ตอนที่แล้วบทที่ 111 เสียงกรีดร้อง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 113: คืนพายุฝน

บทที่ 112:การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น


[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]

[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]

[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]

บทที่ 112:การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น

มีบางอย่างเกิดขึ้น!

ซุนเฉิงรู้ทันทีว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น!

หลังจากตะโกนเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากอีกฝั่ง คีลบอยจึงตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว

"ผมขอโทษด้วยครับด็อกเตอร์แฮมมอนด์ ผมคงต้องไปดูให้ชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้น..." เขาพูดกับแฮมมอนด์ที่ดูวิตกกังวลไม่แพ้กันด้วยสีหน้าจริงจัง "นี่อาจจะเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดก็ได้ครับ..."

คีลบอยเหลือบมองนาฬิกาของเขาแล้วมองออกไปนอกศูนย์วิจัย ดูท้องฟ้ามืดมัวที่กำลังเข้ามาเนื่องจากฝนตกหนัก รอคอยคำสั่งจากแฮมมอนด์

การติดต่อที่สูญหายอย่างกะทันหันและเสียงปืนสั้น ๆ ที่ได้ยินจากปลายทางของวิทยุสื่อสาร ทำให้แฮมมอนด์ผู้แก่ชราตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์ดี

ตั้งแต่เขาขาดการติดต่อกับนักวิทยาศาสตร์คนที่เขาเชิญมา นักธุรกิจชราก็ดูกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ปากที่สั่นเทาของเขาได้พูดออกมาคล้ายกับกำลังอ้อนวอน "คีลบอย ผมขอร้องคุณ ได้โปรดช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับทุกคนด้วย!"

คีลบอยพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น จากนั้นเขาหันไปหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาแล้วหมุนไปที่ความถี่ช่องหนึ่ง เขาพูดออกไปทันทีว่า "นี่คือคีลบอย ถึงเฟิร์ธ เตรียมคนของนายพร้อมอาวุธ ไม่สามารถติดต่อฮาชิได้แล้ว..."

"เข้าใจแล้วครับ!"

เขาเก็บวิทยุสื่อสารอย่างรวดเร็ว พยักหน้าเบา ๆ ให้แฮมมอนด์แล้วเดินออกจากศูนย์วิจัยโดยไม่หันกลับไปมอง จากนั้นร่างของเขาก็หายลับไปในสายลมและฝ่าสายฝนไป

เหตุการณ์ประหลาดได้เกิดขึ้นเกิดขึ้น แม้ว่าด็อกเตอร์แฮมมอนด์พยายามปกปิด แต่บรรยากาศในงานเลี้ยงนั้นก็ดูไม่รื่นเริงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่แขกที่มาหารือธุรกิจกับเขาก็ถูกปฏิเสธไปหมดเพราะด้วยอารมณ์ของเขา

หลังจากได้พยายามติดต่อเรื่องธุรกิจอยู่หลายครั้ง คนส่วนใหญ่จึงเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ งานเลี้ยงอาหารค่ำสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว แฮมมอนด์เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนมาขับรถส่งทุกคนกลับไปที่วิลล่า

เมื่อกลับถึงที่พัก ซุนเฉิงได้ปฏิเสธคำเชิญจากนักลงทุนเสี่ยงโชคอีกสองคนที่อยู่ในวิลล่าเดียวกัน เขาตรงไปที่ห้องพักของเขาและล็อคประตู

เขาปิดม่าน เหลือเพียงช่องเล็ก ๆ ที่หน้าต่าง จากนั้นซุนเฉิงจึงเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปด้านนอกผ่านช่องว่าง สังเกตุเห็นลมแรงและฝนที่ตกอย่างหนัก หลังจากนั้นสักพักเขาก็เห็นอะไรบางอย่าง!

"เป็นไงบ้าง?"

ขณะกลั้นความตื่นเต้นไว้ เขาก็ถามด้วยความกังวล

เมื่อเสียงของซุนเฉิงดังขึ้น หน้าจอของโน้ตบุ๊กบางเฉียบที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงอย่างเงียบ ๆ ได้สว่างขึ้นทันที เสียงอิเล็กทรอนิกส์เย็นชาดังตอบกลับมา "ใช้ช่องโหว่ที่ค้นพบ ได้บิตคอยน์ทั้งหมด 67,492 บิตคอยน์และขายบนแพลตฟอร์มการซื้อขาย 114 แห่ง ใช้เวลา 69 ชั่วโมง 47 นาที 52 วินาที โดยมีราคาธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ $1,892.74 เงินที่ได้กำลังถูกฟอกเงินผ่านการโอนเงินระหว่างประเทศไปยังตลาดหุ้นที่กำหนดของสี่ประเทศครับ..."

