บทที่ 46 การฉายภาพ (4)
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 46 การฉายภาพ (4)
ฮงฮเยยอนมองดูคังวูจินที่อยู่ห่างจากรถตู้สีขาวไปไม่กี่ก้าว เธอขมวดคิ้ว เขายังคงยืนหัวเราะอยู่หน้ารถตู้ สีหน้าของฮงฮเยยอนเปลี่ยนไปในทันที
“···เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน? เขากําลังทําอะไรอยู่เนี่ย?”
ชุดของเธอยิ่งทําให้ความจริงจังของเธอเด่นชัดยิ่งขึ้นไปอีก เธอตอนนี้แต่งตัวเป็นนักสืบ 'จองฮยอนฮี' เสียงของคังวูจินจากด้านนอกรถตู้ฟังไม่ค่อยชัดเจน เสียงมันอู้อี้
"ฮ่าฮ่า...ฉันรู้ว่ามันไม่ควร แต่ก็อดไม่ได้เลยแฮะ..."
มันดูเป็นเสียงหัวเราะที่ดูประหลาดมาก ซึ่งคงจะไม่มีวันได้เห็นจากคังวูจินเลย
ด้วยเหตุนี้...
-โครม!
ฮงฮเยยอนขยับร่างกายของเธออย่างรวดเร็วขณะที่เธอโยนผ้าปิดตาสีชมพูที่เธอคาดบนหน้าผากทิ้งไป
-เอี๊ยด
ฮงฮเยยอนเปิดประตูรถตู้แล้วรีบวิ่งไปหาคังวูจิน
"คังวูจิน!"
จังหวะนั้นเอง คังวูจินหยุดหัวเราะคิกคักอย่างกระทันหัน ไม่สิ เขาตกใจมากเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันมีความเป็นไปได้สูงที่ฮงฮเยยอนจะได้เห็นบุคลิกที่แท้จริงของคังวูจิน คังวูจินจึงตัวแข็งทื่อ แม้ว่าฮงฮเยยอนจะเรียกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาก็ได้แค่เพียงจ้องมองไปที่หน้าต่างรถตู้อย่างว่างเปล่า
ยามนั้นเอง…
“คังวูจิน!”
ฮงฮเยยอนซึ่งยืนอยู่ด้านหลังคังวูจิน ไม่อาจรีรอได้อีกต่อไป เธอคว้าไหล่ของคังวูจินแล้วหันร่างของเขากลับมา จากนั้นใบหน้าของฮงฮเยยอนก็ปรากฏต่อสายตาของคังวูจิน ใบหน้าของเธอที่มีผมยาวมัดอยู่ดูเคร่งเครียดมาก คังวูจินรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ไม่นะ นี่มันแย่แล้วสิ
“……”
“……”
เกิดความเงียบชั่วขณะ ทั้งคังวูจินและฮงฮเยยอนไม่ได้พูดอะไร แค่จ้องหน้ากัน จากนั้นคังวูจินก็ทําลายความเงียบ เสียงของเขาฟังดูระมัดระวังและเบายิ่ง
"···คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?"
"ตั้งแต่แรกเลย"
ชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้านิ่งเฉยของวูจินกระตุกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ อย่างอ่อนแรง
"เฮ้อออ..."
ความรู้สึกยอมจำนนผสมกับความสิ้นหวังปรากฏขึ้นในใจของเขา
-กึก
ทันใดนั้น ฮงฮเยยอนก็จับไหล่ทั้งสองข้างของคังวูจินและเขย่าเขาอย่างรุนแรง
"คุณไม่ควรทําอย่างนั้นนะคะ!"
คังวูจินเซไปมาอย่างไม่ตั้งใจ แต่ฮงฮเยยอนไม่หยุด และทันใดนั้น เธอก็เอาใบหน้าของตัวเองประชิดจมูกของคังวูจิน มันใกล้ ใกล้เกินไปไหม? คังวูจินดึงหน้าของเขากลับไปโดยไม่รู้ตัวตามสัญชาตญาณ
ทว่าฮงฮเยยอนยังคงมองเข้าไปในดวงตาของคังวูจิน อย่างจริงจัง 1 วินาที 5 วินาที 10 วินาที
จากนั้น
“ตั้งสติสิค่ะ!”
เป็นอีกครั้งที่ฮงฮเยยอนเขย่าไหล่ของคังวูจินอย่างแรง
ในตอนนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?!!”
