ตอนที่ 5 เส้นทางของขุนนางผู้โกงกิน
เวลานี้ หลินเจี้ยนเฉิง เสนาบดีกรมพิธีการเพิ่งทำงานที่กรมพิธีการเสร็จ เขากลับไปจวนหลังใหญ่รอบนอกของเมืองหลวง
“ท่านพ่อ ท่านกลับมาแล้ว!”
หลินเจี้ยนเฉิงเจอเข้ากับลูกชายเขา หลินฟาง พอเห็นท่าทางของหลินฟาง หลินเจี้ยนเฉิงก็รำคาญ!เด็กนี่ต้องสร้างเรื่องอีกแล้ว!หลินเจี้ยนเฉิงคือปราชญ์ชั้นนำ แต่ลูกชายเขาหลินฟางไม่สืบพันธุกรรมเขามาแล้ว คะแนนของหลินฟางที่สำนึกศึกษากระจอกมาก แถมเขายังไล่คนสอนไปแล้วแปดคน
อีกด้าน ลูกสาวเขาหลินว่านเอ๋อร์ ร่วมกับหลินฟาง ได้รับคำชี้แนะของหลินเจี้ยนเฉิงที่บ้าน นางมีสติปัญญาสูง และเชี่ยวชาญอะไรๆตั้งแต่เด็ก
ส่วนเขาเติบโตจนกลายเป็นเสนาบดีกรมพิธีการ ขุนนางขั้นสูงแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน ลูกสาวเขาคือจักรพรรดินี และแม้หลินฟางจะไม่ได้เรื่อง ก็ยังได้รับแต่งตั้งเป็นขุนนางขั้นจ็ดในกรมแรงงานเพราะภูมิหลังครอบครัว
ในราชวงศ์ต้าเฉียน มีคำบอกที่ว่าเสนาบดีมาจากบัณฑิต ขุนนางขั้นเจ็ดที่ได้รับแต่งตั้งเพราะครอบครัวคือจุดสิ้นสุดของสายอาชีพแล้ว ดังนั้น หลินฟางจึงไม่มีความทะเยอทะยานในราชการและใช้ชีวิตกับการเที่ยวเล่นหลังเลิกงาน
พอเห็นลูกชายไม่ได้ความ หลินเจี้ยนเฉิงก็โกรธ เขาถาม“เจ้าจะไปไหน?”
หลินฟางก้มหัว“ข้าจะไปกินข้าวเย็นกับเพื่อน”
หลินเจี้ยนเฉิงมองลูกชายเหยียดๆ โบกมือ”ไป แล้วรีบกลับมา!’
หลินฟางรู้สึกราวกับเขาได้รับคำอนุมัติและรีบวิ่ง
หลังกลับบ้าน ภรรยาของหลินเจี้ยนเฉิงก็เดินออกมา“ท่านพี่ วันนี้กลับบ้านเร็วจัง”
“ราชสำนักไม่มีเรื่องเร่งด่วน ข้าเลยกลับมา”
“ลูกสาวเราเพิ่งให้สาวใช้มาส่งข้อความ บอกว่าฝ่าบาทสุขภาพดี จึงต้องฉลอง”ฮูหยินอวี่พูด
“ฝ่าบาทโชคดีจริงๆ”หลินเจี้ยนเฉิงพูด จากนั้นก็เดินไปห้องทำงานเขา“เรียกข้าด้วยพอถึงเวลาข้าวเย็น”
เขาหายไปในห้องทำงานและฮูหยินอวี่ก็ไม่แปลกใจ สีมนางมักเป็นเช่นนี้ตั้งแต่หนุ่ม มักใช้เวลาในห้องทำงาน
หลังเข้าห้องทำงาน หลินเจี้ยนเฉิงก็เปิดเอกสารที่เขียนแค่ครึ่งเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเตรียมจะนำเสนอต่อจักรพรรดิผู้ล่วงลับตอนเพิ่งกลายเป็นบัณฑิตชั้นนำ
เนื้อหาของมันคือการวิงวอนให้ปฏิรูป!
มันคือการยื่นคำร้องต่อราชสำนักให้ปฏิรูปวิถีของมัน!
หลินเจี้ยนเฉิงถอนหายใจ นึกได้ว่าเขารู้สึกเช่นไรตอนกลายเป็นบัณฑิตชั้นนำ เวลานั้น เขามักจะส่งจดหมายเหตุบ่อยๆ และถือว่ามีชื่อเสียง
แต่ไม่ช้า เพราะความหยิ่งในวัยเยาว์ เขาจึงทำให้อัครมหาเสนาบดีในเวลานั้นไม่พอใจ และไม่มีจดหมายเหตุใดที่ไปถึงมือจักรพรรดิองค์ก่อน
ต่อมา หลินเจี้ยนเฉิงได้รู้ว่าจักรพรรดิไม่เคยเหลียวแลจดหมายเหตุจากขุนนางขั้นเจ็ดชั้นผู้น้อยอย่างเขา เพราะเขาทำให้มหาเสนาบดีไม่พอใจ เลยถูกส่งไปชนบท
นับจากนั้น หลินเจี้ยนเฉิงก็เปลี่ยนไป!
เขาเปลี่ยนจากขุนนางหนุ่มที่ตรงไปตรงมาเป็นคนเจ้าเล่ห์ในแวดวงการเมือง เขาเริ่มประจบขุนนางชั้นสูงและสร้างสายสัมพันธ์กับเพื่อน่รวมงาน และยังแต่งงานลูกสาวกับเจ้าชายรัชทายาท!
ด้วยสถานะของเครือญาติราชวงศ์ เขาเลยเติบโตเป็นเสนาบดีกรมพิธีการ
แต่ลึกๆแล้ว หลินเจี้ยนเฉิงยังมีหัวใจที่ดี!
เขขากางกองกระดาษและรีบเขียน“อุทิศตัวเองอย่างสมบูรณ์ และตายโดยไม่เสียใจ”
หลินเจี้ยนเฉิงหยิบจดหมายเหตุเขามาอีกและเริ่มวางแผนปฏิรูป เขาสงสัยว่าตอนจักรพรรดิ ลูกเขยได้เห็นจะคิดอย่างไร!
หลินเจี้ยนเฉิงรู้สึกร้อนรุ่ม แต่ผลักความคิดนั้นออกไป ถ้าเขาไม่ถึงตำแหน่งของราชเลขา เขาจะปฏิรูปได้ไง!
ต่อให้ ข้า หลินเจี้ยนเฉิงต้องเป็นตัวร้าย ข้าก็จะเปลี่ยนแปลงราชสำนักให้จงได้!
หลินเจี้ยนเฉิงสาบานเงียบๆ
ในขณะเดียวกัน หลี่ฟางก็กำลังรอประกาศิตมาถึงตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก หลี่ฟางใช้วิธีการลาออกเพื่อกดดันจักรพรรดิมาหลายครั้งแล้ว เขายังสวมชุดอย่างเรียบร้อย รอรับโองการเงียบๆ
“ราชโองการมาถึงแล้ว!”เสียงของขันทีดังที่ประตูหน้า
หลี่ฟางสั่งให้ข้ารับใช้ไปเปิดประตูหลักและเดินออกไปอย่างสงบ หึ แค่คืนเดียวพระองค์ก็รอไม่ไหว ถึงกับออกประกาศิตมาง้อเขา!
หลี่ฟางรู้สึกเย้ยหยัน!
“ถ้าข้าลาออก ราชวงศ์ต้าเฉียนจะหยุดชะงัก!’
หลังคิดเช่นนั้น หลี่ฟางก็คุกเข่า
“โองการของจักรพรรดิถือเป็นโอกงารแห่งสวรรค์!”
“หลี่ฟาง ราชเลขาธิการคณะเสนาบดีและบัณฑิตใหญ่แห่งสถาบันเหวินฮวา เจ้าทำงานหนักและประสบความสำเร็จอย่างมาก ถือเป็นเสาหลักของราชวงศ์!”
“ข้าไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าไม่มีใต้เท้าหลี่!วันนี้ ใต้เท้าหลี่เสนอตัวจะลาออก เดิมที ข้าตั้งใจจะห้าม !แต่งานเลี้ยงทั้งหมดย่อมมีวันเลิกรา ใต้เท้าหลี่แก่แล้วและสุขภาพไม่ดี ไม่เหมาะที่จะรับภาระของบ้านเมือง!”
“ข้าอนุญาตให้หลี่ฟางเกษียณและกลับบ้าน โดยมีตราประทับขั้นหนึ่งและทองคำร้อยตำลึงเป็นรางวัล!’
ขันทีเฒ่าหรี่ตาและพูดกับหลี่ฟาง“ใต้เท้าหลี่ โปรดรับโองการ”ด้านหลังเขา ขันทีหนุ่มยื่นถาดทองคำแท่งมาให้
“อะไรนะ!”
หลี่ฟางตาเหลือก จักรพรรดิอนุมัติ!อนุญาตให้เขาเกษียญ!หลี่ฟางกรีดร้องในใจ”ฝ่าบาท!ข้ารับใช้ของท่านเพิ่ง79!ข้ายังรับใช้ราชวงศ์ได้อีกสิบปี!’
แต่หลี่ฟางไม่กล้าพูดเสียงดัง เพราะการเกษียณเป็นการเสนอตัวของเขาเอง และในโองการ เขาเขียนด้วยตัวเองว่าเขาสุขภาพไม่ดี ถ้าเขากลับคำพูดตอนนี้ จะมีโทษหลอกลวงจักรพรรดิ!
หลี่ฟางไม่กล้าบอกว่าเขาสุขภาพดี แต่เขาไม่เต็มใจจะเกษียณ หลี่ฟางก้มหัว
ขันทีเฒ่าเร่ง“ใต้เท้าหลี่ โปรดรับโองการโดยด่วน ข้ายังต้องไปเยี่ยมอีกตั้งสองหลัง!”
“สองหลัง?”หลี่ฟางถามทันที“หลังไหน?”
ข้ารับใช้ของหลี่ฟางยัดแท่งทองสองแท่งเข้ามือขันทีเฒ่า แต่ขันทีเฒ่าไม่รับ เขากลับผลักแท่งทองกลับ “มันเป็นรองราชเลขาทั้งสอง บัณฑิตจางซือกับบัณฑิตหวงจง ฝ่าบาทอนุมัติการลาออกของพวกเขา!”
หลี่ฟางยิ่งตกตะลึงและนั่งลงกับพื้น!เป็นแบบนี้ได้ไง?เลขาทั้งสามลาออก จักรพรรดิบ้าไปแล้ว ตอนนี้ทั้งราชสำนักจะวุ่นวายไปใหญ่ นอกจากทั้งสามแล้ว ใครจะมาชี้นำราชสำนักได้/
พอเห็นหลี่ฟางเหม่อ ขันทีเฒ่าก็นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต และโน้มตัวไปกับกระซิบ”ใต้เท้าหลี่ ฝ่าบาททรงแต่งตั้งหลินเจี้ยนเฉิงเป็นราชเลขาคนใหม่!’
หลินเจี้ยนเฉิง?หลี่เฟิงยิ่งมึน มันเป็นเขา!
หลี่ฟางคิดสักพักและเค้นคำพูด“ฝ่าบาททรงพระปรีชา ทรงพระปรีชาอย่างยิ่ง!”
จากนั้นเขาก็คุกเข่า รับโองการ“ผู้น้อยรับโองการ!”