การทำธุรกรรมครั้งที่สอง กับแพลตฟอร์มรับซื้อช่องโหว่ซีโรเดียมได้เสร็จสิ้นไปแล้วในคืนก่อนวันเกิดของเขา

ธุรกรรมทั้งสองนี้สร้างผลกำไรให้กับซุนเฉิง $470,000 ซึ่งมันไม่ใช่ผลตอบแทนที่น้อยเลย แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ มันก็เหมือนแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น

แม้ว่าเพชรและเครื่องประดับมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ที่นำกลับมาจากต่างโลกจะมีมูลค่าสูง แต่ซุนเฉิงไม่อาจจะขายมันในโลกความเป็นจริงได้โดยง่าย หากเขาจะขายคงต้องใช้ช่องทางออนไลน์บางอย่าง สร้างใบเสร็จรับเงินปลอมและใบรับรองการซื้อมา ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องใช้เวลามากและยังคงมีความเสี่ยงสูง ถ้ามีใครมาสืบสวน ตัวตนที่แท้จริงของเขาอาจถูกเปิดเผยได้ง่าย

หลังจากพิจารณามานาน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจนำมันไปขายต่างประเทศ

แต่สุดท้ายเครื่องประดับที่นำกลับมาจากต่างโลกก็ไม่สามารถขายได้ ซุนเฉิงกังวลเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยความช่วยเหลือของเซฟการ์ดและรีเวนจ์ เขาจึงมีวิธีการมากมายในการหาเงินในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ทั้งหมดล้วนเป็นวิธีการผิดกฎหมายที่ไม่สามารถเผยแพร่ต่อสาธารณะได้

หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ ซุนเฉิงได้วางแผนใหม่ในการระดมทุนจากอินเทอร์เน็ตโดยใช้ทักษะการแฮ็กของเซฟการ์ด โดยมีเป้าหมายที่บิตคอยน์  ซึ่งเป็นราชาของสกุลเงินดิจิทัล

เหตุผลที่มุ่งเป้าไปยังสกุลเงินดิจิทัลแทนที่จะใช้ช่องโหว่ในธนาคารโดยตรงก็เพราะ การที่ธนาคารสูญเสียเงินเพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์อาจกลายเป็นข่าวใหญ่ได้ อย่าลืมว่าธนาคารมันคือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางการเงินของประเทศ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องมีการสอบสวนแน่ นอกจากนี้ เซฟการ์ดและรีเวนจ์ยังแตกต่างอย่างมากจากจักรกลอย่างเฟรนซี่ของเขาในต่างโลก ซุนเฉิงกลัวว่ามันอาจจะทิ้งร่องรอยใด ๆ ลงไป

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สกุลเงินดิจิทัลมีความปลอดภัยมากกว่า แม้ว่าจะมีเรื่องอื้อฉาวมากมาย แต่สื่อก็คงจะมองว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากแฮกเกอร์ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากสังคมและประชาชนน้อยกว่าธนาคาร

นอกจากนี้ มูลค่าของบิตคอยน์ยังค่อนข้างเยอะด้วย เพราะมันเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ตลาดบิตคอยน์ทั่วโลกจึงมีขนาดเกือบ 2 หมื่นล้านดอลลาร์

ซุนเฉิงไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องของสกุลเงินบิตคอยน์ เพราะในฐานะที่เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ชั้นนำของจีน นักศึกษาจำนวนมากที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้ต่างก็คลุกคลีอยู่กับบิตคอยน์ บางคนถึงขั้นได้เงินทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ จากมันได้เลย แต่ส่วนใหญ่ก็ขาดทุนกัน เรื่องพวกนี้แหละที่ทำให้เขารู้จักกับบิตคอยน์

ในฐานะที่มันเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกเขียนด้วยการเข้ารหัสและขับเคลื่อนด้วยการเก็งกำไร ไม่เคยมีคำว่าความปลอดภัยอยู่ในสกุลนี้เงิน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงมีข่าวมากมายเกี่ยวกับช่องโหว่ของบิตคอยน์และธุรกรรมตลาดมืด

ดังนั้นหลังจากที่ซุนเฉิงตัดสินใจที่จะหาเงินด้วยททุกวิธีการแล้ว เขาจึงหันเหความสนใจไปที่บิตคอยน์ทันที

หลังจากประเมินรายได้คร่าว ๆ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของซุนเฉิง

"ทำได้ดี" เขากล่าวชมมันทันที

เมื่อมีเงินมากมายมหาศาลในโลกแห่งความเป็นจริง ก็ถือว่าดีสำหรับเขา แต่เขาไม่กล้าที่จะประมาทเด็ดขาด

ซึ่งเซฟการ์ดค้นพบช่องโหว่บางอย่างในบิตคอยน์ด้วย แต่ซุนเฉิงก็แค่ให้มันควบคุมบัญชีที่ลงทะเบียนไว้หลายพันบัญชี โดยแต่ละบัญชีจะมีบิตคอยน์ถือครองอยู่ประมาณ 12 เหรียญ ต่อให้พวกแพลตฟอร์มขนาดใหญ่จะตรวจพบเจอในภายหลัง มันก็จะแค่เปิดเผยเฉพาะช่องโหว่ว่ามีคนกระจายเหรียญเท่านั้น ไม่มีทางที่จะสาวมาถึงตัวเขาได้

ด้วยเงินทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์ที่ฝากไว้ หลังเขาจัดการกับเรื่องราวบนเกาะอิสลานูบลาเสร็จสิ้นและกลับบ้าน เขาก็สามารถขยายธุรกิจในโลกแห่งความเป็นจริงได้ในทันที

ทว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ก็หายไปจากใบหน้าของซุนเฉิง ทันทีที่เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะในวันนี้

"สถานการณ์บนเกาะไม่สามารถยื้อเวลาได้แล้ว เซฟการ์ด เตรียมตัวทำภารกิจ..."

"ครับ!"

ขณะที่เขาสั่งคำสั่งอย่างใจเย็น เซฟการ์ดก็เปลี่ยนร่างจากก้อนเนื้อที่ดิ้นไปมาเป็น ดีเซปติคอนดุร้ายในร่างของแมลง

"แฮมมอนด์น่าจะอยู่ที่ศูนย์วิจัย ไปเอาอำพันจากไม้เท้าของแฮมมอนด์และคัดลอกข้อมูลทั้งหมดที่เก็บไว้ในศูนย์วิจัยมา พยายามอย่าเปิดเผยตัวตน!"

"รับทราบนายท่าน!"

หลังจากเซฟการ์ดตอบกลับด้วยเสียงอิเล็กทรอนิกส์เย็นชา ซุนเฉิงก็เปิดหน้าต่าง เผยให้เห็นเพียงช่องว่างที่กว้างพอให้มันเข้าและออกได้

ทันทีที่หน้าต่างเปิดออก ลมพายุเสียงลมพายุที่กระหน่ำปะปนกับไอน้ำก็พุ่งเข้ามาในห้อง ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกอย่างรวดเร็ว

เซฟการ์ดที่มีลำตัวคล้ายแมลงวันมีปีกโลหะบาง ๆ แม้ว่ามันจะเป็นดีเซปติคอนรูปแบบลาดตระเวน แต่มันก็มีความสามารถในการบินได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในลมแรงที่เกิดจากฝนตกหนักเช่นนี้ ตัวของมันก็ไม่ต่างอะไรจากเครื่องบินของมนุษย์เลย

หลังจากกระพือปีกและบินออกจากห้องไป ซุนเฉิงก็เห็นชัดเจนว่าจักรกลของเขาร่อนลงพื้นและหายตัวไปอย่างรวดเร็วในตอนกลางคืน

"อืม ขอให้พึ่งได้แล้วกัน..."

ไม่กี่นาทีหลังจากที่เซฟการ์ดหายตัวไป รีเวนจ์ที่คงรูปร่างเป็นกล้องไว้ก็เปลี่ยนกลับเป็นแมลงและบินไปอยู่ข้าง ๆ ซุนเฉิง "กล้องรูเข็มที่ข้าวางไว้ในวิลล่าเพิ่งจับภาพเหตุการณ์นี้ได้ครับนายท่าน..."

มันฉายภาพชุดหนึ่งต่อหน้าซุนเฉิง บันทึกร่างที่ปราดเปรียวได้อย่างชัดเจน หลังจากสำรวจสภาพแวดล้อมไปครู่หนึ่ง ร่างนั้นก็ออกจากวิลล่าอย่างเงียบ ๆ และหายไปในตอนกลางคืน

ซุนเฉิงหรี่ตาลงขณะที่เขามองอย่างใกล้ชิด "เป็นเธอนี้เอง!"

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด