ตอนที่ 225 : การสานสัมพันธ์ด้วยอาหาร
ไม่นานหลังจากออกจากถิ่นของแมงมุมน้ำแข็งมา ม้าอินทรีหิมะก็หยุดพัก
ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว
"ถ้าอย่างนั้น... เรามาทําซุปไก่ตุ๋นบัวหิมะกันเถอะ!"
เมื่อนึกถึงบัวหิมะที่เขาเพิ่งได้มา เฉินโม่ก็ยิ้มกว้าง
"บรู๋ววว~" (มันจะต้องอร่อยแน่ๆ!)
"วู้—" (ใช่ๆ!)
สัตว์วิญญาณทั้งสามตัวของเฉินโม่ดูตื่นเต้นมาก พวกมันต่างอยากรู้ว่าบัวหิมะนั้นจะมีรสชาติเป็นอย่างไร
ถึงเป่ยหลิงเอ๋อร์จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ใจของเธอนั้นเต้นระรัว
บัวหิมะสวัสวรรษมังกรหยกนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงมาก และดอกของมันหนึ่งดอกก็มีราคาสูงถึงหลายพันเหรียญ
เชฟปรมาจารย์วิญญาณมักจะนำพวกมันไปแปรรูปเพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุด รวมถึงการผสมมันกับทรัพยากรวิญญาณและวัตถุดิบทางยาอื่นๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดด้วย
ด้วยเหตุนี้ การที่เฉินโม่นำมันมาทำเป็นอาหารมื้อหนึ่งในระหว่างเดินทางโดยที่ไม่ได้เสียดายเลยนั้น…
เธอพูดได้แค่ว่าเธอไม่เข้าใจโลกของคนรวยเลย
ต้วนต้วนแสดงสีหน้าที่จริงจังออกมา เมื่อต้องเจอกับวัตถุดิบที่มันไม่ค่อยทำมาก่อน ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายไม่น้อยเลยสําหรับมัน
หลังจากใส่ส่วนผสมต่าง ๆ เข้าไปแล้ว ต้วนต้วนก็หันไปมองหน้าเสี่ยวจู
หากคุณต้องการทําซุปดีๆ สักชาม สิ่งที่สําคัญที่สุดคือการควบคุมไฟ
โชคดีที่ ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวจู ในที่สุด ซุปไก่ตุ๋นบัวหิมะก็เสร็จสมบูรณ์อย่างสวยงาม
ทันทีที่เปิดหม้อ กลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว
เป่ยหลิงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลาย แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะหันหน้านี้ เธอตั้งใจแล้วว่าเธอจะไม่ยอมกินอาหารของเฉนโม่อีกแล้ว
มิฉะนั้นคงจะไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันแล้วจริงๆ
แต่วินาทีถัดมา เมื่อได้กลิ่นหอมๆที่ชวนน้ำลายสอ
ประกอบกับเฉินโม่ที่นำชามซุปไก่มาวางไว้ตรงหน้า เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธกลิ่นหอมเย้ายวนใจที่ลอยเข้ามาในจมูกได้
"ขอบคุณค่ะ"
“การเดินทางในครั้งนี้อาจจะไม่ได้ราบรื่นมากนัก แต่พวกเราก็ยังได้กินอาหารที่ทําจากวัตถุดิบท้องถิ่นล่ะนะ!”
หลังจากกัดไก่เข้าไปแล้ว เฉินโม่ก็ถอนหายใจ
เป่ยหลิงเอ๋อร์ อดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง
หลังจากดื่มซุปไก่ไปสองชามติดต่อกัน เฉินโม่ก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ค่อยๆฟื้นกลับมา และความหนาวเย็นที่เคยรู้สึกก็ลดลงอย่างมาก
นอกจากนี้ บัวหิมะยังเป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์ มันมีผลในการขจัดความร้อนในร่างกายและล้างพิษ หลังจากทานติดต่อกันสักสองสามเดือน คุณจะสามารถล้างสารพิษทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกายออกไปได้
เห็นได้ชัดว่าซุปไก่ตุ๋นบัวหิมะนี้เป็นอาหารระดับหายาก
แต่ต้วนต้วนก็ยังไม่พอใจ วัตถุดิบระดับหายาก กลับรังสรรค์อาหารออกมาได้แค่ระดับหายากเท่าเดิม สำหรับมัน นี่คือความล้มเหลวอย่างไม่ต้องสงสัย
"เธอทำได้ดีแล้ว แต่เราแค่มีวัตถุดิบไม่เพียงพอเท่านั้น" เฉินโม่ยิ้มและลูบหัวเจ้าตัวเล็ก
ผลของซุปไก่ตุ๋นบัวหิมะระดับหายากนั้น คือการเพิ่มพลังวิญญาณให้แก่สัตว์วิญญาณธาตุน้ำแข็ง
แต่สัตว์วิญญาณของเฉินโม่ไม่มีตัวไหนเลยที่เป็นธาตุน้ําแข็ง ดังนั้นสําหรับเขาแล้ว มันไม่ได้แตกต่างมากนักว่าซุปไก่ตุ๋นบัวหิมะนี่จะอยู่ในระดับไหน
แต่หลังจากที่ม้าอินทรีหิมะของเป่ยหลิงเอ๋อร์ดื่มซุปนี้เข้าไปสองชามติดต่อกัน ลมหายใจของมันก็เริ่มกระชั้นขึ้น
ตอนนี้ ระดับการเติบโตของมันได้เลื่อนระดับไปแล้ว!
สิ่งนี้ทําให้เป่ยหลิงเอ๋อร์รู้สึกขอบคุณเฉินโม่มากๆ เธอมองไปที่เฉินโม่ด้วยความชื่นชม
ดูเหมือนว่าการเลือกมาเป็น "ไกด์นําเที่ยว" ในครั้งนี้จะเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่าจริงๆ!
หลังจากดื่มและรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ขี่ม้าอินทรีหิมะและมุ่งหน้าสู่ซูหลานปิง
…
พวกเขาเดินทางมาได้เกือบครึ่งวัน และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงน่านฟ้าเหนือเนินเขาเล็กๆแห่งหนึ่ง
"ด้านหน้านี้ก็คือซูหลานปิงค่ะ" เป่ยหลิงเอ๋อร์พูดด้วยรอยยิ้ม
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงแล้ว!
"โบร๋วววววว~"
แต่ก่อนที่ม้าอินทรีหิมะจะทันได้ลงจอด ก็มีเสียงหอนของหมาป่าดังขึ้นเสียก่อน
หมาป่าหิมะรู้ว่าพวกเขาเข้ามาในอาณาเขตของมันแล้ว
"คุณเฉิน พวกเราจะทํายังไงกันดีคะ" เป่ยหลิงเอ๋อร์ถามด้วยความรู้สึกประหม่า
หมาป่าหิมะมักจะอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง
หากมีหมาป่าหิมะปรากฏขึ้นตรงหน้าคุณสักตัวหนึ่ง นั่นก็หมายความว่าคุณได้ถูกฝูงหมาป่าหิมะล้อมเอาไว้ซะแล้ว
และพวกมันยังเป็นสัตว์ที่หวงอาณาเขตเอามากๆซะด้วย เมื่อใดที่พวกมันพบว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในอาณาเขตของพวกมัน พวกมันก็จะตามล่าจนกว่าคนพวกนั้นจะออกจากอาณาเขตของมันไปหรือสังเวยชีวิตเอาไว้ก็เท่านั้น
ราชาหมาป่าหิมะนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง มันมีระดับการเติบโตอยู่ที่ระดับผู้บัญชาการขั้น 9 ซึ่งถือได้ว่ามันเป็นราชาไร้มงกุฎของที่แห่งนี้
แม้ว่าเสี่ยวจูของเฉินโม่จะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็เป็นสัตว์วิญญาณระดับพิเศษเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชาหมาป่าหิมะที่มีระดับต่างกันมากแบบนั้น เรียกได้ว่ามันแทบไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะได้เลย
แน่นอนว่าเพียงพริบตาเดียว หมาป่าหิมะที่มีขนสีขาวบริสุทธิ์เหมือนหิมะก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันมีขนาดใกล้เคียงกับเสือขนาดโตเต็มวัย มีลวดลายหิมะสีฟ้าบนร่างกาย และดวงตาของมันก็ดูดุร้ายและเย็นชา
ราชาหมาป่าหิมะที่นําฝูงมาล้อมพวกเขาไว้นั้น มันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าหมาป่าหิมะทั่วๆไปมาก มันมีลายแถบสีน้ําเงินเข้มที่หน้าอก และลวดลายบนร่างกายของมันก็สามารถเปล่งสีฟ้าเรืองแสงอ่อนๆออกมาได้
ตอนนี้ มันกำลังเงยหน้าขึ้นมามองม้าอินทรีหิมะที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับปากที่อ้ากว้าง
"เพื่อน ๆ นี่เป็นของขวัญพบหน้าจากฉัน โปรดอย่าได้รังเกียจเลยนะ"
เฉินโม่ไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย เขาหยิบเนื้อกระป๋องหลายสิบชิ้นออกมาจากหัวใจแห่งท้องทะเลแล้วโยนมันลงบนพื้น
เนื้อกระป๋องเหล่านี้ก็เหมือนกับเนื้อที่เขาใช้เลี้ยงหมาป่าอสนีในภูเขาเหลยหลงก่อนหน้านี้นั่นแหละ
อย่างไรก็ตาม ต้วนต้วนได้ใช้สกิลของสัตว์วิญญาณประเภทอาหารสองสกิลเพื่อทำให้เนื้อเหล่านี้มีกลิ่นหอมที่เข้มข้นและอร่อยขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การสานสัมพันธ์นี้เป็นไปได้ง่ายขึ้น
เมื่อเห็นฉากนี้ เป่ยหลิงเอ๋อร์ก็ใบ้กินไปชั่วขณะ
นี่เขาคิดจะ "ติดสินบน" หมาป่าหิมะด้วยอาหารงั้นหรือ?
และเมื่อมองไปที่การเจรจาที่ดูชำนาญของเฉินโม่ ก็เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทําแบบนี้
"วูฟ~"
ราชาหมาป่าหิมะไม่ได้กินเนื้อที่เฉินโม่โยนมาให้ในทันที แต่มันสุ่มเลือกเนื้อบนพื้นขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วโยนมันกลับมาให้เฉินโม่ พลางจ้องมองที่เขาด้วยแววตาคมกริบ
เห็นได้ชัดว่ามันกลัวว่าอาหารเหล่านี้จะมียาพิษ จึงต้องการให้เฉินโม่กินพวกมันให้ดูก่อน
เฉินโม่ไม่ลังเล เขาเปิดกระป๋องอาหารตรงหน้าขึ้นมาในทันทีก่อนจะตักมันเข้าปาก
เมื่อเห็นว่าเฉินโม่ไม่มีอาการใด ๆ หลังจากที่กินมันเข้าไป ราชาหมาป่าหิมะที่มีความระแวดระวังสูงจึงได้คลายความระแวดระวังลงส่วนหนึ่ง