บทที่ 171 ท่านมีผู้สืบทอดตำแหน่ง ผู้นำหอสมาคมนักปรุงโอสถแล้ว
“รอบแรก คือการเลือกสมุนไพร” เสียงหลินหยวน ดังสนั่นพอที่คนทั้งลานได้ยินกันอย่างชัดเจน “ใช้ความสามารถที่พวกเจ้าคิดว่าทำเวลาได้เร็วที่สุด เลือกสมุนไพรเพื่อหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณ”
“ผู้ใดก็ตาม ที่ใช้เวลาน้อยสุด และเลือกสรรสมุนไพรที่มีคุณสมบัติสูงหรือสมบูรณ์เท่าไร คะแนนสั่งสมจะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น”
จากนั้น บรรดานักปรุงโอสถของหอสมาคม ก็เริ่มเดินเรียงแถวกันเข้ามาพร้อมวางสมุนไพรบางส่วนไว้เบื้องหน้าหยางเสี่ยวเทียน เฉิงหลง เฉินจื่อหาน เติ้งอี้ชุน หูซิง หวงถิงถิง และผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ
สมุนไพรทั้งหมดที่ใช้หลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณมีเพียงสิบสี่ชนิด แต่ในเวลานี้ พวกมันถูกผสมรวมกับสมุนไพรชนิดอื่นอีกหลากหลาย ทั้งบางชนิด ก็แอบมีความคล้ายกันจนชวนให้สับสน
ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ไม่เกี่ยวข้องกองผสมอยู่ถึงสองร้อยชนิด
กล่าวอีกนัยคือ หยางเสี่ยวเทียนและผู้เข้าแข่งขันคนอื่น จำเป็นต้องเลือกสมุนไพรเพียงสิบสี่ชนิด สำหรับหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณโดยเร็วที่สุด ในกองสมุนไพรที่ปนรวมอยู่ถึงสองร้อยชนิด
แน่นอน ว่าในบรรดาสมุนไพรที่กองผสมกันตรงนี้ มีสมุนไพรอยู่สองระดับสำหรับหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณ ส่วนที่หนึ่งคือคุณภาพระดับสูงและอีกส่วนเป็นระดับต่ำ
ผู้เข้าแข่งขันหลายคนขมวดคิ้ว ขณะมองดูกองสมุนไพรขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพวกตน
การเลือกสมุนไพรนำมาหลอมโอสถไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยากมากคือจะเลือกสมุนไพรเพียงสิบสี่ชนิด ออกจากส่วนที่ผสมปนมาถึงสองร้อยชนิดได้อย่างไรเท่านั้น
เพราะสมุนไพรถึงสองร้อยชนิดที่ผสมมาทั้งหมดนั้น ดูน่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้ผู้คนไม่รู้จะต้องเริ่มต้นจากตรงไหน
ซึ่งอย่างที่บอก ว่าสมุนไพรทั้งสองร้อยชนิดนั้น ต่างมีสีสัน กลิ่นและรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณ จนแทบแยกไม่ออก
ถึงไม่ต้องนำสมุนไพรพวกนี้มากองรวมสร้างความยุ่งยาก บางครั้ง พวกมันก็ถูกหยิบขึ้นมาผิดโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับตอนนี้ ที่ทั้งหมดถูกผสมรวมเข้าด้วยกัน
หลังจากนักปรุงโอสถของหอสมาคมทุกคน จัดการเทสมุนไพรทั้งหมดกองรวมกันเสร็จแล้ว พวกเขาแต่ละคนก็พยักหน้าส่งสัญญาณให้หลินหยวนทราบ ก่อนเขาจะกล่าวขึ้นทันที
“เริ่มได้!”
สิ้นเสียงจากหลินหยวน เฉิงหลงก็เคลื่อนตัว พุ่งปรี่ไปที่กองสมุนไพรของตนเอง พร้อมใช้มือทั้งสอง แยกสมุนไพรออกจากกองใหญ่ทีละชนิด เป็นสิบกองเล็กๆ อย่างเร็ว ด้วยมือที่ขยับไม่หยุด
“เป็นทักษะจากหัตถ์ปีศาจจริงๆ!” เมื่อเฟิงซิงเห็นการเคลื่อนไหวมือไม้อันรวดเร็วของเฉิงหลง กระทั่งมองตามไม่ทันนั้น เขาก็พลันอุทานขึ้น “ข้าไม่คิดจริงๆ ว่าผู้อาวุโสเจียงหยู่จะส่งต่อทักษะหัตถ์ปีศาจในตำนานให้ฝ่าบาท”
อู๋ฉีพยักหน้ายินดีขณะกล่าวเสริมอย่างยกย่อง “หัตถ์ปีศาจขององค์ชายรอง ได้รับการฝึกฝนถึงระดับแปดเงา ทั้งพรสวรรค์ของเขายังไม่ธรรมดาอีก”
ซึ่งเมื่อมองจากระยะไกล เฉิงหลงก็ไม่ต่างกับคนที่มีถึงแปดแขน
ส่วนเฉินจื่อหาน ครั้นมาถึงกองสมุนไพร นางก็พลันสะบัดมือทั้งสองข้างกระจายสมุนไพรทั้งหมดออก ในระยะห่างที่นางกำหนด ทำให้ง่ายต่อการเลือกสรรได้ดียิ่งขึ้น
“หัตถ์ทะยานเมฆาของคุณหนูเฉินน่าทึ่งเสียจริง!” โม่หลิงข่าย ผู้เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของเฉินจื่อหานก็ได้แสดงสีหน้าปลาบปลื้มเช่นกัน
