ตอนที่แล้วตอนที่ 36 วิธีที่ง่ายที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 เจ้าอ้วนไร้ยางอาย

ตอนที่ 37 ขอเพียงไม่ละอายแก่ใจตนเอง


ตอนที่ 37 ขอเพียงไม่ละอายแก่ใจตนเอง

"บทเรียนแรกเป็นอย่างไรบ้าง"

หลังจากกลับมาที่เรือนเหมย จูชิงฮวนก็ถามพลางยกยิ้ม

"น่าจดจำ" เซียวเฉินมีประกายในดวงตา พิธีสอบคัดเลือกครั้งนี้ย่อมตราตรึงใจเขานัก

ไม่ใช่เพียงแค่เซียวเฉิน แต่ทั้งเมืองไพศาลก็คงจะลืมเลือนได้ยาก

"แก่นแท้ของการฝึกฝนคือการแย่งชิง การแย่งชิงทรัพยากร ไม่ว่าจะเคล็ดวิชาและคาถา ยาอายุวัฒนะและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงสมบัติแห่งฟ้าดิน... ทั้งหมดล้วนเป็นทรัพยากร แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์เองก็เป็นทรัพยากร ผู้คนต่างต่อสู้แย่งชิงทรัพยากรเหล่านี้เพื่อแข็งแกร่งขึ้น การต่อสู้จึงมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้แต่ในสำนักการต่อสู้ก็ยังโหดเหี้ยมมาก" จูชิงฮวนกล่าว

"ข้าเข้าใจแล้ว" เซียวเฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น การต่อสู้มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง!

"เนี่ยนปิงถือเป็นลูกศิษย์ประทับนามแล้ว ต่อไปนี้จะมาฝึกฝนที่เรือนเหมย ส่วนเจ้าต้องระมัดระวังทุกอย่าง บางทีอีกไม่นานศิษย์พี่และข้าอาจไม่สามารถ..." จูชิงฮวนพูดไม่จบประโยค ราวกับว่ามีเรื่องกังวลในใจ

สีหน้าเซียวเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย วันนั้นเขาได้ยินบทสนทนาระหว่างจูชิงฮวนและจี้หรูเปย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่เช่นกัน

"เอาเถิด อย่าพูดเรื่องนี้เลย ตอนนี้การฝึกฝนสำคัญกว่า" จูชิงฮวนดึงเนี่ยนปิงออกไปด้วยกัน

"หมัดสำคัญที่สุด"

เซียวเฉินพึมพำ จากนั้นก็นั่งลงและจมดิ่งอยู่กับการฝึกฝนบำเพ็ญ

จัวชิงยังอยู่ โจวหลิงเสวี่ยยังอยู่ ตระกูลหวังยังอยู่... เส้นทางของเขายังอีกยาวไกล!

สามวันต่อมาเซียวเฉินไม่ได้ออกจากเรือนแต่อย่างใด จูชิงฮวนและคนอื่น ๆ เองก็ไม่ได้มารบกวนเขา

กระทั่งขอบเขตทะเลทุกข์เสร็จสมบูรณ์ เซียวเฉินจึงออกมาจากเรือน ครุ่นคิดว่าจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่สูงกว่าได้อย่างไร

สำหรับเขาการไปถึงขอบเขตสะพานชีวาไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากคือการไปถึงขอบเขตสะพานชีวาอย่างแข็งแกร่งที่สุด

เซียวเฉินหารู้ไม่ว่าลึกลงไปใต้เรือนของเขา มีร่างผอมบางในชุดดำเดินผ่านไปตามอุโมงค์ใต้ดินมืดมิด จุดหมายคือห้องหินแห่งหนึ่ง

นี่ย่อมเป็นห้องหินลับที่สร้างไว้ใต้เรือนของเหล่าผู้อาวุโส ทว่าล่วงเลยมาหลายร้อยปีแล้วก็ยังไม่มีผู้อาวุโสคนใดค้นพบห้องหินแห่งนี้

ทางเข้าอุโมงค์นี้มีน้อยคนนักจะรู้จักและมันก็ยากจะสังเกตเห็น ส่วนห้องหินแห่งนี้อยู่ลึกจากพื้นดินลงไปมาก แม้แต่ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตตำหนักลี้ลับขั้นสูงสุดก็ยังไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันได้

"พวกท่านมาเร็วนัก" ร่างผอมบางในชุดดำจุดตะเกียงในห้องหิน เห็นอีกสี่คนในเครื่องแต่งกายเหมือนกันนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านใน

"เร็วกว่าเจ้าเล็กน้อย" อีกคนกล่าวเสียงพร่า

พวกเขาทั้งหมดอยู่ในเสื้อคลุมสีดำ อีกทั้งยังก้มศีรษะอยู่ หากเอ่ยปากคงจำกันไม่ได้

"ในเมื่อมาถึงแล้วทำไมไม่จุดไฟเล่า" ร่างผอมบางในชุดดำถามด้วยรอยยิ้ม

"จุดไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด หัวใจก็ยังดำมืดอยู่ดี" เงาร่างสีดำอีกคนพูดขึ้น คราวนี้เป็นเสียงของหญิงสาว

"มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถิด" น้ำเสียงชราดังขึ้นจากเงาร่างสีดำคนที่สามภายในห้อง

สิ้นคำผู้แข็งแกร่งในชุดดำหลายคน รวมทั้งร่างผอมบางในชุดดำก็พร้อมใจหันมองคนที่ยังไม่พูด!

"ยามนี้ข่าวรั่วไหลรุนแรง สายลับของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาในสำนักแล้ว ข้าอยากลดจำนวนครั้งที่เราพบกันให้น้อยลง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกผู้อื่นจับได้ วันนี้ที่เรียกพวกท่านมาประชุมกันก็เพื่อหารือเกี่ยวกับเด็กหนุ่มในพิธีสอบคัดเลือก"

คนสุดท้ายในคลุมสีดำส่งน้ำเสียงหนักแน่นมีพลัง

"พรสวรรค์และความแข็งแกร่งไม่เลวเลย วิปลาสเหมยรับลูกศิษย์ดีมาคนหนึ่ง แต่เขาจะเทียบกับกายเต๋าโดยกำเนิดได้หรือไม่" ร่างผอมบางในชุดดำถาม

เขาได้เห็นการต่อสู้ของเซียวเฉินในพิธีสอบคัดเลือกทั้งหมด

"ข้าเองก็จะพูดถึงเรื่องนี้ ตามที่ข้ารู้มา เขาและกายเต๋าโดยกำเนิดมาจากเมืองวายุไกล มีความบาดหมางระหว่างกันมากมายนัก" คนสุดท้ายในชุดคลุมดำได้สืบหาที่มาของเซียวเฉิน และเปิดเผยข่าวที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ

"ข้าสนใจเพียงว่าเขาจะเทียบกับกายเต๋าโดยกำเนิดได้หรือไม่ ตระกูลหวังกำลังทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อฝึกฝนนาง" หญิงสาวในชุดคลุมดำพูดด้วยน้ำเสียงกังวล เมื่อกายเต๋าโดยกำเนิดเติบโตขึ้นจะเป็นผู้ไร้เทียมทานในขอบเขตเดียวกัน

"ข้าได้ดูการต่อสู้ของเขาแล้ว ฝีมือของเด็กคนนี้โดดเด่นมาก บางทีเขาอาจจะเป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตของเรา หากแม้แต่เขายังไม่สามารถทำให้แผนของเราสำเร็จได้ นั่นก็เป็นโชคชะตาแล้ว!" เสียงสูงวัยกล่าวในเชิงชื่นชมเซียวเฉิน

"พวกท่านเห็นด้วยที่จะให้เซียวเฉินเป็นส่วนหนึ่งของแผนหรือไม่" ร่างผอมบางในชุดดำมองไปที่คนอื่น ๆ

"ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ต้องทดสอบคุณธรรมและจิตใจของเขาอีกครั้ง เพราะเราไม่อาจพลาดพลั้งได้" หญิงสาวพูดขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทุกคนเงียบไป

วางแผนมานานหลายปี หากล้มเหลวแล้วไม่เพียงแต่สำนัก แต่กองกำลังต่าง ๆ มากมายในเมืองไพศาลก็จะประสบหายนะ

"ข้าจะจัดให้มีการทดสอบเพื่อทดสอบคุณธรรมและจิตใจของเขา ตราบใดที่ผ่านการทดสอบได้ ก็จะให้เขาเข้าร่วมแผนการอย่างเป็นทางการ!" คนสุดท้ายกล่าวหลังครุ่นคิด

"ความจงรักภักดีของเขาสำคัญมาก ไม่จำเป็นต้องจงรักภักดีต่อเรา แต่ต้องจงรักภักดีต่อสำนัก จงรักภักดีต่อสำนัก อย่าเป็นเหมือน..." หญิงสาวยังพูดไม่ทันจบก็ถูกน้ำเสียงชรากล่าวขัด

"อย่าพูดถึงคนทรยศผู้นั้นอีก!"

"วิปลาสเหมยจะยอมให้ลูกศิษย์เป็นส่วนหนึ่งของแผนหรือ" เสียงแหบถามขึ้นในจังหวะนี้

"หากเด็กคนนี้เชื่อถือได้ ข้าจะไปโน้มน้าววิปลาสเหมยเอง"

คนสุดท้ายในชุดคลุมดำลุกขึ้น "เวลาไม่คอยท่า บางทีอีกฝ่ายอาจจะไม่ให้เวลามากมายนัก ข้ากลัวว่าข้าจะทำให้บรรพบุรุษผิดหวังเหลือเกิน!"

"ทำเต็มที่ก็พอแล้ว ไม่ต้องให้ชื่อเสียงเลื่องลือ ขอเพียงไม่ละอายแก่ใจตนเอง" น้ำเสียงชราค่อยเงียบไปจากห้องหิน และร่างของเขาก็หายไปจากอุโมงค์ใต้ดิน

"ขอเพียงไม่ละอายแก่ใจตนเอง"

ร่างในชุดดำต่างก็พูดทวนประโยคนี้ หากพวกเขาถอดชุดคลุมสีดำออกและเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง ใบหน้าของแต่ละคนก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งแคว้นไพศาลสั่นสะเทือน

ถึงกระนั้นเมื่อพวกเขามารวมตัวกันก็ยังคงรู้สึกหมดหนทางในการทำสิ่งที่ต้องทำ

"หวังว่าเด็กคนนี้จะไม่ทำให้เราผิดหวัง" คนสุดท้ายในชุดคลุมสีดำเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้องหิน หลงเหลือไว้เพียงเสียงของเขาที่ยังคงก้องดังอยู่ด้านใน

...

เซียวเฉินในเวลานี้ไม่รับรู้เรื่องราวในห้องหิน เขาฝึกฝนพลังสวรรค์อมตะทั้งคืนแต่ก็ไม่เกิดผลลัพธ์มากนัก

"พลังสวรรค์อมตะ ไม่มีบันทึกวิธีไปถึงขอบเขตสะพานชีวาที่แข็งแกร่งที่สุด"

เซียวเฉินลืมตาขึ้นฉับพลันก่อนส่ายหัวเบา ๆ

การหลอมสะพานชีวาขั้นสูงนั้นยิ่งรากฐานมั่นคงก็ยิ่งแข็งแกร่ง นี่ไม่ใช่ความลับ ศิษย์หลายคนในสำนักรู้กันดี

ทว่าสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว สะพานชีวาของพวกเขามักจะเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับศักยภาพ กำลังภายใน และสายเลือด จะขั้นสูงหรือต่ำนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถควบคุมได้

ทว่ามีบันทึกไว้ว่าหากต้องการฝึกฝนพลังสวรรค์อมตะขั้นต่อไปก็ต้องหลอมสะพานชีวาที่แข็งแกร่งที่สุด มิฉะนั้นจะไม่สามารถทนต่อความรุนแรงของพลังสวรรค์อมตะได้

สิ่งนี้ทำให้เซียวเฉินรู้สึกกังวลเล็กจนนอนไม่หลับทั้งคืน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เซียวเฉินออกจากเรือนเหมยและเดินไปที่หอเรียนของสำนัก

ที่นี่มีหอเรียนหลายสิบแห่ง แต่ละแห่งสอนโดยอาจารย์ที่แตกต่างกัน เนื้อหาที่สอนก็แตกต่างกันไป นักเรียนสามารถเลือกเข้าเรียนได้ตามความต้องการของตนเอง

‘สะพานชีวาขั้นต้น’ เซียวเฉินเห็นป้ายที่แขวนอยู่หน้าหอเรียนแห่งหนึ่ง เขาก้าวเข้าไปด้วยรอยยิ้ม

ทว่าในขณะเขาเดินไป สายตาของศิษย์หลายสิบคนจับจ้องมาที่เขา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด