ตอนที่ 31 คุกเข่าขออภัย?
ตอนที่ 31 คุกเข่าขออภัย?
“เฮ้อ… เกือบไปแล้วไหมล่ะ…” จี้เตี๋ยหลบหนีกลับมายังถ้ำของตนเอง กระทั่งใช้หินปิดทางเข้าเอาไว้อย่างมิดชิด ภายหลังยืนยันแน่ชัดแล้วว่าเจียงโม่หลีไม่ได้ตามตนเองมา ขณะนี้จึงนั่งลงกับพื้นเย็นขณะผ่อนลมหายใจลากยาว
โชคดีที่เขาหลบหนีได้เร็วพอ หากไม่แล้วเกิดโดนเจียงโม่หลีจับได้ขึ้นมา ก็ยากจะทราบแล้วว่าหลังจากนั้นจะเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง
แต่อย่างไรมันก็ต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน!
“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องทะลวงการกลั่นลมปราณขั้นที่หกโดยเร็วที่สุดแล้ว เมื่อใดทะลวงได้สำเร็จจะได้มีกำลังเสมอทัดเทียมกับนาง ถึงเวลานั้นค่อยพยายามอธิบายด้วยดี… ต่อให้นางโกรธแค่ไหน เราก็น่าจะยังพอมีแรงหลบหนีได้อยู่บ้าง…”
จี้เตี๋ยยิ้มขื่นขม ทุกวันที่ผ่านมาเขาต้องอยู่อาศัยอย่างหวาดกลัว เพราะหากยังไม่ทะลวงสู่การกลั่นลมปราณขั้นที่หก เขาก็คงไม่มีทางกล้าไปพบหน้านาง
อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีความมั่นใจ…
ภายหลังรอชั่วระยะหนึ่ง พอคิดว่าช่วงเวลาประมาณนี้เจียงโม่หลีน่าจะกลับไปแล้ว เขาจึงลอบออกมาพลางเปิดตาจับจ้องและสดับรับฟังรอบด้าน โชคดีที่ระหว่างทางไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น เขาสามารถขายผลยกวิญญาณแลกเปลี่ยนเป็นยาทุ่งสมุทรได้จำนวนหนึ่งลุล่วง สุดท้ายจึงกลับถ้ำไปทำการฝึกฝน
ด้วยความช่วยเหลือจากยาทุ่งสมุทร เขาน่าจะสามารถทะลวงสู่การกลั่นลมปราณขั้นที่หกได้ภายในช่วงเวลาครึ่งปี
“ศิษย์พี่หลิว ในที่สุดท่านก็ออกมาจากการเก็บตน! เถาวัลย์เลือดระกาที่ท่านเคยขอให้ข้าไปตามหาก่อนเข้าเก็บตัว ปัจจุบันถูกคนอื่นขโมยไปขอรับ! นอกจากนี้มันยังทำร้ายข้าด้วยขอรับ!” ขณะเวลาเดียวกัน ภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยเครื่องเรือน ชายหนุ่มนามหลิวเหวินปินกำลังปาดเช็ดน้ำตาขณะร่ำร้องบอกกับชายหนุ่มจมูกแบนคนหนึ่ง
“ผู้ใดมันกล้าดีแย่งชิงของของข้าไป?!” หลิวจงที่น้อยคนในยอดเขาโอสถจะกล้ามีเรื่อง เวลานี้กำลังโพล่งโทสะออกมา
พึงทราบว่าเถาวัลย์เลือดระกาเป็นหนึ่งในสมุนไพรวิญญาณที่ใช้เพื่อปรุงยาย้อนฝัน! มันถือเป็นสมุนไพรอันหาได้ยาก และเขาก็เตรียมการมานานเพื่อคว้ามันมาครอบครอง ด้วยเถาวัลย์เลือดระกา เขาจะสามารถปรุงยาย้อนฝันขึ้นมาได้ แต่ยามนี้ถูกช่วงชิงไป มีหรือที่เขาจะไม่โกรธเป็นเดือดเป็นแค้น
“เป็นศิษย์คนหนึ่งขอรับ มันอยู่ที่ยอดเขาโอสถแห่งนี้ เพียงแต่ข้าไม่ทราบนามขอรับ!” หลิวเหวินปินที่ยืนรายงาน เวลานี้ไม่กล้าพูดว่าทั้งหมดเป็นเพราะตนเองละโมบคิดปล้นชิงผู้อื่นก่อน สุดท้ายขโมยไก่ไม่สำเร็จจึงเสียข้าวสาร
เขาบอกกล่าวเพียงแค่ขณะเดินทางอยู่นั้น กลับมีคนผู้หนึ่งเข้ามาขวางทางและบีบบังคับให้ส่งเถาวัลย์เลือดระกาออกมา เพียงเขาปฏิเสธก็พบว่าถูกซ้อมแทบปางตาย!
