ตอนที่แล้วตอนที่ 115 วิธีสุดท้ายที่ไม่อยากจะใช้! ผู้จุติ (อ่านฟรี 05/12/2567)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 117 ก้อนพลังงานเวทมนตร์ การจุติพลังกรณีพิเศษ (อ่านฟรี 11/12/2567)

ตอนที่ 116 ข้าความจำเสื่อม เกิดมาก็แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว (อ่านฟรี 08/12/2567)


“เหนียวตัวจริง ๆ ถ้าใช้พลังปราณได้ข้าก็ไม่ต้องมาเลอะเทอะเช่นนี้แล้ว” เย่ซีบ่นออกมาพลางสะบัดตัวไปด้วย เขาสะบัดเอาเศษเนื้อ เลือดของอนสเตอร์ออกจากตัวให้ได้มากที่สุด

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นคราบเกาะเต็มตัวเขาไปหมด ถ้าเป็นตอนปกติเขาก็จะใช้พลังปราณขจัดคราบสกปรกต่าง ๆ ได้ไม่ยาก แต่พอใช้พลังปราณมิตินี้ไม่ได้มันก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ

เพราะถึงแม้เขาจะปรับสภาพเข้ากับมิติแห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่อาจใช้ลมปราณหรือพลังของฟ้าดินได้เลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะกฎของมิติที่เขาจากมาและมิตินี้มันไม่เหมือนกัน และไม่มีส่วนสอดคล้องกัน

ถ้าเขาสุ่มได้มิติที่สิ่งมีชีวิตในมิตินั้นใช้พลังปราณได้ ตัวเขาก็จะปรับสภาพหรือหาวิธีใช้พลังปราณในมิตินั้นได้ไม่ยาก แต่กับมิติที่ใช้พลังเวทย์เป็นหลักอย่างมิตินี้ เขาไม่อาจใช้พลังปราณได้!

“เอ่อ..สวัสดีครับ” มีเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้เย่ซีที่กำลังหงุดหงิดอยู่ต้องหันไปมอง

“พวกเจ้านี้เอง มีอะไรรึ ?” เขาพอจะจำเสียงอีกฝ่ายได้ว่าคงเป็นกลุ่มสี่คนที่แบกเขาขึ้นรถมาด้วย

“ผมชื่อ ซางเว่ย ส่วนนี่คือ หลี่กงเหมิน อันหลาน เหยาเซียงครับ” ชายหนุ่มผู้นั้นแนะนำตัวเองและเพื่อน ๆ ของเขาให้ได้รู้จัก

“อ๋อ ข้าเย่ซี พวกเจ้ามีน้ำบ้างไหม ?” เย่ซีตอบรับไปสั้น ๆ ก่อนจะกล่าวถามออกมา

“มีอยู่ในรถค่ะ แต่จากสภาพรถแล้ว น้ำคงไม่เหลือแล้วค่ะ” อันหลานที่ปกติจะมีนิสัยห้าว ๆ แต่ในตอนนี้กลับดูเรียบร้อยผิดปกติเสียอย่างนั้น ทำเอาเพื่อนอีกสามคนถึงกับงงไปเลย

“คุณเย่ซีหิวน้ำเหรอครับ เดี๋ยวเดินทางไปข้างหน้าอีกสักหน่อยก็น่าจะเจอศูนย์กระจายข่าวแล้วครับ ที่นั่นน่าจะพอมีน้ำกินบ้าง” ซางเว่ยกล่าวถามออกมาด้วยความเป็นห่วง ถึงยังไงชายแปลกหน้าตรงหน้าเขาก็ไม่ใช่ชายหนุ่มธรรมดาแบบที่พวกเขาเข้าใจผิดแบบในตอนแรก

ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ใช้ทักษะหรือพลังเวทย์อะไรออกมาให้เห็นก็ตาม แต่ซางเว่ยก็คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นผู้จุติพวกสายพละกำลังไม่ผิดแน่

เพียงแค่มือเปล่าก็สามารถจัดการมอนสเตอร์ที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ จากการคาดเดาของเขา เขามองว่ามอนสเตอร์ตัวนี้น่าจะต้องใช้ผู้จุติระดับกลางไปถึงระดับสูงถึงจะจัดการมันได้ แถมเลือดและของเหลวของมอนสเตอร์ที่เป็นกรดก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อย

“เปล่า ข้าเหนียวตัว อืมมม เจอแล้ว! ยังดีที่แหวนมิติยังใช้งานได้” เย่ซีลองตามหาสิ่งของในแหวนมิติที่อยู่ติดตัวเสมอเขาก็พบเข้ากับน้ำจากบึงสวรรค์ที่เขาพกใส่ขวดแก้วมาด้วย

ชายหนุ่มทำการเปิดขวดแก้วออกแล้วเทน้ำที่ว่าออกมาล้างหน้าของตัวเองในทันที หลังจากใช้น้ำจากบึงสวรรค์ไปประมาณสิบขวดศีรษะ แขน ขา ของเย่ซีก็กลับมาสะอาดอีกครั้งหนึ่ง ส่วนด้านในเสื้อผ้าคงต้องไปอาบน้ำเอาอีกที

ตัวชุดคลุมมันก็ไม่ได้สกปรกอะไรอยู่แล้วเพราะความสามารถพิเศษของมัน ทำให้ในตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้างที่ด้านในลำตัวส่วนบนและล่างรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ

“นั่นมัน... น้ำอะไรเหรอครับ!” หลี่กงเหมินและซางเว่ยกล่าวออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ

แม้พวกเขาจะยังไม่ได้ทำการจุติแต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังอันบริสุทธิ์บางอย่างจากน้ำที่ชายตรงหน้าเทออกมาล้างตัว สัมผัสของพวกเขาบอกว่าแค่ได้ดื่มน้ำนั่นเข้าไปสักอึกก็จะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย

ถึงขนาดที่พวกเขาเกือบจะไปเลียน้ำที่นองอยู่บนพื้นหลังจากที่ชายหนุ่มทำการล้างหน้าแล้วด้วยซ้ำ ติดที่ยังมีความละอายอยู่บ้าง

“น้ำจากบึงน้ำในที่ดินของข้าเอง ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก” เย่ซีตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะถามคำถามต่อมาทันที

“พวกเจ้าเป็นผู้ช่วยชีวิตข้าไว้ใช่หรือไม่ ? ก่อนหน้านี้ข้าหมดแรงไม่อาจทำอะไรได้ เลยได้แต่นอนนิ่ง ๆ เพื่อพักฟื้นร่างกาย” เขายิ้มออกมาพลางถามไปด้วย

ครึ่งหลัง

“ก็ไม่เชงว่าช่วยชีวิตหรอกครับ แค่ไม่อยากเห็นคนเดือนร้อนแล้วปล่อยผ่านก็แค่นั้น” ซางเว่ยตอบกลับไป แต่ในใจก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่การช่วยชีวิตของชายแปลกหน้าคนนี้ไว้มันทำให้พวกเขาสี่คนรอดตายมาได้

“ทำไมคุณเย่ซีถึงแข็งแกร่งขนาดนี้เหรอคะ ? คุณเป็นผู้จุติสายพละกำลังใช่ไหมคะ ?” เหยาเซียงที่นิ่งเงียบอยู่นานก็กล่าวออกมาบ้าง เธอมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม

ไม่เพียงแต่มีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่ยังมีความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจอีกด้วย ในยุคที่มอนสเตอร์บุกรุกรานโลกไปทั่วแบบนี้ ความแข็งแกร่งย่อมเป็นสิ่งดึงดูดเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดียิ่งกว่ารูปร่างหน้าตาเสียอีก

“ไม่ใช่ ข้าเกิดมาก็แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว ไม่ทราบเช่นกันว่ามีสาเหตมาจากอะไร” เย่ซีตอบกลับไปตามตรง ความจริงที่เขาแข็งแกร่งขนาดนี้มันก็ไม่ใช่เพราะระบบไปเสียทีเดียว ดังนั้นสิ่งที่เขาตอบไปจึงไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องโกหก

แต่สำหรับที่สี่คนที่ได้ฟังเหตุผลของความแข็งแกร่งของชายตรงหน้าก็อดที่จะคิ้วกระตุกขึ้นมาไม่ได้ แต่พวกเขาจะว่าอะไรอีกฝ่ายก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะเย่ซีแข็งแกร่งจริง ๆ แถมยังเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้จุติดังที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้แต่แรก

แต่ก็น่าแปลกที่เขาแข็งแกร่งได้ขนาดนี้

“พวกเจ้ากำลังจะไปที่ใดกันรึ ?” เย่ซีกล่าวถามออกมาต่อ ยังไงตอนนี้เขาก็ไม่รู้จะไปไหนดี ถ้าตามคนเหล่านี้ไปด้วยก็คงจะมีอะไรทำบ้าง

