช้ปรุงยาย้อนฝัน…” เยี่ยซือเผยยิ้มอันยากคาดเดาออกมา
“ศิษย์น้องหลิววางใจ หากว่ามีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นในยอดเขาโอสถ ข้าย่อมไม่นิ่งดูดายอยู่แล้ว… หลิ่วเฉิง…”
ชายร่างแกร่งพลันยืนตัวตรง
เยี่ยซือจึงเอ่ยคำสั่งอันเนิบนาบต่อ
“เจ้าไปกับศิษย์น้องหลิว ท่ามกลางฟ้าดินแห่งยอดเขาโอสถแห่งนี้ กล้าดีอย่างไรก่ออาชญากรรมขึ้นมา ไปทวงคืนถุงมิติของศิษย์น้องหลิวมาเสีย ถึงตอนนั้นจงให้วายร้ายนั่นโขกศีรษะขออภัยต่อศิษย์น้องหลิวให้เรียบร้อยด้วย หากว่ามันไม่ให้ความร่วมือ ก็สั่งสอนบทเรียนแก่มันให้รู้และจดจำ!”
“ขอบคุณศิษย์พี่เยี่ยขอรับ!”