ซีอีโอชเวซองกุนวิ่งมาแต่ไกล ข้างหลังเขาคือจางซูฮวานที่ตัวใหญ่เทอะทะ ราวกับว่าสถานการณ์มันกำลังเลวร้ายลงไปได้อีก ผู้คนต่างมารวมตัวกันมากขึ้น ในตอนนี้เอง ซีอีโอชเวซองกุนผู้ที่รู้จักทั้งคังวูจินและฮงฮเยยอนเป็นอย่างดีก็ได้กล่าวว่า
"เฮ้ เฮ้! เดี๋ยวก่อน!”
เขารีบวิ่งไปแยกคังวูจินกับฮงฮเยยอนออกจากกัน
“พวกนายสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่เหรอ?!”
ความเข้าใจผิดแปลกประหลาดเกิดขึ้น ทว่าฮงฮเยยอนคว้าไหล่ของซีอีโอชเวซองกุน แล้วชี้ไปที่คังวูจิน
“เปล่า ไม่ได้ทะเลาะสักหน่อย! ตอนนี้คังวูจิน...”
"คังวูจิน?! เกิดอะไรขึ้น?!”
"คังวูจินหัวเราะกับตัวเอง! หัวเราะคิกคักตัวคนเดียวเลย"
".......อะไรนะ? คังวูจินหัวเราะงั้นเหรอ?"
"ฉันไม่เคยเห็นเขาหัวเราะเลย พี่ก็เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?"
ซีอีโอชเวซองกุนก็เริ่มรู้สึกจริงจังกับเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
"คังวูจินหัวเราะคิกคัก? อยู่คนเดียว?”
ในไม่ช้า สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่คังวูจินผู้เฉยเมย และฮงฮเยยอนก็พูดอีกครั้ง อย่างเคร่งเครียด
"ก่อนหน้านี้เขาหัวเราะคิกคักและคุยกับตัวเอง มันแตกต่างจากคังวูจินตอนปกติอย่างสิ้นเชิงเลยนะคะ"
เธอที่พึมพําอยู่ดี ๆ ก็ตะโกนใส่คังวูจิน
“จัดการมันให้ได้นะ! อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกรองหัวหน้าพัคครอบงำ คุณไม่ใช่ฆาตกรโรคจิตไซโคพาธสักหน่อย คุณคังวูจิน!”
หา? คังวูจินตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ฮงฮเยยอนก็ยังไม่หยุดพูด
"แถมเสียงหัวเราะของคังวูจินในตอนนั้นมันซับซ้อนกว่าของรองหัวหน้าพัคนิดหน่อย...แต่นั่นมันยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก การถ่ายทําจบลงแล้วไม่ใช่เหรอ? หรือว่าคุณหมกมุ่นเกินไป? คุณไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้เหรอ?”
ซีอีโอชเวซองกุนก็มองหน้าคังวูจินอย่างใกล้ชิดด้วยความเป็นห่วง
"จริงเหรอ? เรื่องเป็นอย่างนั้นสินะ? ไหวไหม? ให้ฉันจองคิวกับจิตแพทย์หรือเปล่า? ไม่เป็นไรหรอกน่า นักแสดงหลายคนก็ไปหาจิตแพทย์กันทั้งนั้น”
“...”
"ยิ่งเป็นนักแสดงที่ต้องสวมบทบาทจริงจัง ยิ่งต้องระวังให้มากกว่านี้! งั้นไปกันเถอะ"
ตอนนี้เอง ความคิดของคังวูจินทำงานอย่างรวดเร็ว จู่ ๆ มันกลับมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจนต้องไปพบจิตแพทย์ ตลอดชีวิตนี้เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องไป เขาจึงใช้ความคิดเพื่อหาคำตอบ คำตอบแบบไหนก็ตามที่จะขัดขวางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้และสามารถหลีกเลี่ยงการไปพบจิตแพทย์ได้
จากนั้นเอง
'อ่า'
ทันใดนั้น ความคิดอะไรบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว คังวูจินรีบพึมพำข้อแก้ตัวที่เขาเพิ่งคิดออกอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่ครับ เมื่อกี้ไม่ใช่รองหัวหน้าพัค”
ฮงฮเยยอนถามกลับไปพร้อมกับหรี่ตาลงทันที
“…ไม่ใช่งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นคืออะไรล่ะ?”
“ผมลองสวมบทเป็นตัวละครจากบทภาพยนตร์ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย' ต่างหากครับ”
"เรื่อง 'เกาะแห่งผู้สูญหาย'? มันคืออะไรเหรอ?"
“มันเป็นบทภาพยนตร์ของผู้กำกับควอนกีแท็ก”
ในไม่ช้า ซีอีโอชเวซองกุนก็มีปฏิกิริยาตอบรับด้วยเสียง ‘อ๋อ’ และมองไปที่ฮงฮเยยอน
“ก็เลยเป็นอย่างนั้นสินะ? นายทําเอาฉันตกใจแทบแย่ ทั้งที่ฉันยังไม่ได้บอกนายเลยนะว่านายจะได้รับบทบาทอะไรในเรื่อง 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' ที่เป็นโปรเจคต่อไปของผู้กำกับควอนกีแท็ก”
“…บทภาพยนตร์สำหรับโปรเจคต์ต่อไปของคังวูจินคือของผู้กำกับควอนกีแท็กเหรอคะ?”
"ใช่แล้วล่ะ"
"จริงเหรอ? ไม่ใช่ว่าผู้กำกับควอนกีแท็กจะแจกบทให้ก็ต่อเมื่อคัดเลือกนักแสดงทุกคนแล้วเหรอคะ? จะว่าไปฉันก็ไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับโปรเจคต์ต่อไปของเขาเลยแฮะ”
"คังวูจินได้รับการคัดเลือกแล้วล่ะ แต่ดูเหมือนว่างานต่อไปของผู้กำกับควอนกีแท็กจะยังคงเป็นความลับอยู่"
"ตอนนี้เลยมีเพียงคุณคังวูจินคนเดียวที่ได้รับบทเหรอคะ?"
เมื่อได้ยินคำถาม ซีอีโอชเวซองกุนก็เหลือบมองไปที่คังวูจินที่เงียบอยู่และตอบว่า
“เอ่อ บริษัทภาพยนตร์ได้เผยแพร่บทให้กับนักแสดงบางคน แต่ดูจากที่ไม่มีข่าวอะไรออกมาเลย ดูเหมือนว่าจะมีแค่คังวูจินคนเดียวที่ได้รับมากระมัง”
ฮงฮเยยอนเบิกตากว้างพร้อมหันไปมองคังวูจิน
“…คุณจะร่วมงานกับผู้กำกับควอนกีแท็กทันทีหลังจากถ่ายทําผลงานของ PDซงมันวูเสร็จเลยเหรอคะ?”
"ยังไม่มีอะไรยืนยันสักหน่อยครับ"
“แต่เมื่อครู่ที่คุณทำ เหมือนจะบอกว่าหลังจากถ่ายทำบทรองหัวหน้าพัคเสร็จ คุณก็จะเริ่มฝึกซ้อมสำหรับตัวละครของผู้กำกับควอนกีแท็กเลยไม่ใช่เหรอคะ? นี่ไม่คิดจะพักเลยงั้นเหรอ?”
“ผมไม่ได้บอกว่าฝึกซ้อม ผมแค่ลองเล่นดูเพราะเบื่อ”
"มันเป็นตัวละครแบบไหนเหรอคะ?"
"สองบุคลิก ผมไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านั้นได้แล้ว"
“อ๋อ เพราะงั้นเสียงหัวเราะเลยดูจงใจกว่าของรองหัวหน้าพัคสินะคะ…”
ดูเหมือนมันจะกลายเป็น 'เกาะแห่งความเข้าใจผิด' มากกว่า 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' ไปแล้ว ช่างเถอะ คังวูจินรู้สึกโล่งใจที่แก้ปัญหาได้เสียที เขาจึงปรับเสียงของเขาและพูดอีกว่า
“ผมรู้สึกซาบซึ้งในความห่วงใยของคุณ ถึงแม้มันจะมาจากความเข้าใจผิดก็ตามเถอะ”
เขาตัดสินใจแล้ว
‘อ่า เกือบไปแล้ว ต่อไปนี้ฉันต้องไม่ประมาท’
ต่อมา
หลังจากที่ 'เกาะแห่งความเข้าใจผิด' ได้คลี่คลายลง ฮงฮเยยอนก็กลับมาที่กองถ่ายเพื่อฝึกฝนบทของเธอต่อ หลังจากทักทายคังวูจินสั้น ๆ แล้วเธอก็ไป ส่วนนักแสดงหลายคนต่างมาส่งคังวูจินกลับบ้านกัน
คนที่มาส่งมีตั้งแต่รยูจองมินและนักแสดงทุกคนที่มาร่วมถ่ายทําในวันนี้ด้วย
“คังวูจิน ผมได้ยินมาว่าคุณเข้ารอบชิงชนะเลิศของ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ใช่ไหม? ยินดีด้วยนะครับ”
“งานนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเพราะการเปลี่ยนแปลงผู้สนับสนุนหลักใช่ไหม? ผมได้รับเชิญด้วยนะ ไว้ผมจะไปถ้าไปได้ แถมดูเหมือนว่าพวกเขาจะเชิญผู้กำกับชั้นแนวหน้าทั้งในและต่างประเทศจำนวนมากอีก”
“ปกติแล้วนักแสดงหลายคนมักจะไปงาน ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ กันใช่ไหม? พิธีมอบรางวัลคือวันที่ 7 พฤษภาคมเหรอ? อ้าว แล้วถ้าละครของเราฉายรอบปฐมทัศน์วันที่ 15 มันอาจจะตรงกับงานของคุณคังวูจินก็ได้นะ?”
"ถ้าคุณชนะรางวัลและขึ้นพาดหัวข่าว มันก็เหมือนการโฆษณาไปกลาย ๆ เลยสิ? ถ้าเทศกาลหนังไปได้ดี และเรตติ้งละครของเราพุ่งกระฉูด ดาวรุ่งพุ่งแรงปีนี้คงเป็นคุณคังวูจินแน่นอน"
นักแสดงต่างก็สนใจเรื่องการเข้าร่วม ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ของคังวูจิน แน่นอนว่าพวกเขายังไม่รู้ว่าฮงฮเยยอนร่วมแสดงใน ‘สำนักงานนักสืบ’ ด้วย มันเป็นความลับในหมู่พวกเขา ส่วนทางด้านจางแทซันก็พูดตรงไปตรงมาพลางมองไปที่คังวูจิน
“แต่พวกเขาเพิ่งเพิ่มรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ที่ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ในครั้งนี้ใช่ไหมครับ? ผมได้ยินมาว่าพัคจองฮยอกก็เข้าร่วมด้วย? ฮ่า ๆ ถ้าเป็นไปด้วยดี คุณกับพัคจองฮยอกอาจจะต้องมาแข่งขันเพื่อชิงรางวัลแล้วล่ะครับ ยังไงผมก็เป็นกำลังใจให้คุณคังวูจินนะ”
การอำลาอย่างคึกคักนี้ จบลงหลังจากผ่านไป 30 นาที และรถตู้ที่คังวูจินขึ้นไปนั้นก็เงียบมาก สไตลิสต์ฮันแยจุง ซึ่งทํางานหนักกับเขามานานกําลังหลับใหลอยู่ จางซูฮวาน ผู้จัดการฝ่ายเดินทางที่มักตะโกนเสียงดัง กำลังขับรถอย่างเงียบ ๆ อยู่เช่นกัน ส่วนซีอีโอชเวซองกุนในที่นั่งข้างคนขับกําลังดูโทรศัพท์ของเขา
แล้วก็
'มีบางอย่างรู้สึกแปลก ๆ ความรู้สึกนี้มันใ..'
คังวูจินมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม เขาไม่จําเป็นต้องไปที่กองถ่ายของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' อีกต่อไป มันเป็นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายยิ่ง แต่เขาคุ้นชินกับมันไปแล้ว หากไม่นับงานเลี้ยงฉลองออกอากาศครั้งแรก เขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับทีมนักแสดงและทีมงานทั้งหมดอีก
‘ความรู้สึกเหมือนกับการปลดประจำการจากกองทัพไม่มีผิด ที่ต้องทิ้งเพื่อนร่วมรบที่เราต่อสู้ด้วยกันมา ดูเหมือนว่าฉันต้องเริ่มชินกับความรู้สึกของการจากลาในฐานะนักแสดงให้ได้สินะ'
ใช่ พอถูกปลดประจำการออกจากกองทัพ ความรู้สึกของคังวูจินตอนนี้ก็คล้ายกับวันที่เขาปลดประจำการไม่มีผิด
"คังวูจิน"
ซีอีโอชเวซองกุนที่เปิดสมุดบันทึกในที่นั่งข้างคนขับ ก็หันกลับมาถาม
“นายสบายดีจริง ๆ ใช่ไหม? ถ้านายต้องการจิตแพทย์ก็แค่บอกฉันได้เลยนะ”
'ไม่ ผมจะไม่ไปอย่างแน่นอน' คังวูจินคิดกับตัวเองและตอบด้วยเสียงหนักแน่น
"ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมสบายดีครับ"
ซีอีโอชเวซองกุนพยักหน้า แล้วจึงเริ่มบอกคังวูจินเกี่ยวกับตารางงานของสัปดาห์นี้
"นายทํางานหนักมากในการถ่ายทํา ตั้งแต่พรุ่งนี้จนถึงวันที่ 30 เราจะมีงานหลังการถ่ายทําสําหรับ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ซึ่งก็มีการปรับแก้โปรไฟล์และอื่น ๆ นิดหน่อย ส่วนเวลาหยุดของนายืคอวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สำหรับ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' นั้น นายสามารถเริ่มเตรียมตัวได้ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมเป็นต้นไป”
คังวูจินตอบเบา ๆ หลังจากคํานวณวันที่ในหัวของเขา
"ครับ ซีอีโอ"
ในที่สุดคังวูจินก็ได้หยุดพักเป็นวันแรกเสียที
หลังจากนั้นไม่กี่วัน
เดือนเมษายนสิ้นสุดลงและดวงอาทิตย์ของเดือนพฤษภาคมก็เริ่มขึ้น วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม แน่นอนว่ามันเป็นแค่เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ธรรมดา แต่สำหรับวงการภาพยนตร์นั้นค่อนข้างแตกต่าง
『'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 30 เมษายน/รูปโปรโมท』
'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง‘ ที่ได้รับการโปรโมทอย่างเข้มข้นได้เริ่มขึ้นเมื่อสองวันก่อน เทศกาลหนังสั้นเปิดขึ้นในวันที่ 30 และจะฉายต่อไปเป็นเวลาหกวันโดยมีพิธีปิดและมอบรางวัลในวันที่เจ็ด
แล้วก็...
“ไม่ได้ไป COEX มาสักพักแล้วแฮะ”
คังวูจินปรากฏตัวที่ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ที่กำลังจัดขึ้น สถานที่จัดงานคือ CCV COEX มันเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่มาก และเวลาปัจจุบันคือ 9.30 น.
“ว้าว คนเยอะมากเลย”
คังวูจินแปลกใจเล็กน้อยกับผู้คนที่มา มันมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มากทั้งที่เป็นยามเช้าตรู่ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่มาร่วมงานนี้เพื่อ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ซึ่งขณะคิดเช่นนั้น คังวูจินก็ตรวจสอบเวลา
‘เริ่มตอน 10 โมงเช้าใช่ไหมนะ?’
ที่ตลกก็คือรูปลักษณ์ของคังวูจินดูแปลก ๆ ไปมาก เขาสวมแจ็กเก็ตสีดำและกางเกงยีนส์ แต่เขายังสวมหมวกสีดำและหน้ากากราวกับว่าเขาเป็นคนดัง ทั้งที่จริงแล้วเขาเป็นแค่นักแสดงเนนม แถมยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทว่าเหตุผลที่คังวูจินแต่งตัวแบบนี้เป็นเพราะคำแนะนำของซีอีโอชเวซองกุน
“หา? นายจะไปดู ‘สำนักงานนักสืบ‘ เป็นการส่วนตัวเหรอ? อ่า ได้อยู่หรอก การรับชมหนังรอบทดสอบและบนหน้าจอขนาดใหญ่มันจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอยู่แล้ว ไปดูก็ได้ แต่อย่าลืมปิดหน้าไว้เข้าใจไหม?”
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันก็สมเหตุสมผล เพราะถ้าผู้คนจำคังวูจินได้ขณะเขาดู ‘สำนักงานนักสืบ’ กับคนจำนวนมาก มันคงจะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อย เป็นการดีที่จะระมัดระวัง วันหยุดของเขาจะได้ไม่ต้องทิ้งไปแบบเสียเปล่า
“แค่ปิดหน้าก็พอแล้ว คงไม่มีใครจำฉันได้อยู่แล้ว”
คังวูจินเดินเข้าไปด้านในของ COEX ที่นี่มีขนาดกว้างขวางใหญ่โต ตอนนี้เขาควรเข้าไปที่โรงภาพยนตร์ก่อนไหม? ขณะที่เขาสงสัย เขาก็สังเกตเห็นป้ายเทศกาลที่ทางเข้า
ในไม่ช้า คังวูจินก็มาถึงโรงภาพยนตร์ CCV COEX
'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ จัดขึ้นในห้องโถงแยกพิเศษที่จัดเตรียมไว้ ไม่ได้อยู่ในโซนฉายปกติ บรรยากาศของเทศกาลนั้นชัดเจนตั้งแต่ทางเข้า มีทีมงานในชุดเทศกาล ป้ายบอกทางพร้อมภาพโปรโมทและอื่น ๆ อญู่ด้วย
นอกจากนี้…
‘ห๊ะ อะไรเนี่ย? มีคนมาตั้งขนาดนี้เลยเหรอ?'
มีผู้คนจำนวนมากที่มาร่วมงานเทศกาลหนังตั้งแต่ช่วงเช้า ล็อบบี้แทบจะแน่นขนัด โดยมีผู้คนประมาณร้อยกว่าคน นักข่าวบางคนกำลังถ่ายรูปไปทั่ว และยังเห็นบีเจหรือยูทูปเบอร์บางคนกำลังถือโทรศัพท์ติดกับไม้เซลฟี่
ดังนั้นแล้ว คังวูจินจึงรู้สึกประหม่าพอสมควร
‘มันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ ’
ทว่าการฉายภาพยนตร์ใน ’เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ไม่ได้มีแค่ที่นี่เท่านั้น หนังสั้นประมาณ 30 เรื่อง ได้รับการฉาย โดยแต่ละวันจะฉาย 10 เรื่องหมุนเวียนกันไป มีทั้งหมด 3 สถานที่ฉาย และวันนี้เป็นวันแรกที่ ‘สำนักงานนักสืบ’ ได้รับการฉาย
ซึ่งยามนั้นเอง
-ฉึบ
คังวูจินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบแผ่นพับเทศกาลที่แสดงอยู่บนเสา ข้อมูลต่าง ๆ ถูกเขียนไว้บนนั้น ตารางการฉายหนังและตารางเวลาสำหรับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลรวมอยู่ด้วย
ในบรรดาข้อมูลเหล่านั้น คังวูจินโฟกัสไปที่ตารางการฉายหนัง
'สำนักงานนักสืบ ไหนขอดูหน่อย อ่า ฉายรอบแรก 10 โมงเช้า'
เนื่องจากเป็นเทศกาลหนังสั้น แม้ว่าคุณจะดูหนังทั้ง 10 เรื่อง แต่มันก็คงใช้เวลาเกิน 3 ชั่วโมงเล็กน้อย ในบรรดาหนังทั้งหมด เรื่อง ‘สำนักงานนักสืบ' ฉายเป็นเรื่องแรก อาจเป็นเพราะความยาวของหนังกระมัง คังวูจินคิดพลางดูตั๋วจองล่วงหน้าที่ออกให้เขามาก่อนแล้ว
‘ที่นี่ใช่ไหม?’
เขาเปิดประตูห้องฉายพิเศษตามที่เขียนไว้บนป้าย ภายในนั้นคล้ายกับห้องฉายปกติ แต่กว้างขวางกว่า เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาฉาย ไฟจึงยังเปิดอยู่ และมีคนมานั่งรออยู่บ้างแล้ว พอใกล้ถึงเวลาฉายแล้ว เก้าอี้ประมาณ 500 ที่นั่งก็เต็มไปประมาณ 80%
คนดูมีหลากหลายวัย
ทั้งคนเดียว คู่รัก กลุ่มเพื่อน และผู้สูงอายุ เสียงพูดคุยกันจอแจ เนื่องจากมีคนเยอะมาก ทว่าไม่มีใครให้ความสนใจกับคังวูจินเลย มีเพียงไม่กี่คนที่เหลือบมองเขา อาจเป็นเพราะเขาสวมหน้ากากอยู่แหละ แน่นอนว่าคังวูจินเองก็ไม่ได้สนใจอะไรและเดินไปหาที่นั่งที่จองไว้
มันเป็นที่นั่งที่อยู่ด้านท้ายใกล้กับทางเข้า
ในขณะเดียวกัน คังวูจินได้ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือแล้ว เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างเชื่องช้า พอคิดว่าตนจะได้เห็นตัวเองบนหน้าจอขนาดใหญ่ มันก็ทำให้เขารู้สึกกังวลและเขินอายพอสมควร
‘ฟิ้ว ฉันเคยเห็นแต่หน้านักแสดงชั้นนำ แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าหน้าของฉันจะได้ไปอยู่บนจอขนาดใหญ่ขนาดนั้นด้วย’
เขารู้สึกประหม่า มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากการฉายทดสอบอย่างที่ซีอีโอชเวซองกุนเคยบอกไว้ แถมนอกจากนี้...
‘ฉันจะได้เห็นปฏิกิริยาของคนดูด้วยสินะ?”
มีผู้ชมหลายร้อยคนที่กำลังจะได้เห็นการแสดงและใบหน้าของเขา หัวใจของคังวูจินเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
และตอนนั้นเอง
“เรามาถูกที่แล้ว”
"โอ้ งั้นเหรอ?”
“เงียบและไปหาที่นั่งของเราเถอะ”
คังวูจินได้ยินเสียงผู้ชายใกล้ทางเข้า ปัญหาคือ..
“หา?”
เสียงนั้นคุ้นเคยกับคังวูจินมาก ด้วยเหตุนี้ คังวูจินจึงหันหน้าไปทางซ้ายโดยอัตโนมัติ เขามองเห็นผู้ชายสามคน และทันทีที่เห็นพวกเขา คังวูจินก็ก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว
เหตุผลนั้นง่ายมาก
‘ทำไมไอ้พวกบ้าพวกนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน!!’
พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทของคังวูจิน เริ่มตั้งแต่คิมแดยอง ไปจนถึงลีคยองซองและนาฮยองกู พอรวมคังวูจินด้วยแล้ว พวกเขาก็เป็นแก๊งสี่คนที่สนิทกันเป็ฯอย่างยิ่ง นั่นเป็นเหตุผลที่คังวูจินพยายามซ่อนใบหน้าของเขา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาคิดว่าการทำแบบนี้ในสถานการณ์เช่นนี้มันเหมาะสมที่สุดแล้ว
โชคดีที่เพื่อนของเขาดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นคังวูจิน ขณะที่พวกเขาเดินผ่านไป พวกเขาก็พูดคุยกัน คิมแดยองเป็นผู้นำกลุ่ม เขาเดินไปตามขั้นบันไดและพูดกับเพื่อน ๆ ของเขาอย่างเงียบ ๆ ไปว่า
“อ่า ที่นั่งของเราอยู่ทางด้านหน้านู้น”
เสียงตอบรับดังขึ้นอย่างรวดเร็วจากลีคยองซอง ชายร่างอวบที่ถือถังป๊อปคอร์น
“เฮ้ คอเราจะไม่อักเสบเหรอเวลาดูหนังจากตรงนี้? คงได้แหงนคอมองตลอดแน่เลย”
นาฮยองกูที่ดูเหมือนคนเจ้าชู้ก็เห็นด้วย
“เราต้องเจ็บคออย่างแน่นอน”
แม้จะบ่นกัน แต่ทั้งสามก็นั่งลงที่เบาะหน้าสุดและคิมแดยองที่หลังจากปิดเสียงโทรศัพท์แล้ว เขาก็อธิบายว่าทำไมต้องเป็นีท่นั่งนี้
“ก็เพราะโรงนี้มันมีแค่สามที่นั่งที่อยู่ติดกันไง”
ในไม่ช้า ลีคยองซองที่กำลังเคี้ยวป๊อปคอร์นก็เอ่ยถึงคังวูจิน
“การที่คังวูจินมันไม่ได้โผล่หัวมาเลยในวันหยุดสุดสัปดาห์ สงสัยจะมีแฟนแล้วมั้ง”
“ปล่อยมันไปเถอะ ในหมู่เรามันก็เป็นคนที่ป๊อปสุดอยู่แล้วนิ”
“ใช่ แต่การปิดบังแบบนี้มันกวนใจมากเลยนะ”
“ก็ถ้ามันบอกเรา นายและฮยองกูจะตื๊อมันให้แนะนำเธอให้รู้จักเนี่ยสิ นั่นแหละอาจจะเป็นเหตุผลที่มันไม่อยากบอกเรากัน”
ในขณะนั้นเอง
- ติ๊ด
ไฟในโรงหนังค่อย ๆ หรี่ลงทีละน้อย ในเวลาเดียวกัน เสียงภายในที่นั่งซึ่งเคยเอะอะโวยวายก็เงียบลงทันที มันเป็นสัญญาณว่าหนังกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ด้วยเหตุนี้ทั้งสามจึงหยุดพูดไปก่อน
-♬♪
บนจอภาพขนาดใหญ่ด้านหน้า มีการเปิดวิดีโอโปรโมทสำหรับ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' พร้อมกับเสียงประกอบที่สนุกสนาน วิดีโอไม่ยาวนัก ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น
จากนั้นไฟทั้งหมดในห้องฉายก็ปิดสนิทและชื่อหนังก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่พร้อมกับหมอกสีเทา
-'สำนักงานนักสืบ'
5 วินาทีต่อมา ชื่อเรื่องได้หายไป และเสียงเปิดฉากก็ดังขึ้นในห้องฉายที่เงียบสงัด ‘สำนักงานนักสืบ’ เริ่มขึ้นแล้ว
เอี๊ยด..
คิมแดยองและเพื่อน ๆ ของเขาจดจ่ออยู่กับหน้าจอเฝ้าดูอย่างตั้งใจ เช่นเดียวกับผู้ชมอีก 500 คนหรือมากกว่านั้น ในขณะนั้นเอง ฉากหนึ่งได้ถูกฉายลงบนหน้าจอที่มืดสนิทตรงหน้า
คิมรยูจินผู้เปิดหน้าต่างเก่า ๆ ที่โทรม มีข้อความว่า ‘สำนักงานนักสืบ’ ปรากฏอยู่
[“ฟู่ ฟู่”]
คิมรยูจินผู้มีดวงตาหม่นหมองและใบหน้าไร้วิญญาณ กำลังพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นเวลานาน
แล้วก็...
[“ฉันควรไปหาลูกค้าไหมนะ?”]
จากนั้นเขาก็ดับบุหรี่ลงที่กรอบหน้าต่าง
ในตอนนั้นเอง
“······?”
“?!”
“???”
คิมแดยอง ลีคยองซองและนาฮยองกู ต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ สายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่บนหน้าจอ คิมแดยองกะพริบตาถี่ ๆ และลีคยองซองก็หยุดนิ่งพร้อมกับหยิบป๊อปคอร์นในมือ นาฮยองกูขมวดคิ้วและเอียงศีรษะ
ทำไมน่ะเหรอ?
เพราะคังวูจิน เพื่อนสนิทของพวกเขากำลังเคลื่อนไหวอยู่บนหน้าจอขนาดใหญ่นั้น อะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย…? นี่ไม่ใช่แค่ความประหลาดใจ มันเหมือนกับว่าพวกเขาได้เห็นผีเลยทีเดียว อีกฝ่ายไม่ใช่แค่คล้ายคลึงกัน แต่มันคือคังวูจินอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ไม่นานนัก
พึบ
ทั้งสามคนที่จ้องมองไปที่หน้าจอ มองลงไปพร้อม ๆ กัน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจขณะที่พวกเขามองหน้ากันเอง พวกเขาเหลือบมองไปมาและอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของพวกเขาเหมือนกันเป๊ะ
นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่าเนี่ย?
จากนั้น เพื่อนสนิททั้งสามคนของคังวูจินก็หันกลับไปมองที่จอภาพขนาดใหญ่อีกครั้ง ซึ่งคิมรยูจินก็ยังคงปรากฏอยู่บนหน้าจอ แล้วเกือบจะพร้อมกัน พวกเขาต่างรู้สึกเดือดดาลภายในใจ บางทีพวกเขาอาจจะโกรธมากกระมัง
‘ไอ้บ้าเอ๊ย!! ทำไมแกอยู่ที่นั่นได้วะ?!!!’
‘ไอ้เพื่อนเลวนั่น ทำไมมันถึงกลายเป็นนักแสดงบนหน้าจอได้??!’
‘นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย… นี่มันเป็นความฝันเหรอ?!!’
เพื่อนสนิทของคังวูจิน ต่างก็ได้เห็นการเปิดตัวครั้งแรกของเขาแล้ว
หมายเหต: COEX คือศูนย์การประชุมและนิทรรศการ
*****