ตอนที่แล้วบทที่ 167 สังเวยเลือดเพื่อพิชิตมัน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 169 เจ้าหรือ เป็นอัจฉริยะ!

บทที่ 168 แผ่นหยกประจำตัวนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาว


ก่อนรุ่งสางวันนี้ ทั่วทั้งเมืองเสินเจี้ยนต่างกำลังเดือนพล่านด้วยผู้คนนับพัน ที่ต่างออกมาเตรียมพร้อมเข้าชมการแข่งขันหลอมโอสถกันอย่างหนาแน่น

“ในที่สุด วันนี้ก็มาถึงเสียที” หยางเสี่ยวเทียนกล่าว หลังลืมตาตื่นจากการนั่งบ่มเพาะทั้งคืน ขณะลุกยืดเส้นยืดสาย

วันนี้ เขาก็เป็นอีกผู้ ที่กำลังเฝ้ารอการแข่งขันหลอมโอสถอันน่าตื่นตาไม่ต่างจากคนอื่นๆ

หลังแต่งตัวเรียบร้อย เขาก็ออกจากเรือนหลักมายืนรอหลัวชิง กลุ่มเลี่ยวคุณ อัต และอาลี่ หน้าลานขณะให้คนไปตามอยู่ครู่ ทันทีที่ทุกคนมากันครบ พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนตัวมุ่งไปยังจุดหมาย

แต่ขณะเดินผ่านลานเรือนของอูฉี และเห็นว่าทั้งอาจารย์กับศิษย์อยู่กันพร้อมหน้า เขาจึงเอ่ยชักชวนพวกเขาทุกคนเผื่อสนใจเข้าชมด้วยอย่างมีไมตรี

เมื่อบรรดาศิษย์และอูฉีทราบว่าหยางเสี่ยวเทียน กำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันของเหล่านักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาววันนี้ พวกเขาก็พลันรู้สึกตื่นเต้นทันที

ทุกวันนี้ พวกเขาไม่มีโอกาสได้เจอนายน้อยหลอมโอสถเลยสักครั้ง กระทั่งในที่สุด พวกเขาก็รู้ว่ามีโอกาสเห็นนายน้อยของพวกเขา มีสิทธิ์เข้าร่วมประชันความสามารถในการหลอมโอสถ พร้อมทั้งได้ประจักษ์แก่สายตาตนเองว่าทักษะเขาเป็นเช่นไร

แม้พวกเขาจะเชื่อ ว่าหยางเสี่ยวเทียนผ่านการทดสอบเป็นนักปรุงโอสถจริง แต่พวกเขาก็ยังต้องการเห็นด้วยตาตนเอง ว่าหยางเสี่ยวเทียนสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับต่ำได้จริงหรือไม่ ภายในเวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา

หลังออกจากจวนรวมเข้ากับคนมากมายบนท้องถนน ความหนาแน่นก็เพิ่มขึ้น

การแข่งขันของนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาวในครั้งนี้ นับเป็นเหตุการณ์อันควรบันถึงลงประวัติศาสตร์ ด้วยผู้คนให้ความสนใจกันอย่างคึกคักกว่าครั้งไหนๆ

แม้แต่เหล่าวิญญาจารย์ผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรโดยรอบ ยังเดินทางร่วมเข้าชมด้วย ขนาดต้องรอนแรมกว่าจะมาถึงเมืองเสินเจี้ยนตั้งหลายวัน

“เจ้าได้ยินข่าวลือที่ว่าองค์ชายรองเฉิง พิชิตหนึ่งในไฟวิญญาณสำเร็จแล้วหรือไม่ ข้าว่า ในการแข่งขันนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาวครานี้ องค์ชายเฉิงหลงจะต้องชนะ เป็นอันดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน!”

“ถึงองค์ชายเฉิงจะพิชิตหนึ่งในไฟวิญญาณได้ แต่อย่าได้ลืมคุณหนูเฉินจื่อฮาน ที่เก่งกาจแลไม่อาจวางใจได้เช่นกัน”

“แสดงว่าเจ้ายังไม่รู้เรื่องนี้ใช่หรือไม่ ไฟวิญญาณที่องค์ชายเฉิงพิชิตได้นั้น คือเปลวไฟซากวิญญาณศีตละเชียวนะ ทั้งข้ายังได้ยินมาอีก ว่าปรมาจารย์เจียงหยู่รับองค์ชายเป็นศิษย์แล้ว ทำให้ทักษะการหลอมโอสถของเขา ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดมากเลยด้วย”

“อะไรนะ ท่านเจียงหยู่! ท่านเจียงหยู่ ปรมาจารย์นักปรุงโอสถในตำนานแห่งจักรวรรดิเทียนโตวผู้นั้นนะหรือ”

กลุ่มศิษย์พร้อมทั้งบรรดาคนจากตระกูลน้อยใหญ่หลายคน ต่างกำลังพูดคุยถึงข่าวสารที่ได้รับมากันตื่นเต้นในอาการกระวนกระวายอย่างกับลิงค่าง

แตกต่างกับการแสดงออกของหยางเสี่ยวเทียน ผู้ยังคงเหมือนเดิมหลังได้ฟังเรื่องราวจากคนเหล่านั้นที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้า

ในบรรดาเปลวไฟแห่งสวรรค์และโลก ไฟวิญญาณนับว่าทรงพลังหรือแข็งแกร่งน้อยมาก แต่กลับมีอยู่นับหมื่นชนิดแลหลากหลายประเภทเช่นกัน

ซึ่งเปลวไฟซากวิญญาณศีตละ หนึ่งในไฟวิญญาณที่พวกเขากล่าวถึง แข็งแกร่งเป็นอันดับพันหกร้อยสาบสิบเอ็ดเท่านั้น

เมื่อหยางเสี่ยวเทียนพร้อมผู้ติดตามเขา เข้ามายังโถงของสมาคมนักปรุงโอสถ เฉิงเป้ยเป้ยและเหล่าวิญญาจารย์คนอื่นๆ จากอาณาจักรเสินไห่ก็ยืนรออยู่ในโถงแล้วเช่นกัน

“พี่รอง นั่นเขา หยางเสี่ยวเทียน!” ดวงตาเฉียบคมของเฉิงเป้ยเป้ย ผู้จดจำลักษณะท่าทางของคนที่นางเกลียดชังได้ขึ้นใจ ยกมือชี้ไปที่หยางเสี่ยวเทียนทันทีที่เห็นเขาปรากฏตัว

บุรุษหนุ่มที่ยืนเชิดอกตรงอยู่ข้างนางคือเฉิงหลง สวมชุดคลุมมังกรเจียวหลงอันแสดงให้เห็นถึงความเป็นชนชั้นสูงของเขาได้น่าพึงใจ

เขาจ้องมองไปยังหยางเสี่ยวเทียนขณะกำลังเดินผ่าน พร้อมเปิดปากกล่าวทันที “เจ้าคือหยางเสี่ยวเทียนสินะ”

น้ำเสียงเขาดูไม่เป็นมิตร ด้วยแค้นเคืองแทนผู้เป็นน้องหญิงที่เขาเอ็นดูทะนุกถนอมกระทั่งพร้อมปกป้องอย่างหวงแหนเสมอมา

แต่เด็กนามหยางเสี่ยวเทียนผู้นี้ กลับกล้าแตะต้องน้องหญิงเขาถึงสองครั้ง ทั้งยังได้รับบาดเจ็บทุกครั้งอย่างแสนสาหัสพร้อมกับความอับอาย

แม้ท่านพ่อจะสั่งห้ามมิให้เอาเรื่องและเลิกแล้วต่อหยางเสี่ยวเทียน แต่เขาก็ไม่อาจทนเห็นเด็กผู้นี้เดินลอยหน้าลอยตา มิมีเกรงกลัวหรือคิดยำเกรงแก่คนของราชวงศ์อาณาจักรเสินไห่เลย

หยางเสี่ยวเทียนเพียงเหลือบมองเฉิงหลง พร้อมเดินนำอูฉี หลัวชิง และคนอื่นๆ ผ่านเขาไปในจัตุรัส โดยไม่คิดสนใจหรือแม้แต่หยุดฟังสักเล็กน้อย

ทำสีหน้าของเฉิงหลงพลันมืดลงทันที เมื่อท่าทีหยางเสี่ยวเทียนแสร้งเป็นเมินเฉยต่อเขา อย่างไร้ซึ่งความเคารพนับถือผู้เป็นถึงองค์ชาย

ในฐานะองค์ชายสองแห่งอาณาจักรเสินไห่ เขาเคยได้รับการปฏิบัติตนจากสามัญชนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน น่าอัปยศสิ้นดี!

“พี่รอง เห็นความเย่อหยิ่งของหยางเสี่ยวเทียนแล้วหรือไม่” เฉิงเป้ยเป้ยเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งบันดาลโทสะ ขณะมีสีหน้าบูดบึ้งเอาแต่ใจ

“ท่านต้องสอนบทเรียนให้เขา แทนข้าอย่างสาสมกับท่าทีอวดดีเช่นนั้น!” นางพล่ามปากเสริมพรํ่าขอผู้เป็นพี่ชายอย่างไม่รั้งรอทันที

“วางใจเถอะ ข้าจัดการเขาได้แน่” เฉิงหลงถลึงตามองตามหยางเสี่ยวเทียนอย่างเย็นชา

จากนั้นพวกเขาที่ยืนรอเฉินจื่อหาน หูซิง และคนอื่นๆ ก็พร้อมเดินเข้าไปในจัตุรัส หลังมากันครบ

ซึ่งทันทีที่ เฉิงหลง เฉินจื่อหาน หูซิง และคนอื่นๆ เห็นหยางเสี่ยวเทียนเดินไปยังจุดรวมเฉพาะผู้เข้าร่วมแข่งขันหลอมโอสถ ทั้งหมดก็ต่างนิ่งค้างตกใจ

“หยางเสี่ยวเทียนคงไม่เข้าร่วมแข่งขันหลอมโอสถด้วยหรอกมัง” องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างเฉิงเป้ยเป้ยกล่าวขึ้น

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันหลอมโอสถ กำหนดเฉพาะผู้เป็นเพียงนักปรุงโอสถเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันได้

ท่ามกลางความชะงักงัน พวกเขาก็ต่างคิดแลภาวนาถึงเรื่องอันเป็นไม่ได้ ว่าคนเช่นหยางเสี่ยวเทียนต้องไม่มีสิทธิ์ ซึ่งขณะทั้งหมดร้องขอต่อสวรรค์อยู่นั้น เฉิงหลง เฉินจื่อหาน หูซิง และคนอื่นๆ ต่างได้เบิกตาสับสน เมื่อเห็นหยางเสี่ยวเทียนหยิบแผ่นหยกประจำตัวนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาวออกมา

“แผ่นหยกประจำตัวนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาวรึ”

“หยางเสี่ยวเทียน ทดสอบเป็นนักปรุงโอสถผ่านจริงเช่นนั้นหรือ”

ทุกคนต่างได้ตะลึงลานกันอีกครั้ง ก่อนจากนั้นจะหันมองไปยังเฉินจื่อหานและเฉิงเป้ยเป้ย พวกนางไม่ได้กล่าวเสมอมาหรือ ว่าหยางเสี่ยวเทียนหลอกผู้คนว่าเป็นนักปรุงโอสถของหอสมาคม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด