ตอนที่ 30 พบเจียงโม่หลีอีกครั้ง…
ตอนที่ 30 พบเจียงโม่หลีอีกครั้ง…
“คงอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว!” จี้เตี๋ยไม่ได้ไล่ตามอีกฝ่าย แต่มองไปยังถ้ำที่ตนเองใช้อยู่อาศัยมาสิบวัน เขาไม่ได้กลัวอีกฝ่ายมาล้างแค้น แต่เพราะไม่อยากให้มีปัญหามารบกวนชีวิตอันสงบสุขในช่วงนี้ของตน
เขาเริ่มออกหาสถานที่เงียบสงบในยอดเขาโอสถอีกครั้งหนึ่งเพื่อขุดถ้ำ สุดท้ายจึงเข้าไปนั่งขัดสมาธิด้านในด้วยหางตากระตุก
“ไอ้เจ้านั่นรู้เห็นเรื่องที่เราขายผลยกวิญญาณจำนวนมาก เพราะแบบนั้นถึงได้เพ่งเล็งเรา” ปัจจุบันเขาเปลี่ยนชุดแล้ว พร้อมกันนี้ยังนำแขนที่ถูกนาคาอัคคีเผาไปแช่ในน้ำเย็นเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวด
ภายหลังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาตัดสินใจเลิกคิดเรื่องอีกฝ่าย
เพราะมันก็แค่การรู้เห็น อีกฝ่ายไม่มีทางทราบว่าเขาได้รับผลยกวิญญาณเหล่านั้นมาจากที่ใด ตราบเท่าที่เรื่องหม้อทองแดงยังไม่ถูกเปิดเผย เรื่องราวย่อมคลี่คลายได้ด้วยดี
จี้เตี๋ยส่ายศีรษะขณะนำเอาถุงมิติที่ปล้นชิงออกมาหยดเลือดใส่ ภายหลังส่งพลังวิญญาณเข้าไป ทันใดนี้เองที่มิติเก็บของพลันปรากฏขึ้นในจิตใจ
ด้านในมีสมุนไพรวิญญาณอยู่สองชนิด ศิลาวิญญาณอีกหลายสิบ รวมถึงเสื้อผ้าและป้ายประจำตัว
ตอนนี้เองที่ความสนใจของเขาหันเหไปยังหม้อสีดำ
“หม้อนี่…” จี้เตี๋ยเพียงแค่คิด หม้อนั้นก็ปรากฏขณะเขาเริ่มจับและตรวจสอบ
มันคือหม้อที่คล้ายคลึงกับหม้อทองแดงที่เขามี มันค่อนข้างมีรูปกลมใกล้เคียงและเป็นสีทองแดง เพียงแต่ดูใหม่กว่า มีสามขา และมีความสูงราวครึ่งตัวคน
“หรือว่าจะเป็นหม้อปรุงยา? ไอ้เจ้านั่นเป็นนักปรุงยางั้นหรือ?!” จี้เตี๋ยครุ่นคิดพลางรู้สึกว่าเป็นไปได้มาก ตอนนี้เองที่บังเกิดความรู้สึกเสียดายที่ปล่อยอีกฝ่ายไป
“หากทราบว่ามันเป็นนักปรุงยาคงไม่มีทางปล่อยมันไปแบบนี้แน่! ไม่งั้นคงจับตัวมันมาบีบบังคับให้สอนวิธีการปรุงยาไปแล้ว”
จี้เตี๋ยรู้สึกนึกเสียดาย สีหน้าท่าทียามนี้บ่งบอกชัดว่าเพิ่งพลาดโอกาสอันดีไป
เพียงแต่ปัจจุบันนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเผ่นหนีไปที่ใด คิดไปไล่ตามจับตัวกลับมาคงเป็นไปไม่ได้
จี้เตี๋ยทำได้เพียงแค่ถอนหายใจขณะเก็บหม้อดังกล่าวไป สุดท้ายจึงเริ่มสืบค้นถุงมิติที่ชิงมาอีกครั้งหนึ่ง
เขาคิดอยากสำรวจดู เผื่อว่าจะมีคัมภีร์วิชาปรุงยาอยู่ แต่ภายหลังค้นหาอยู่สักพักก็พบตำราเพียงแค่สองเล่ม
เขาเองก็มีตำราที่คล้ายคลึงกันนี้เล่มหนึ่ง นั่นคือคัมภีร์วิชากลั่นลมปราณมหาลึกล้ำ
“วิชานาคาอัคคี!” จี้เตี๋ยคว้าขึ้นมาเล่มหนึ่ง เปิดอ่าน ก่อนดวงตาจะเผยประกายเจิดจ้า
มันบันทึกเอาไว้ถึงวิธีการฝึกฝนคาถาที่สามารถใช้เรียกนาคาอัคคีออกมา ภายหลังเรียนรู้ ผู้ใช้จะสามารถแปรสภาพพลังวิญญาณในร่างกายให้เป็นการโจมตีธาตุไฟได้!
นาคาอัคคีที่อีกฝ่ายใช้เล่นงานเขาก่อนหน้านี้ ก็สมควรเป็นวิชาในตำราเล่มนี้เช่นกัน!
