บทที่ 172 ลิ้มรสความอับอายที่ข้ามอบให้เสีย
เฉิงเป้ยเป้ยเหยียดยิ้มอย่างพึงใจ ครั้นทุกสิ่งที่นางต้องการสำเร็จผลไปได้ด้วยดี และยังเกินคาดมากอีกด้วย
“หึ ได้ลิ้มรสความอับอายที่ข้ามอบให้ เป็นเช่นไรบ้างละ” นางพึมพำ
จะให้ถูกในสิ่งที่นางหมายถึง คือความอัปยศที่นางเคยถูกหยางเสี่ยวเทียนเตะร่างปลิวออกมาต่อหน้าผู้คนถึงสองหนอย่างน่าอับอาย ครั้งนี้มันกำลังถูกชำระด้วยไฟแค้น
หลินหยวนขมวดคิ้ว เริ่มคุกรุ่นด้วยบันดาลโทสะ ครั้นประสบเห็นพฤติกรรมพร้อมท่าทีอวดดีอันไร้เดียงสาของศิษย์โง่เขลาพวกนี้ ที่กล้ากล่าวหาหยางเสี่ยวเทียนทั้งไม่มีมูลความจริงได้อย่างเต็มปาก เพียงเพราะรับข่าวสารจากผู้ริษยาด้วยอยากกลั่นแกล้งเขาเท่านั้น
สถานที่เช่นหอสมาคมนักปรุงโอสถอันทรงเกียรติ เคยยอมลดเกียรติให้ผู้อื่นดูหมิ่นศักดิ์ศรีที่น่ายกย่อง เพียงเพราะมีเงินทองแลอำนาจซื้อได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
ต่อให้เป็นถึงคนจากราชวงศ์ขององค์จักรพรรดิหรือตระกูลหลักผู้ทรงอำนาจ ก็ไม่มีสิทธิ์กระทำการลบหลู่ ชื่อเสียงที่ผู้คนต่างให้ความเคารพนับถือมาช้านานได้
ขณะหลินหยวนในสีหน้ามืดมนกำลังจะเปิดปากกล่าวพูดถึงความจริงที่เขาประจักษ์เห็นเองกับตา แต่ทันใดนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็เริ่มเคลื่อนไหว
ท่ามกลางสายตาผู้เฝ้าปรามาสแลชื่นชม หยางเสี่ยวเทียนโบกมือสะบัดไปทางกองสมุนไพรขนาดใหญ่ ที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่จั้ง
ระหว่างนั้น เกิดลมกระโชกแรงราวกับพายุกำลังโหมกระหน่ำลงมาอย่างกระทันหัน แม้เพลานี้ท้องนภาจะสว่างใสไร้กลุ่มก้อนเมฆา
สายลมหมุน โถมเข้าใส่กองสมุนไพรเบื้องหน้า พัดพาพวกมันจนลอยลิ่ววนเวียนตามแรงลม กระทั่งล่องขึ้นไปบนเวหา
เมื่อทุกสายตาผู้คอยจับจ้องอยู่โดยรอบ ต่างประสบเห็นกันอย่างถนัดชัดตา ว่ากองโอสถมหึมาถูกพัดพาลอยกระจายขึ้นไป พานรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
นี่มันทักษะอะไรกัน!
แต่ในเวลานี้ เฉิงเป้ยเป้ยกลับนั่งเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ขณะเหยียดยิ้มเยาะกล่าวว่า “นี่คือทักษะวรยุทธ หยางเสี่ยวเทียน คงมิใช่ว่าเจ้ากำลังเข้าใจผิด คิดเป็นการประลองวรยุทธหรอกกระมัง สุดท้ายแล้วเจ้ามันก็เป็นเพียงคนเขลา ไม่เข้าใจหรือไร ว่าตอนนี้เขากำลังแข่งขันหลอมโอสถกัน”
องครักษ์ที่อยู่รอบข้างนาง ต่างก็เผยยิ้มเหยียดหยามฉายขึ้นมาบนใบหน้าเช่นกัน
หยางเสี่ยวเทียนยังเปี่ยมไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย เฉกเช่นดั่งทุกครั้งที่เคยเป็นมา ฝ่ามือยังวาดไปข้างหน้าพลางตวัดปลายนิ้วเล็กน้อย
ลมม้วนยังหมุนมิหยุดหย่อน กองสมุนไพรกระจายแยกชนิดอยู่ในวงพายุ จนเห็นความแตกต่างของมันได้อย่างชัดเจน ครั้นสังเกตจากบนลงล่าง จะเห็นสมุนไพรที่มีสีเข้มอยู่ด้านบนสุดและสมุนไพรสีอ่อนอยู่ด้านล่าง ไล่ระดับกันอย่างหมดจดงดงามยิ่ง
ครั้นได้ประจักษ์แก่สายตา ว่าบรรดาสมุนไพรถูกแยกชนิด ลอยเป็นกลุ่มอยู่ในกระแสลมหมุน ทุกคนก็ต่างตกตะลึงไปตามกันกับฉากอันมหัศจรรย์นี้ แม้แต่เฉิงเป้ยเป้ยพร้อมด้วยองครักษ์รอบกายที่หัวร่ออยู่ครู่ก่อน ก็พลันตกอยู่ในอาการสงบปากสงบคำเช่นคนอื่น
หลังสมุนไพรถูกจัดเรียงอย่างเสร็จสรรพ หยางเสี่ยวเทียนก็สะบัดนิ้วมืออย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงของการเคลื่อนไหวนี้ ส่งพายุเข้าโถมใส่สมุนไพรอีกทีราวกับมรสุม
จากนั้น กลับมีสมุนไพรลอยลิ่วออกมาจากม้วนลมหมุนขนาดเท่าพายุทีละชนิด ล่องเรียงกันสม่ำเสมออย่างตระการตา
สมุนไพรที่ล่องออกมาเหล่านี้ ต่างลอยมาหยุดนิ่งอยู่เหนือโต๊ะหินอ่อน พร้อมร่อนโรยลงพื้นโต๊ะเรียบขาวบริสุทธิ์ วางเรียงกันตามสีได้อย่างงดงาม
ไม่มากและไม่น้อย ทั้งหมดสิบสี่ชนิดครบถ้วน!