“สุนัขตัวใดมันหาญกล้า!” หลิวจงที่ได้รับฟังไม่คิดสงสัย เวลานี้จึงโพล่งคำออกมาด้วยโทสะ
“ข้าคิดอยากได้เห็นหน้านักว่าใครมันกล้าดี! ต่อให้ต้องพลิกทั้งยอดเขาโอสถข้าก็จะหาตัวมันให้พบ!”
จี้เตี๋ยหาได้ทราบไม่ ว่าหลิวจงกำลังสาบานหาทางสะสางหนี้แค้นตนเอง เพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่ที่เขาออกไปนอกถ้ำเมื่อครั้งก่อน ก็พบว่าเวลาล่วงเลยมาแล้วหลายวัน
จนตอนนี้เขาออกไปขายผลยกวิญญาณจำนวนหนึ่ง ก่อนจะซื้อยาทุ่งสมุทรมาอีกสามขวด
“ผลยกวิญญาณแทบจะหมดแล้ว…” ระหว่างทางกลับ จี้เตี๋ยตรวจสอบถุงมิติของตนเองพร้อมได้พบ ว่ามันเหลือผลยกวิญญาณไม่มากแล้ว
ผลยกวิญญาณเหล่านี้เป็นเขาเก็บมาช่วงยังอยู่ที่โรงนา ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมามีแต่ขายออกไป จนปัจจุบันเหลืออยู่เพียงแค่สิบหกผล!
แต่นอกจากนั้นก็ยังมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ เพราะก่อนหน้านี้ขายไปเพียงแค่สองอย่าง
จี้เตี๋ยไม่คิดเร่งร้อน เขากำลังครุ่นคิดว่าจะหาทางทำเงินอย่างไร
วิธีการหนึ่งคือการไปซื้อสมุนไพรวิญญาณคุณภาพต่ำเตี้ยมายกระดับด้วยหม้อทองแดง ถัดจากนั้นจึงขายออกด้วยราคาสูงลิ่ว และเริ่มทำวนซ้ำกระบวนการเดิมจนกระทั่งแลกศิลาวิญญาณมาได้มากมาย
เพียงแต่มันไม่ใช่วิธีการที่ดี ดังนั้นเขาจึงเลือกแอบขายผลยกวิญญาณ
และหากว่าผลยกวิญญาณถูกขายจนหมด เขาก็คงต้องกลับไปใช้วิธีการแรก
แต่แล้วตอนนี้เองที่เสียงราวกับยินดีพลันดังมาจากทางด้านหน้า
“ศิษย์พี่หลิว คนที่ขโมยถุงมิติของข้าไปเป็นมันขอรับ!” อีกฝ่ายที่ตะโกนออกมาคือหลิวเหวินปิน คนที่ก่อนหน้านี้พยายามปล้นชิง แต่สุดท้ายถูกปล้นชิงกลับเสียแทน
และเห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายยังไม่หายดี สีหน้าจึงยังค่อนข้างซีดเซียว
จี้เตี๋ยที่ได้ยินเสียงเอะอะจึงเงยหน้าขึ้นมอง เขาเมินเฉยหลิวเหวินปินก่อนจะหันมองทางชายหนุ่มที่ยืนข้างเคียง
อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มจมูกแบนคิ้วหนา ร่างกายเผยพลังการกลั่นลมปราณขั้นที่ห้าแผ่พุ่งขณะจ้องมองมาทางจี้เตี๋ย
“ไอ้หนู กล้าดีอย่างไรขโมยของของข้า ขอถามว่าไม่รู้จักนามของหลิวจงผู้นี้หรืออย่างไร!” หลิวจงขึ้นเสียง เพราะกว่าจะตามหาตัวจี้เตี๋ยเพื่อทวงสมุนไพรวิญญาณกลับคืนเจอได้ คนทั้งสองต้องเที่ยวเตร่ไปทั่วยอดเขาโอสถตลอดสองวัน
เรื่องราวเกินคาดคิดคือจี้เตี๋ยราวกับหายตัวไปทั้งอย่างนั้น ทำให้พวกเขาลงแรงสองวันโดยสูญเปล่า!
