บทที่ 127: ค่ำคืนนองเลือดอันยาวนาน (ตอนฟรี)
บทที่ 127: ค่ำคืนนองเลือดอันยาวนาน (ตอนฟรี)
“เราบริสุทธิ์นะ!”
“เราทุกคนต่างก็เป็นพลเมืองที่ภักดี เป็นไปไม่ได้ที่เราจะกบฏ!”
“ผู้ว่าการอยู่ที่ไหน? ข้าอยากพบผู้ว่าการมณฑล!”
เมื่อเห็นว่าลู่หยวนกล้าที่จะดำเนินการและทำเช่นนั้นจริงๆ เหล่าผู้นำตระกูลที่หยิ่งผยองในตอนแรกก็ตื่นตระหนกขึ้นมาโดยทันทีและเริ่มร้องขอความเมตตาและขอโอกาส
แน่นอนว่ายังมีคนที่เลือดร้อนมากกว่าอีกด้วย
เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้ไม่ได้วางแผนที่จะแสดงความเมตตาใดๆ และทุกอย่างไม่สามารถจบลงด้วยความสันติได้ พวกเขาจึงตะโกนเสียงดัง
“ทุกคน พวกสุนัขของรัฐบาลเหล่านี้จะไม่ไว้ชีวิตเรา ในเมื่อความตายนั้นแน่นอน งั้นเราก็มาต่อสู้กับพวกมันกันเถอะ!”
“ถูกต้อง การรอความตายอยู่เฉยๆ นั้นไม่ใช่ทางเลือก หากเราสามารถหลบหนีและรอดออกไปได้ ข้าก็จะไปรวบรวมคนมาเพื่อฆ่าพวกสุนัขรับใช้รัฐบาลเหล่านี้ทั้งหมด!”
“ข้ารู้ว่าเราไม่สามารถไว้ใจเจ้าหน้าที่สุนัขพวกนี้ได้อยู่แล้ว ตามข้ามาและสังหารพวกมัน!”
ในขณะที่ผู้นำของห้าตระกูลใหญ่ยังคงอ้อนวอน ผู้ที่มีวรยุทธ์ทั้งหัวหน้าแก๊งและพวกชาวป่าก็เริ่มคำรามและรีบพุ่งไปที่ประตูแล้ว
แต่พวกเขาก็เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเมื่อได้ยินเสียงสายรั้งธนูถูกปล่อยออกมา จากนั้นลูกธนูหลายสิบลูกก็ตกลงมาใส่พวกเขา
คนเหล่านี้มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง และไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าผู้ว่าการมณฑลจะกล้าโจมตีพวกเขาซึ่งเป็นผู้นำในท้องถิ่น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้นำอาวุธใดๆ ติดตัวมาด้วย
ในเวลานี้ พวกเขาไม่มีอาวุธ และถึงแม้ว่าบางคนจะมีทักษะวรยุทธ์ที่ดีและจะสามารถใช้มือเปล่าเพื่อเบี่ยงเบนลูกธนูได้ อย่างไรก็ตาม มันก็มีเพียงห้าถึงหกคนเท่านั้นที่พุ่งไปข้างหน้า ในขณะที่ลู่หยวนได้จัดเตรียมนักธนูจำนวน 30 คนซึ่งล้วนมีทักษะการยิงธนูเอาไว้แล้ว
ตอนนี้พวกเขาติดตั้งธนูให้กับกองทัพแล้ว ผู้คนหลายสิบคนระดมยิงพร้อมกัน ไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นใด เมื่อเผชิญหน้ากับห่าลูกธนู พวกเขาก็ยังต้องพบกับจุดจบ
“บัดสบบ!”
แน่นอนว่าภายใต้ฝนลูกธนูที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่ตั้งใจ ผู้ที่พุ่งไปข้างหน้าก็ถูกแทงทะลุโดยทันทีและดูเหมือนกับรังผึ้ง เชาไม่สามารถเข้าใกล้ประตูได้อีกต่อไป แน่นอนว่ามีคนฉลาดหนึ่งถึงสองคนที่ไม่รีบเร่ง แต่กลับพยายามหลบหนีผ่านหน้าต่างทั้งสองด้านของห้องโถงแทน
อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนก็ได้วางทหารหุ้มเกราะไว้ที่ทั้งสองด้านของห้องโถงมานานแล้ว พวกเขาทั้งหมดได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี โดยพวกเขาทั้งหมดล้วนบรรลุกำลังภายในแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่พวกเขาเริ่มลงมือ เหล่าทหารยามที่อยู่รอบๆ ห้องก็เริ่มชักอาวุธของตนออกมาและเข้าร่วมวงด้วยเช่นกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับการปิดล้อมของผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันหลายคนที่มีอาวุธและชุดเกราะ ผู้คนที่ไม่มีอาวุธเหล่านี้ก็ไม่มีทางสู้ได้เลย โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาจะต้องตายภายในไม่กี่กระบวนท่าแน่นอน
ในเวลานี้ หลังจากที่สังหารผู้ที่พยายามจะฝ่าวงล้อมออกไปแล้ว นักธนูก็ยังไม่หยุด
ฝนลูกธนูพุ่งผ่านไปอีกระลอก และผู้นำตระกูลที่ร้องขอความเมตตาในห้องโถงก็ถูกส่งไปตายในทำนองเดียวกัน
ตั้งแต่วินาทีที่ “สัญญาณเริ่มงานเลี้ยง” ดังขึ้น มันก็ใช้เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้นก่อนที่แขกทั้งหมดจะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ ลู่หยวนทำเพียงยิงธนูดอกแรกเท่านั้น
สำหรับการจัดการกับคนเหล่านี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาซึ่งเป็นปรมาจารย์ระดับสูงต้องดำเนินการใดๆ มากนัก แค่ทหารของรัฐบาลก็เพียงพอแล้ว
“แม้ว่าพวกเขาจะเป็นปรมาจารย์ในโลกยุทธ์ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพขนาดใหญ่และห่าลูกธนูที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ต้องตายแน่นอน! ข้ารู้สิ่งนี้ดี ดังนั้นข้าถึงไม่เคยทำอะไรโง่ๆ แบบพวกเจ้าไง”
เขามองดูศพรอบๆ และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากนั้นเขาก็หันไปหาลูกน้องของเขาแล้วพูดว่า “โจวชิง, หม่าหยิง, เทียนเว่ย, ซูเปียว”
ลู่หยวนระบุชื่อสี่ชื่อติดต่อกัน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นลูกน้องของเขา จากนั้นเขาก็สั่งว่า “พวกเจ้าปฏิบัติตามแผนเดิมโดยทันที และนำผู้คนไปกำจัดกลุ่มกบฏที่เหลืออยู่เหล่านั้นซะ ตอนนี้หัวหน้าของพวกมันหายตัวลงนรกไปแล้ว และคนเหล่านั้นก็เหมือนกับมังกรไร้หัว พวกมันคงจะหลงทางและสับสน”
“และตามที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ กลุ่มกบฏหลักทั้งหมดจะถูกประหารชีวิต และทรัพย์สินของพวกมันจะถูกยึด”
“ข้าต้องการให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในคืนนี้ มันจะต้องไม่มีกลุ่มกบฏอีกต่อไปในมณฑลอู๋กัง”
“ตามท่านบัญชา”
โจวชิงและคนอื่นๆ ก้าวไปข้างหน้าและรับคำสั่ง จากนั้นจึงหันหลังและออกไปจากประตู พวกเขาแต่ละคนนำคนร้อยคนมาอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพวกเขา และเริ่มทำความสะอาดเก็บกวาดกลุ่มกบฏทีละบ้านตามแผนเดิม
คนแรกที่ต้องทนทุกข์ทรมานคือคนรับใช้และคนคุ้มกันที่รออยู่ที่ทางเข้าสำนักงานเทศมณฑล
คนสนิทของหัวหน้ากบฏเหล่านี้เป็นคนแรกที่ถูกจัดการลงโดยตรง พวกเขาถูกทหารประจำมณฑลเดินทัพออกมาสังหารอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น โจวชิงและสารวัตรอีกสามคนต่างนำผู้ใต้บังคับบัญชาของตนมุ่งหน้าไปในทิศทางที่แตกต่างกันภายในมณฑล
ในเวลาไม่นาน สถานที่ต่างๆ ทั่วทั้งมณฑลก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงครวญครางครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่ไฟบางส่วนเริ่มลุกลามและทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสว
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านในเมืองตื่นขึ้นจากเสียงดัง พวกเขาตกใจมากจนคิดว่ามีโจรเข้ามาในเมืองจึงรีบปิดประตูบ้านของตน
จากนั้นพวกเขาก็หมอบลงข้างหน้าต่าง มองผ่านรอยแยก และกลัวที่จะมองออกไปข้างนอก
ราตรีนองเลือดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ขณะที่โจวชิงและคนอื่นๆ กำลังนำทัพไปสังหารพวกโจรกบฎ ลู่หยวนก็ให้สารวัตรที่เหลืออีกคน ซูเปียว เฝ้าสำนักงานเทศมณฑลร่วมกับลูกน้องของเขาและคอยระวังการโจมตีจากพวกโจร
หลังจากจัดการสถานการณ์เสร็จแล้ว เขาก็กลับมาที่สนามหลังบ้านของสำนักงานเทศมณฑลเพื่อพบเพื่อนของเขา
ณ ศาลาในสวนหลังบ้าน
ซุนซือเหวินยืนอยู่บนราวบันได มือของเขาไพล่หลังพลางเดินไปมา
เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนของเขาเดินเข้ามา เขาก็ถามว่า “ทุกอย่างเสร็จแล้วหรอ?”
ลู่หยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “”แน่นอน มันเสร็จแล้ว ท่านไม่เชื่อใจข้าหรอ?”
ซุนซือเหวินรู้สึกโล่งใจ แต่เขาก็ยังคงกังวล “ตามคำบอกเล่าของสายลับ พวกกบฎห้าตระกูลและสองแก๊งหากรวมกำลังกันก็จะมีคนประมาณหนึ่งพันคน”
“โจวชิงและคนอื่นๆ นำคนไปทั้งหมดเพียงสี่ร้อยคนเท่านั้น ด้วยจำนวนศัตรูที่มากกว่าเราหลายต่อหลายเท่า เจ้าไม่คิดว่าเรามีคนน้อยเกินไปหน่อยหรอ?”
ลู่หยวนส่ายหัวและยิ้ม “พี่ซุน ท่านคิดมากไปแล้ว แค่ทหารสี่ร้อยคนก็เกินพอแล้ว อันที่จริง ข้าคิดว่ามันมากเกินไปด้วยซ้ำ”
เขาได้เตรียมการอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วในคืนนี้ และโจวชิงและคนอื่นๆ ต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสาม ซึ่งแต่ละคนก็เป็นผู้นำทหารหุ้มเกราะกว่าร้อยคน
กลุ่มกบฎในเมืองที่ผู้นำถูกสังหารและไม่ได้เตรียมตัวมาเลยจะเป็นศัตรูของพวกเขาไปได้อย่างไร?
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือรอให้โจวชิงและคนอื่นๆ สังหารกระดูกสันหลังของกลุ่มกบฏ กำจัดผู้ก่อปัญหา และคนทรยศที่เหลือก็จะกระจัดกระจายกันไปเอง
ตอนนี้ซุนซือเหวินแค่กังวลและสับสน แต่หลังจากคืนนี้ผ่านไป ทุกอย่างจะคลี่คลาย และเขาก็สบายใจได้
“ข้าขออธิษฐานต่อสวรรค์ขอให้พวกเราประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นในคืนนี้”
ซุนซือเหวินแทบไม่เคยสวดมนต์มาก่อน แต่การทำสิ่งนี้ก็ช่วยให้เขาสงบสติอารมณ์ได้ในขณะนี้
ลู่หยวนมองไปที่รูปลักษณ์ของเพื่อนของเขา เขายิ้มและนั่งลงข้างๆ อีกฝ่าย ฝึกกำลังภายในของเขาอย่างเงียบๆ
แม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่เป็นไรและเชื่อว่าปฏิบัติการคืนนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เขาก็ยังกลัวว่าจะมีปลาหลุดลอดผ่านอวนมาได้อยู่เหมือนกัน
หากกลุ่มโจรที่เหลือกระสับกระส่ายและพยายามหันกลับมาลอบสังหารซุนซือเหวินแทน มันก็คงจะยุ่งวุ่นวายมากแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เอง หากเขาไม่เฝ้าดูเพื่อนของเขา เขาก็คงจะไม่รู้สึกสบายใจเป็นแน่
ค่ำคืนผ่านไปอย่างช้าๆ
เสียงกรีดร้องและความโกลาหลภายในเมืองค่อยๆ บรรเทาลง และไฟก็มอดลง
ในไม่ช้าแสงสีทองซีดของรุ่งอรุณก็ปรากฏบนขอบฟ้า
หลังจากฝึกฝนกำลังภายในตลอดทั้งคืน ลู่หยวนก็ได้ยินเสียงดังและลืมตาขึ้น เขาจ้องมองไปที่ลูกศิษย์ของเขาที่เดินเข้ามาจากลานบ้าน
ชุดเกราะของโจวชิงส่วนใหญ่เปื้อนไปด้วยเลือด และใบหน้าของเขาก็ยังคงแสดงร่องรอยของความตื่นเต้น ในขณะนี้ เขาเดินไปหาอาจารย์ของเขาและทำความเคารพ “ท่านอาจารย์ ห้าตระกูลและสองแก๊งได้ถูกสังหารลงในการต่อสู้เมื่อคืนแล้ว”
ซุนซือเหวินอยู่เคียงข้างเขาทั้งคืนและเพิ่งจะหลับไป แต่กระนั้นเขาก็สะดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาตื่นตัวขึ้นมาโดยทันที
ใบหน้าของเขาเองก็สดใสขึ้นมาโดยทันที..