เหล่านี้ คือสมุนไพรสิบสี่ชนิด ที่ใช้ในการหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณ
ไม่ถึงลมหายใจ หยางเสี่ยวเทียนก็หยุดมือกลับไขว้หลัง พร้อมกับแรงลมที่กระจายหายไปอย่างกะทันหัน ราวเมื่อครู่เป็นเพียงห้วงความฝันไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น ส่วนสมุนไพรไม่ต้องการเหล่านั้น ก็พลันร่วงตกไปกองอยู่ยังพื้นอีกทางด้านข้าง
ภายใต้ภาพเหตุการณ์ทุกจังหวะ ทั้งหลี่เหวิน เผิงจื้อกัง และคนอื่นๆ ต่างเบิกตาค้างตกตะลึง เฉกเช่นเดียวกับวิญญาจารย์จากอาณาจักรต่างๆ ที่ปะปนอยู่กับกลุ่มฝูงชน
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า สมุนไพรทั้งสิบสี่ชนิดที่ใช้ในการหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณ จะถูกคัดสรรด้วยวิธีเช่นนี้
ตั้งแต่เริ่มจนจบ เขาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งจิบชาด้วยซ้ำ!
ไม่สิ กล่าวให้ถูกคือใช้เวลาไม่ถึงชั่วพริบตา
นี่เป็นครั้งแรก ที่ทุกคนได้เห็นวิธีการเลือกสมุนไพรแบบนี้ มันมิใช่เรื่องง่ายที่ได้ประสบพบเจอทักษะการคัดแยกที่หน้าพิศวงเช่นนี้
มิเพียงแต่ผู้อื่นเท่านั้น เพราะนี่ก็ถือเป็นครั้งแรก ที่หลี่เหวินได้เห็นการคัดแยกสมุนไพรสุดอัศจรรย์นี้
หลิวอันเบิกตากว้าง ก่อนในหัวขาวโพลนจะคะนึงถึงทักษะหนึ่ง แต่ก็ยังมิแน่ใจนัก จึงหันไปหาอูฉี “ท่านอาจารย์ หรือว่านี่จะเป็น”
“วา ยุ คลั่ง!” อูฉีจ้องไปยังกองสมุนไพรที่แยกกันอย่างเสร็จสรรพ แล้วกล่าวออกมาทีละคำชัดๆ ทว่าน้ำเสียงนั้นกลับสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นเป็นที่สุด
แม้นเสียงของอูฉีมิได้ดังนัก แต่มันก็ชัดพอให้คนรอบข้างได้สดับฟัง ด้วยในลานเพลานี้ ต่างเงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงกระแอมไอหรือเคลื่อนไหว
“อะไรนะ วายุคลั่ง!”
“นี่มันคือวายุคลั่งกระนั้นหรือ นับเป็นวาสนาที่ข้าได้เห็นทักษะเช่นนี้!”
เมื่อนักปรุงโอสถหลายคนได้ยินสิ่งนี้ ก็ต่างพากันตัวสั่นเกร็งด้วยความตื่นเต้นอย่างสุดจะพรรณนา
หลี่เหวิน พร้อมคนอื่นๆ ต่างสะดุ้งลุกยืนด้วยความตกใจ ไฉนทักษะของเด็กอายุแปดขวบจึงสูงส่งมากถึงเพียงนี้
“วา… ยุ… คลั่ง!” หลี่เหวินกล่าวอย่างกระอึกกระอัก ติดขัดฟังแทบไม่รู้ภาษา “นี่… นี่… นี่!”
สามเดือนก่อน ในระหว่างทดสอบเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาว หยางเสี่ยวเทียนใช้ทักษะฝ่ามือผันกระแส นั่นก็น่าประหลาดใจอยู่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับทักษะการหลอมโอสถสิบอันดับแรกในโลกของนักปรุงโอสถ ที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้านี้ มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
“มันกลายเป็นทักษะวายุคลั่ง” อู๋ฉีรู้สึกตื่นเต้นกระทั่งเคราสั่นไหว
ทักษะการหลอมโอสถสิบอันดับแรกในโลกของนักปรุงโอสถนั้นน่าทึ่งมาก แต่นักปรุงโอสถส่วนใหญ่ ไม่เคยมีโอกาสได้ประสบเห็นมาก่อนในชีวิตพวกเขาเลยสักครั้ง
เฉิงเป้ยเป้ยขบเม้มริมฝีปากบาง ดวงตาคู่งามก่อนหน้าที่คอยกระพริบเย้ย บัดนี้กลับแข็งค้าง นางจ้องมองสมุนไพรทั้งสิบสี่ชนิด ที่ถูกคัดสรรเรียงกันไว้อย่างสมบูรณ์
“ทักษะวายุคลั่งงั้นหรือ สิบทักษะหลอมโอสถชั้นสูงงั้นหรือ”
ครู่นั้น หยางเสี่ยวเทียนไม่ได้แสดงวรยุทธอยู่งั้นหรือ ไฉนกลายเป็นหนึ่งในสิบทักษะการหลอมโอสถชั้นสูงไปได้