ก่อนจากนั้น จะหันแย้มยิ้มให้หลี่เหวินที่นั่งอยู่ข้างๆ “ท่านมีผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำหอสมาคมนักปรุงโอสถแล้วละ”
เฟิงซิง อู๋ฉี เผิงจื้อกังและคนอื่นตรงนั้น ก็มองนางด้วยความรู้สึกชื่นชม ครั้นได้เห็นทักษะอันอ่อนช้อย เหมาะสมกับอัจฉริยะนักปรุงโอสถวัยเยาว์เช่นนาง
หลี่เหวินมองดูเฉินจื่อหานด้านล่างด้วยรอยยิ้ม พร้อมพยักหน้าพอใจกับศิษย์คนนี้ยิ่ง แต่ครั้นหันมองไปยังหยางเสี่ยวเทียน สหายน้อยที่เขาก็คาดหวังในพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์เช่นกัน ซึ่งสิ่งนั้นก็ทำให้หลี่เหวินถึงกับเบิกตา
เขายันตัวออกจากที่นั่งเล็กน้อย จับจ้องมองหยางเสี่ยวเทียนที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนกายไปไหนเหมือนคนอื่นๆ ทำเขาถึงกับต้องถ่างตามองให้ชัด ว่าสิ่งที่ตนเห็นเป็นจริงหรือเพียงตาพร่ามัวกันแน่
เมื่อหลี่เหวิน หลินหยวนพร้อมทั้งคนอื่นๆ เห็นท่าทีแปลกไปเช่นนั้นของหลี่เหวิน พวกเขาก็พลันมองตามยังทิศทางนั้นทันที
ขณะผู้เข้าร่วมทุกคนทำงานกันอย่างจ้าละหวั่นวุ่นวาย ไฉนเขาถึงยังใจเย็นไม่เร่งรีบเช่นคนอื่นๆ แม้จะเพิ่งเริ่ม แต่การเลือกสมุนไพรเพียงสิบสี่ชนิดในกองนั้น อาจต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันค้นหามันจึงจะได้ครบทั้งหมด
และหากเขาไม่เริ่มลงมือตั้งแต่เวลายังเหลืออยู่มากเช่นนี้ หยางเสี่ยวเทียนอาจตกรอบแรกได้อย่างมิต้องสงสัยเลย
นอกลานแข่ง เฉิงเป้ยเป้ยผู้คอยจับผิดหยางเสี่ยวเทียนโดยตลอด ได้เผยยิ้มเยาะด้วยความรู้สึกยินดีทันควัน “ดูเหมือนว่าหยางเสี่ยวเทียน คงต้องตกตั้งแต่รอบแรก ด้วยไม่มีปัญญากระทั่งแยกแยะสมุนไพรสำหรับโอสถสร้างฐานวิญญาณแค่นี้”
“เห้อ… ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาผ่านการทดสอบ แล้วได้แผ่นหยกประจำตัวนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาวนั้นได้อย่างไร” นางถอนหายใจพลางส่ายศีรษะด้วยอารมณ์ชื่นมื่นอย่างบอกไม่ถูก
น้ำเสียงดูหมิ่นของเฉิงเป้ยเป้ยไม่กล่าวออกมาเพื่อให้มันเงียบจนมิมีใครได้ยิน เพราะนางทั้งตั้งใจและเฝ้ารอโอกาสนี้ ป่าวประกาศความไร้ยางอายของหยางเสี่ยวเทียนต่อผู้คนมากมายโดยรอบ ช่วยนางเหยียบเขาให้จมดิน กระทั่งไม่เหลือที่ซุกหัวหนีจนอับอายไปทั้งตระกูล
ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่นางต้องการ เพราะหลังจากบรรดาศิษย์ของสำนักยวินฮุยบางคน ที่ไม่มีความพอใจกับสำนักเสินเจี้ยนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ ด้วยมีคนชี้ลู่ทาง
“พวกเจ้าไม่ได้ซื้อแผ่นหยกประจำตัวนักปรุงโอสถ ให้หยางเสี่ยวเทียนเข้าไปยืนทำตัวซื่อบื้ออยู่หรือไงกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“อาจเป็นจริงก็ได้! ด้วยความสามารถของสำนักเสินเจี้ยน ไม่ยากเลยที่จะซื้อแผ่นหยก หรือเหรียญตราสำหรับนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาว”
ศิษย์สำนักยวินฮุยหลายคนเริ่มส่งเสียงโห่ร้องถึงการกระทำอันไร้ยางอายของสำนักเสินเจี้ยน ที่กล้าปล่อยคนไม่มีความสามารถมิต่างจากคนโง่เช่นนี้ลงเข้าแข่งขันได้
เหล่าอาจารย์และศิษย์ของสำนักเสินเจี้ยน ต่างจ้องเขม็งไปยังศิษย์จากสำนักยวินฮุยที่โห่ร้อง ด้วยความโกรธแค้น กระทั่งพร้อมจะเคลื่อนตัวพุ่งเข้าหาอย่างเดือนพล่าน ที่กล้าสบประมาทหยางเสี่ยวเทียนคนของสำนักตน
ถึงอย่างนั้น บรรดาศิษย์ของสำนักยวินฮุย ก็ยังคงส่งเสียงโห่ร้องกันด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านมากขึ้น และดังขึ้นถึงสองเท่า
เวลานี้ องครักษ์ที่อยู่เบื้องหลังเฉิงเป้ยเป้ยก็หัวเราะจนตัวโยนเช่นกัน “หยางเสี่ยวเทียน เจ้าควรออกมาให้เร็ว หากเจ้าไม่สามารถแยกแยะสมุนไพรของโอสถสร้างฐานวิญญาณได้ ก็ไม่ต้องอายหรอก ฮ่า ฮ่า!”