หลิวเหวินปินที่มีคนหนุนหลัง เวลานี้จึงกลับมาแสดงท่าทีอวดดีอีกครั้งหนึ่ง
“ไอ้หนู ศิษย์พี่หลิวคือผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณขั้นที่ห้า ทั้งยังเป็นนักปรุงยาขั้นกลางระดับหนึ่ง เจ้าควรตระหนักรู้และโขกศีรษะยอมรับความผิดพลาดเสีย ถัดจากนั้นจงส่งถุงมิติมาแต่โดยดี แล้ว…”
ก่อนอีกฝ่ายจะทันพูดอะไรจบ นาคาอัคคีพลันพุ่งทะยานเข้าหาเขาเสียแล้ว
หลิวเหวินปินไม่คาดคิดว่าจะถูกโจมตีอย่างกะทันหันจนไม่มีเวลาหลบเลี่ยง เขาถึงกับต้องกระอักเลือดออกมาพร้อมร่างกระเด็นลอยลิ่ว สุดท้ายร่างจึงร่วงหล่นกระแทกพื้นไปไกล
อาการบาดเจ็บที่เดิมยังไม่หาย ปัจจุบันกลับเลวร้ายลง จนผ่านไปนานเขาก็ยังลุกขึ้นไม่ไหว
“กลั่นลมปราณขั้นที่ห้า!” หลิวจงที่ยืนเฉยด้านข้างกำลังจับจ้องจี้เตี๋ยด้วยสายตาดำมืด
“ไอ้หนู รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ขอแนะนำให้เจ้าคุกเข่าลงและยอมรับความผิดพลาดเสียเดี๋ยวนี้!”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้โอกาส จงคุกเข่าลงและยอมรับความผิดพลาดในสิ่งที่ก่อ แล้วข้าจะให้อภัยละเว้นปล่อยเจ้ารอดพ้น!” จี้เตี๋ยที่เริ่มโกรธจึงเอ่ยคำสวนกลับทันควัน
เรื่องราวพลิกผัน อีกฝ่ายกลับสวนคำเดียวกันว่าให้เขาคุกเข่ารับทราบความผิดและขออภัย มันคิดว่าเขาเป็นตัวอะไร!?
ชั่วชีวิตนี้ เขาไม่เคยคุกเข่าให้ใครเว้นแต่บุพการี!
“ดี ดี ดี!” หลิวจงเผยสีหน้าดำมืดขณะทวนคำเดิมซ้ำออกมาถึงสามรอบ
“ทำได้ดีมาก อวดดีไม่มีที่สิ้นสุด งั้นจงแสดงให้ข้าได้เห็นว่าเจ้าแข็งแกร่งสักแค่ไหน!” หลิวจงที่โกรธเกรี้ยวจนถึงที่สุด เวลานี้จึงหยุดเสียเวลาสนทนา เขาพุ่งทะยานร่างออกไปในพริบตา ขณะเดียวกันนี้เองที่นาคาอัคคีสองตัวเบิกทางตรงหน้าพร้อมพุ่งโจมตีเข้าหาจี้เตี๋ย
“ไสหัวไป!” ดวงตาจี้เตี๋ยเผยประกายเย็นเยือกขณะใช้พลังวิญญาณแปรสภาพเป็นนาคาอัคคีสองตัวพุ่งทะยานออก
ตู้ม! คลื่นความร้อนจากนาคาอัคคีที่ปะทะกันกลางอากาศปะทุออก กลุ่มควันสีขาวเริ่มฟุ้งกระจาย แต่แล้วตอนนี้เองที่มีหมัดผอมบางแทรกผ่านมาจากกลุ่มควัน!