“พวกเรากำลังจะไปทำการจุติค่ะคุณเย่ซี สนใจไปด้วยกันไหมคะ ?” อันหลานกล่าวถามด้วยน้ำเสียงน่ารัก แค่ฟังก็รู้ว่าเธอพยายามแอ๊บเสียงอยู่

“ทีพูดกับพวกเราไม่เห็นจะเป็นแบบนี้” หลี่กงเหมินกระซิบข้างหูซางเว่ย แต่ก็ต้องรีบหันหน้าไปททางอื่นเพราะถูกอันหลานหันมาจ้องตาเขม็ง

“จุติคืออะไรรึ ? พอจะเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ?” เย่ซีรู้สึกสนใจในการจุติมาก ไม่แน่ว่าถ้าเขาจุติด้วยได้มันอาจจะได้พลังที่ไม่ใช่พลังปราณเพิ่มขึ้นมาก็ได้

คราวหลังถ้าได้เดินทางไปมิติอื่นอีกก็จะได้มีพลังไว้ใช้เสียบ้าง ไม่ต้องทนใช้แต่พละกำลังล้วน ๆ เหมือนเช่นตอนนี้

“คุณเย่ซีไม่รู้จักเหรอการจุติเหรอครับ ?” ซางเว่ยถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะนี่เป็นเรื่องที่แทบทุกคนบนโลกต่างก็ทราบกันทั้งนั้น ขนาดเด็กประถมยังได้เรียนเรื่องนี้ในหลักสูตรเลย

“พอดีว่าข้าความจำเสื่อมน่ะ! จำอะไรไม่ได้เลยนอกจากการใช้ชีวิตและวิธีการต่อสู้เล็กน้อย” เย่ซีถือโอกาสเอาข้ออ้างสุดคลาสสิคประจำนิยายไปต่างโลกมาใช้เสียเลย

แล้วมันก็ดูเหมือนจะได้ผลไม่น้อย เพราะอีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างไม่คิดมากอะไร ก็คนที่ความจำเสื่อมเพราะถูกมอนสเตอร์โจมตี หรือได้รับแรงกระแทกอย่างแรงก็มีออกจะบ่อยนี่นะ

“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นผมจะเล่นเรื่องเกี่ยวกับการจุติให้ฟังนะครับ...” แล้วทั้งสี่คนก็พลัดกันเล่าสิ่งต่าง ๆ ให้กับเย่ซีได้ฟัง

โดยคร่าว ๆ แล้วโลกแห่งนี้ชื่อว่าบราลัค เป็นโลกที่มีวิทยาการเกือบจะเหมือนกับโลกที่เย่ซีเคยอยู่เกือบทุกอย่าง เพียงแต่ว่าเกิดการบุกรุกของมอนสเตอร์อย่างไร้ที่มา หลังจากเผชิญกับการบุกรุกของมอนสเตอร์ มนุษย์ก็เริ่มมีผู้คนที่สามารถจุติพลังด้วยคริสตัลสีรุ้งได้

คริสตัลสีรุ้งนั้นถูกค้นพบในเหมืองแห่งหนึ่งด้วยความบังเอิญ ด้วยความหายากของมันทำให้มีเพียงมนุษย์ที่มีสัญญาณของการตื่นขึ้นของพลังเท่านั้นที่มีสิทธิใช้คริสตัลสีรุ้งในการจุติพลังได้ ซึ่งทั้งสี่คนนี้ก็คือกลุ่มเพื่อนที่มาจากสถาบันฝึกฝนผู้จุติที่ได้รับเลือกให้มาทำลองจุติพลังในครั้งนี้นั่นเอง

โดยมนุษย์ที่ได้ทำการปลุกพลังแล้วจะมีพลังพิเศษที่แตกต่างกันไปโดยจะแบ่งความแข็งแกร่งตามสีของออร่าที่แต่ละคนได้รับ โดยไล่ความแข็งแกร่งจากน้อยไปมาก สีเขียว ->ฟ้า ->ชมพู ->ส้ม ->แดง ->ทอง ->ดำ ->ขาว โดยปัจจุบันมนุษย์ที่มีออร่าแข็งแกร่งที่สุดก็คือสีขาว แต่มีเพียงสิบคนบนโลกเท่านั้นที่ได้รับการจารึกเอาไว้

“เป็นเช่นนี้นี่เอง” เย่ซีกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย แล้วถ้าแบบนี้คนจากต่างโลกเช่นเขาจะทำการปลุกพลังด้วยได้ไหมนะ ?

“ข้าอยากลองไปจุติพลังด้วยจะได้หรือไม่ ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด