บทที่ 120 เลือดเหล็กกล้าจู่โจม
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 120 เลือดเหล็กกล้าจู่โจม
"มีการสู้รบกันที่นี่..."
บิลลี่ค้นหาในสำนักงานที่มีกลิ่นคาวเลือดอยู่พักหนึ่ง ฝ่ามือของเขามีปลอกกระสุนเต็มไปหมด "กระสุนปืนไรเฟิลขนาด 5.56 มม. มาตรฐานนาโต้..."
พันตรีดัตช์หยิบปลอกกระสุนมาจากมือของบิลลี่และตรวจสอบคุณสมบัติ
"ที่นี่มีบางอย่างแปลก ๆ !" บิลลี่พูดต่อ
พันตรีดัตช์มองขึ้นไปที่เขา "เจออะไรอีกไหม?"
"มันแปลกมาก!"
บิลลี่เดินไปยังจุดหนึ่งในสำนักงานแล้วชี้ไปที่รูกระสุนปืนหลายแถวบนผนัง "รูกระสุนเหล่านี้ทิ้งรูพรุนกระจัดกระจาย ดูเหมือนว่าจะมีการยิงมั่ว ๆ เกิดขึ้นที่นี่..."
"หา?"
"มีตรงจุดนี้...จุดนี้... และจุดนี้ก็เหมือนกัน มันมีการสู้รบเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนคนพวกจะเสียสติและยิงไปทุกที่โดยไม่เลือกเลย!"
เขาหันกลับมาและเดินเข้าไปหาศพทั้งสามที่ติดอยู่กับกำแพง น่าแปลกใจที่มันไม่ได้น่าขยะแขยงสำหรับเขามากนัก เขาชักดาบของเขาออกจากศพหนึ่งแล้วชี้ไปที่บาดแผล "แผลทั้งหมดอยู่ที่หัวใจ ดูเหมือนว่าพวกเขาถูกแทงทะลุด้วยอาวุธบางอย่างและตายทันที..."
พันตรีดัตช์เข้าใจความหมายของคำพูดเขาอย่างเลือนลาง แต่มันยังมีบางส่วนที่เขาไม่เข้าใจ เขาตัดสินใจถามตรง ๆ "สรุปแกกำลังจะพูดอะไร?"
"นอกจากไดโนเสาร์แล้ว ผมว่ามันยังมีสิ่งอันตรายบางอย่างอยู่บนเกาะ พวกมันอาจจะไม่กินพวกเราเหมือนไดโนเสาร์ แต่ผมกลัวว่าพวกมันก็ต้องการชีวิตพวกเราเหมือนกัน..."
บิลลี่ตอบอย่างหนักแน่นพร้อมโบกมีดในมือเขาสองสามครั้ง
พอนับศพในสำนักงานได้อย่างรวดเร็ว มีศพชายวัยผู้ใหญ่อยู่ทั้งหมด 23 ศพ ทว่าเนื่องจากศีรษะของพวกเขาถูกตัดออกและผิวหนังถูกลอกออกมา ทำให้แม้ซุนเฉิงจะมีความจำที่ดี เขาก็ไม่สามารถระบุได้ว่ากี่คนเป็นเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยจากเกาะและกี่คนเป็นพนักงานของบริษัทแห่งนี้
แม้บริษัทแห่งนี้จะมีธุรกิจหลักในการให้บริการและจำหน่ายสินค้าหลากหลายต่อสาธารณะ แต่สภาพศพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ชวนให้สงสัยถึงเบื้องหลังอันดำมืดของบริษัทแห่งนี้เหลือเกิน
"การค้นหาชั้นสองเสร็จสมบูรณ์ ไม่พบใคร!"
"ชั้นสามยืนยัน ไม่มีใคร..."
"หน้าต่างชั้นสี่ยังคงสภาพเดิม ตรวจสอบห้องทุกห้องแล้ว ไม่มีอะไร!"
"ไม่มีใครอยู่ชั้นห้า..."
หลังจากใช้เวลาสิบนาทีในการค้นหาอย่างระมัดระวังตั้งแต่ชั้นหนึ่งถึงชั้นห้าและไม่พบผู้รอดชีวิตหรือร่องรอยที่น่าสงสัย พันตรีดัตช์และทีมของเขาก็กลับมายังชั้นหนึ่ง
"ทุกคนบนเกาะอยู่ที่นี่หมดแล้วเหรอ?"
พันตรีดัตช์หหยิบ M16 ที่หักโค้งราวกับเหล็ก ปืน M16 นี้ถูกค้นพบที่ไหนสักแห่งบนชั้นหนึ่งของศูนย์วิจัย เห็นได้ชัดว่ามันถูกตัดขาดโดยใครบางคนที่ใช้อาวุธคม
"ไม่ครับ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างน้อยยี่สิบคนยังคงอยู่บนเกาะ..."
ซุนเฉิงสั่นหัวและตอบไปตามตรง ใบหน้าของเขายิ่งดูกังวลมากขึ้น
ตั้งแต่เข้ามาในศูนย์วิจัย อุปกรณ์ในอ้อมแขนของเขาก็สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง มันเตือนเขามากกว่า 20 ครั้ง เกือบทุกนาทีเลย เห็นได้ชัดว่ามันตรวจพบบางสิ่งที่อันตราย แต่ซุนเฉิงหาเวลาอยู่คนเดียวและถามมันไม่ได้
ซึ่งทางพันตรี ดัตช์และทีมของเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับพฤติกรรมที่ผิดปกติของซุนเฉิง เพราะพวกเขาเหมือนกับได้มาเห็นฝันร้าย กระทั่งพวกเขาที่เป็นถึงทหารผ่านศึก พวกเขายังสงบใจไม่ได้เลย จะคาดหวังอะไรให้ชายธรรมดาคนหนึ่งยังคงมีสติอีก
"ดัตช์ พวกเราทุกคนไปหาอะไรกินก่อนเถอะ!"
ดิลลอน ทหารผิวดำยกปืนขึ้นแล้วออกจากห้องไป เขาไม่ได้ปิดบังการกระทำของเขา ทุกคนต่างเห็นเขาค้นหาข้อมูลในห้อง โดยเฉพาะข้อมูลเรื่องเทคโนโลยีการโคลนนิ่งและการปรับแต่งพันธุกรรมของบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเจเนติกส์
พันตรีดัตช์ครุ่นคิดสักพักก่อนพยักหน้าช้า ๆ "ฮอว์กินส์ ฮาร์แลน พวกแกสองคนไปที่ครัวแล้วเอาอาหารมาที่นี่ นอกจากนี้ ไปนำไวน์มาสองขวดด้วย บิงค์พยายามติดต่อฐาน"
พวกเขาระบุที่ตั้งของครัวระหว่างการเดินสำรวจศูนย์วิจัย ดังที่ซุนเฉิงได้อธิบายไว้ ที่นั่นไม่เพียงแต่มีอาหารดิบแช่แข็งจำนวนมากในช่องแช่แข็งเท่านั้น แต่ยังมีอาหารปรุงสำเร็จอีกด้วย
"รับทราบครับพันตรี!"
ฮาร์แลนและฮอว์กินส์ต่างตอบรับคำสั่ง พวกเขารีบมุ่งหน้าไปยังห้องครัวพร้อมอาวุธเพื่อเตรียมนำอาหารกลับมา
ส่วนบิงค์ ทหารสื่อสาร หลังจากได้รับคำสั่งเขาก็หยิบอุปกรณ์สื่อสารดาวเทียมออกมาและพยายามติดต่อกับโลกภายนอก
"ดิลลอน เราต้องคุยกันอย่างจริงจัง!"
พันตรีดัตช์เหลือบมองซุนเฉิงเพียงชั่วครู่ สายตาที่มองมารู้เลยว่าจะสื่ออะไร
ซุนเฉิงที่รู้สึกหนักใจว่าจะหาข้ออ้างอะไรออกจากกลุ่มคนพวกนี้ เขาก็รู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้โอกาส ความวิตกกังวลบนใบหน้าของเขาก็หายไปในทันที "ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ!"
หลังจากพูดจบ ซุนเฉิงก็หันกลับไปและมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำใกล้เคียง
เมื่อเข้าไปในห้องน้ำแล้ว หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครตามเขา ซุนเฉิงก็รีบผลักประตูห้องเล็ก ๆ ออกแล้วนั่งลงบนโถสุขภัณฑ์ เขาถอดรีเวนจ์ที่ห้อยคอออกอย่างกระวนกระวายแล้วถามว่า "สถานการณ์เป็นยังไง? เห็นแกสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว..."
"นอกเหนือจากตัวตนลึกลับที่เราเคยตรวจพบก่อนหน้านี้ หลังจากเข้าไปในอาคารนี้แล้ว ข้าก็ยังตรวจพบอีกหนึ่งที่ใช้ 'การอำพรางด้วยแสง' อีกครั้ง มันกำลังแอบซ่อนอยู่ภายในอาคารนี้และกำลังมุ่งหน้าไปยังชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ ข้าเพิ่งได้รับการติดต่อจากเซฟการ์ดว่ามันได้รับสิ่งที่ท่านสั่งให้ไปหามาแล้ว!"
เซฟการ์ดติดต่อกับรีเวนจ์และได้สิ่งที่ซุนเฉิงสั่ง สิ่งนี้เป็นข่าวดีสำหรับเขามากจริง ๆ
ทว่าทันทีที่ความตื่นเต้นเกิดขึ้น ความยินดีของซุนเฉิงก็สลายไปทันทีเมื่อรู้จากรีเวนจ์ถึงตัวตนล่องหนอีกหนึ่ง!
"มีบางสิ่งที่ล่องหนอีกคนงั้นเหรอ!"
หัวใจของเขาคล้ายจมดิ่งลงห้วงหุบเหว เมื่อพวกเขาพบกับบุคคลล่องหนคนแรกที่ใช้อำพรางด้วยแสงบนเนินเขา ทีมทหารของพวกเขาสูญเสียสมาชิกไปเพียงคนเดียว แต่เพราะรีเวนจ์ยืนยันความสามารถในการต่อสู้กับเป้าหมายได้ ซุนเฉิงจึงไม่ค่อยกลัวบางสิ่งที่ล่องหนพวกนั้นสักเท่าไร
ทว่าจากการวิเคราะห์ของบิลลี่ ทหารพื้นเมืองชาวอเมริกัน เหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นในศูนย์วิจัยน่าจะเป็นฝีมือของคนล่องหนที่รีเวน์จตรวจพบเป็นแน่
ขณะที่ภาพของศพที่ถูกตัดหัวและลอกหนังยังคงปรากฏหลอกหลอนอยู่ในใจของซุนเฉิง ความรู้สึกไม่สบายใจก็กดทับหน้าอกของเขาอย่างหนัก แต่เขาก็ได้รีบสะบัดหัวเพื่อไล่มันออกไป
"ตอนนี้เซฟการ์ดอยู่ที่ไหน? แกติดต่อกับมันได้ไหม?"
"ขณะนี้อยู่ในศูนย์ควบคุมใต้ดิน กำลังคัดลอกข้อมูล นอกจากนี้จากข้อมูลที่เพิ่งให้มา มีผู้รอดชีวิตหลายคนอยู่เบื้องล่าง รวมถึงเอด้าหว่องด้วย ท่านต้องการให้ข้าเรียกมันมาไหม?"
"ชั้นใต้ดินเหรอ?"
ทันใดนั้น ซุนเฉิงก็นึกขึ้นได้ ตอนที่เขาอยู่ในห้องสำนักงาน เขาเคยเห็นศพที่ถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมหลายศพ ทำให้เขาคิดว่าทุกคนในศูนย์วิจัยอาจหลบหนีไปแล้ว และไม่มีผู้รอดชีวิตอยู่ในตึกนี้ ทำให้ถึงจะรู้ว่าที่นี่มีชั้นใต้ดินอีกสองชั้น แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากและไม่ได้เข้าไปค้นหาด้วย
แต่กลับกลายเป็นว่า…ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ชั้นใต้ดิน
ขณะที่กำลังคิดว่าจะเรียกเซฟการ์ดมาคุ้มกันตัวเอง รีเวนจ์ที่นอนอยู่บนตักของเขาก็ขยับเขยื้อนและเปลี่ยนกลับเป็นร่างดีเซปทิคอนอย่างรวดเร็ว เขามุ่งเข็มโลหะผอมบางไปยังจุดด้านบนของห้อง
ซุนเฉิงตะลึงไปชั่วขณะและมองขึ้นไปที่ตำแหน่งที่มันเล็งไปโดยสัญชาตญาณ เขารู้สึกกลัวมาก ขาของเขาสั่นสะท้าน ริมฝีปากแทบจะกลั้นเสียงเอาไว้ไม่อยู่
"แคว๊ก!"
ด้านบนของห้อง เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่น่าขนลุก สัตว์ประหลาดมนุษย์รูปร่างใหญ่โตที่น่าสยดสยองปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็วและร่วงลงมาทันที