หลิวจงแค่นเสียงเย้ยหยัน เพียงแต่เขาไม่ได้รีบร้อนรุกไล่ เวลานี้จึงต่อยหมัดสวนกลับไป
ตึง! สองหมัดปะทะกันกลางอากาศ ร่างของคนทั้งสองต่างถอยอย่างรุนแรงแทบจะในเวลาเดียวกัน!
จี้เตี๋ยเร่งร้อนประคองสมดุลร่างกายขณะโบกแขนเสื้อ พลังวิญญาณของเขาเริ่มม้วนตัวอยู่ใต้พื้นจนเป็นการดึงก้อนกรวดขึ้นมาฝุ่นตลบ!
แม้ว่าหลิวจงจะเป็นผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณขั้นที่ห้า แต่อีกฝ่ายใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปรุงยา ดังนั้นจึงแทบไม่เคยเข้าร่วมการต่อสู้มากมายนัก กล่าวคือขาดประสบการณ์ ยามนี้พบเห็นเศษก้อนกรวดจำนวนมากฟุ้งกระจายและกระเด็นเข้าหาตน เขาจึงเร่งร้อนยกแขนขึ้นมาป้องกันใบหน้าเอาไว้!
โชคดีที่ก้อนหินซึ่งเข้าปะทะไม่ใช่รุนแรง อย่างไรแล้วเขาก็เป็นผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณขั้นที่ห้า อาการบาดเจ็บเล็กน้อยทางกายเนื้อแทบจะเป็นอะไรที่สามารถมองข้ามได้!
เพียงแต่เขากำลังโกรธจัด!
ขณะกำลังจะลงมืออีกครั้ง จี้เตี๋ยกลับเข้าประชิดเป็นประหนึ่งเงามืดของร่างกาย เพื่อฉกฉวยโอกาสตอนที่เขาเสียสมาธิลงมือจัดการ ด้วยเหตุนี้เพียงมาหยุดยืนปรากฏตัวตรงหน้าอีกฝ่าย จี้เตี๋ยจึงซัดหมัดเข้าใส่หน้าโดยไม่รีรอ!
“อั่ก!” หมัดนี้เป็นเหตุให้จมูกที่แบนอยู่แล้วยุบตัวลง กระทั่งมีเลือดไหลหลั่งพร้อมความรู้สึกหวานปนเปรี้ยวขมทะลักลงคอ
“รนหาที่ตาย! ว๊าก!” หลิวจงโกรธเกรี้ยวจนขาดสติ เขาที่เป็นถึงผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณขั้นที่ห้า และเป็นนักปรุงยาขั้นกลางระดับที่หนึ่ง มีหรือจะเคยประสบพบเจอเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน!
หาได้คาดคิดไม่ว่าเขาจะได้รับคำตอบเป็นหมัดที่ซัดเข้าใส่จนฟันกระเด็นหลุดจากปาก กระทั่งกระอักเลือกคำโตพร้อมน้ำลายฟูมฟอด! สติของเขาเริ่มพร่าเลือนขณะเริ่มพูดไม่เป็นคำแล้ว!
อึดใจถัดมาเขาจึงถูกเตะกระเด็นลิ่ว! สุดท้ายร่างไปร่วงหล่นกระแทกพื้นอยู่ไกลห่าง กระทั่งว่าผ่านไปนานแล้วก็ยังลุกขึ้นไม่ได้!
จี้เตี๋ยไปหยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่ายพร้อมเหยียบย่ำลงบนหน้าอก สายตาของเขาทอประกายเย็นเยือกและเงียบงัน นับจากช่วงเวลาที่ลงมือจนถึงเมื่อครู่ เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดออกมาแม้แต่น้อย
“เมื่อครู่บอกให้ข้าคุกเข่าร้องขออภัยต่อคนเช่นเจ้างั้นหรือ?!”