และเหมือนว่าเจียงโม่หลีเองก็ใช้วิชาที่คล้ายคลึงกันนี้ด้วย!
“เป็นวิชาที่ดี!”
เนื่องจากปัจจุบันเขามีเพียงแค่วิชาที่ใช้ควบคุมวัตถุให้ลอยได้ เรียกได้ว่าหากต้องต่อสู้ก็เสียเปรียบผู้อื่นแทบทุกด้าน
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่โรงนาก่อนหน้านี้ ตอนสิงจงใช้คาถาทำให้แขนและหมัดแข็งเป็นหิน เขาแทบไม่มีวิธีรับมือเลยแม้แต่น้อย
หากว่าเรียนรู้วิชานาคาอัคคี ความสามารถในด้านการต่อสู้ของเขาจะก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง! อย่างน้อยยามต้องเผชิญหน้ากับสิงจงก็คงไม่อ่อนแอเหมือนเมื่อครั้งก่อน!
“ฝึกฝน!” จี้เตี๋ยเผยดวงตาเป็นประกายขณะพลิกหน้ากระดาษอย่างถ้วนถี่ เพื่อเริ่มศึกษาวิธีการฝึกฝนวิชา
การฝึกฝนคาถานี้ไม่ใช่เรื่องยาก เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถใช้พลังวิญญาณสร้างเป็นนาคาอัคคีตัวน้อยยาวกว่าหนึ่งฉื่อพุ่งเข้าไปปะทะผนังถ้ำได้!
ด้วยเสียงดังสนั่น ผนังถ้ำที่เป็นหินถึงขั้นเกิดร่องราวถูกหมัดอันรุนแรงซัดเข้าใส่ พลังโจมตีของคาถานี้ค่อนข้างน่าประทับใจ!
“ด้วยพลังวิญญาณภายในกายของเราตอนนี้ น่าจะพอใช้นาคาอัคคีได้ราวสามหรือสี่ครั้ง พลังที่ปลดปล่อยออกมาดูจะรุนแรงยิ่งกว่าที่ไอ้เจ้านั่นใช้ด้วยซ้ำ!” จี้เตี๋ยหลั่งเหงื่อโทรมใบหน้า กระนั้นก็ชื่นชมและพึงพอใจ
เขาใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อทำความเข้าใจต่อตัววิชา ภายหลังมั่นใจว่าใช้งานจนคุ้นเคย เขาจึงนั่งขัดสมาธิพร้อมนำเอายาทุ่งสมุทรออกมาเริ่มการฝึกฝน
“อยากรู้เสียจริงว่าเจียงโม่หลีออกมาจากการฝึกตนหรือยัง เหมือนจำได้ว่าอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนจะมีการทดสอบจัดขึ้นที่ฝั่งเหนือกระมัง” สองวันให้หลัง จี้เตี๋ยออกมาจากถ้ำโดยสวมใส่ชุดเครื่องแบบศิษย์สำนักสีเขียว เขาเดินไปยังยอดเขาโอสถด้วยท่าทีครุ่นคิด
เขาไม่ทราบกำหนดการทดสอบของฝั่งเหนือที่แน่ชัด เพราะเพียงแค่ได้ยินผ่านอู๋ฮั่นมาอีกทีหนึ่งโดยไม่ได้ใส่ใจฟัง
แต่มันก็น่าจะจัดขึ้นในอีกไม่นาน!
“หากว่านางสามารถย้ายไปฝั่งเหนือ ถึงตอนนั้นก็คงไม่มีเวลามาก่อกวนเราได้” จี้เตี๋ยยิ้มขื่นขมขณะคาดเดา ว่าเจียงโม่หลีในปัจจุบันคงไปควานหาตัวเขาที่โรงนาแล้วเป็นแน่
ตอนนี้เองที่ศิษย์สองคนซึ่งเดินผ่านไปกำลังพูดคุยกันไปเรื่อย
“ได้ยินมาว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา มีศิษย์คนหนึ่งเอาผลยกวิญญาณมาขายจำนวนไม่น้อย”
“ผลยกวิญญาณ? ไม่ใช่ว่าแต่ละปีมีจำนวนออกผลที่แน่ชัดหรอกหรือ? และทั้งหมดนั่นถูกแบ่งไปยังศิษย์กลั่นลมปราณระดับกลางทั้งนั้น ไฉนเลยมีเพิ่มขึ้นมาได้?”
จี้เตี๋ยที่กำลังครุ่นคิดหาได้ใส่ใจบทสนทนาของคนทั้งสอง เพราะเขาแค่เดินไปยังลานกว้างขณะครุ่นคิดหาหนทางคลี่คลายปัญหาส่วนตัว
แต่พอใกล้ถึงที่หมาย ทันใดนี้เองที่เขาได้พบเห็นเรือนร่างในชุดสีแดงร้อนแรงที่มาเยือนยอดเขาโอสถ
“บ้าฉิบ!” จี้เตี๋ยเบิกตาโพลง เขาหันกลับและรีบวิ่งหนีประหนึ่งมุสิก
เจียงโม่หลีที่แม้อยู่ไกลห่าง เวลานี้คล้ายจะตระหนักพบเห็นการเคลื่อนไหวจึงมองมา
เพียงแต่จี้เตี๋ยหลบหนีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เจียงโม่หลีที่ไม่ได้พบร่างอันคุ้นเคย เวลานี้จึงขมวดคิ้วก่อนจะละสายตากลับไป
ตอนนี้เองที่เสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ศิษย์พี่หญิงโม่หลี อีกสามวันมารับยาของท่านได้เจ้าค่ะ!”
“อืม ลั่วลั่ว ขอบใจเจ้ามาก ฝากด้วยล่ะ” เจียงโม่หลีหันไปเอ่ยบอกเด็กสาวข้างกาย นางเป็นประหนึ่งดอกไม้วัยแรกแย้ม มีดวงตากระจ่างสว่างใส ฟันขาวสะอาด รวมถึงมีเส้นสายของดวงตาที่โค้งเรียวงามประหนึ่งจันทร์เสี้ยว
“แน่นอนเจ้าค่ะ! จะว่าไปแล้วศิษย์พี่หญิงโม่หลี…” ซูลั่วเผยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะป้องปากเข้ามากระซิบกระซาบใกล้ผู้รับฟัง
“ไม่นานมานี้ข้าได้ยินว่าท่านมีคู่หมั้นหมายสมัยเด็กอยู่ที่ยอดเขาสรรพสัตว์ด้วย นี่เขาไล่ตามมาพบท่านถึงยอดเขาสรรพสัตว์เลยหรือเจ้าคะ? หูย… ว่าแต่เขาชื่ออะไรกันเจ้าคะ? เขาต้องคลั่งรักท่านมากแน่เลย! ข้าจะมีโอกาสได้พบเขาหรือไม่เจ้าคะ?”
“อย่าพูดอะไรไร้สาระ”
ยามถูกเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าอันงามงดของเจียงโม่หลีถึงกับเผยท่าทีผิดธรรมชาติไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางมีโทสะไม่น้อยเลยทีเดียว!
ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ นางที่ปลีกวิเวกไปเก็บตัวสักระยะหนึ่ง พอออกมาผู้คนรอบด้านกลับพูดกล่าวกันทั่วยอดเขาแล้วว่านางมีคู่หมั้น
ทั้งยังแต่งเสริมเรื่องราวกันจนเลยเถิด ไม่ว่าจะเป็นคู่รักวัยเด็กแสนหวานชื่น เติบโตรักชอบมาด้วยกันอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ กระทั่งว่าหมั้นหมายต่อกัน
จนปัจจุบันนางแทบจะตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าหรือแท้จริงแล้วตนเองมีคู่หมั้นเช่นนั้นอยู่กันแน่! จนกระทั่งนางไปไตร่ตรองพิจารณาถึงชีวิตวัยเด็กจนเติบใหญ่ จึงมั่นใจว่าทั้งหมดนี้มันเรื่องลวงหลอกทั้งเพ!
ภายหลังสอบถามสักเล็กน้อย นางจึงได้ทราบว่าคู่หมั้นคนนั้นเป็นใคร! จนนางโกรธถึงขั้นแทบอยากจะพุ่งตัวไปสะสางบัญชีหนี้แค้น!
เพราะหากไม่ใช่เจ้าตัวพูดกล่าวออกมาเอง คนอื่นก็คงไม่เอามาพูดต่อกันสนุกปากเช่นนี้!
เรื่องราวเกินคาดคิด อีกฝ่ายคงคาดเดาแล้วว่านางจะมาสะสางบัญชีหนี้แค้นจึงหลบหนี กระทั่งว่านางออกค้นหาทั่วยอดเขาสรรพสัตว์ก็ยังไม่เจอตัว!
“หืม? เรื่องลวงงั้นหรือเจ้าคะ?” ซูลั่วที่พบเห็นสีหน้าอาการตอบรับว่าไม่ยินดี เวลานี้จึงเกิดประหลาดใจ
“มีคนกล้าแอบอ้างเป็นคู่หมั้นของท่านเช่นนี้ หาญกล้ายิ่งนักเจ้าค่ะ!”
“ข้าตามหาตัวมันอยู่ ลั่วลั่ว ฝากช่วยตามหามันให้ข้าด้วยก็จะดีไม่น้อย!” เจียงโม่หลีเผยกายที่สั่นเทาเพราะความโกรธ กระนั้นก็ยังพยายามกัดฟันเอ่ยคำขอออกมา
นางคาดเดาได้ว่าจี้เตี๋ยคงต้องมาซ่อนตัวที่ยอดเขาโอสถ และบังเอิญว่าเด็กสาวตรงหน้าก็เป็นศิษย์ของยอดเขาโอสถ ตราบเท่าที่เป้าหมายยังอยู่ในพื้นที่นี้ ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องหาตัวพบอย่างแน่นอน!
“เจ้าค่ะ ชายคนนั้นมีนามและหน้าตาเช่นไรเจ้าคะ? หากเจอตัวมันแล้วข้าจะรีบแจ้งข่าวให้ท่านทราบโดยเร็วอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”