ตอนที่ 114 เราต้องช่วยชายคนนั้น! อะไรมันมาโดนตัวข้ากัน ?? (อ่านฟรี 02/12/2567)
เปรี้ยง! โครมม! ตู้ม!
“เฮ้ย! ไหนว่าแค่จะสำรวจไง ทำไมมันหันมาเล่นงานพวกเราได้วะ” เสียงของหลี่กงเหมินโวยวายขึ้นมา ทำให้เย่ซีที่อยู่ในรถเพียงลำพังก็ยังได้ยิน
“ใครจะไปคิดว่ามันจะประสาทสัมผัสเฉียมคมขนาดนั้นล่ะ รีบขึ้นรถหนีกันเถอะ” ซางเว่ยตอบโต้กลับไปด้วยความหัวเสีย
“กรี๊ดดด มันปล่อยเมือกมาด้วย น่าขยะแขยง!” อันหลานกรีดร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง
“เมือกนั่นมันเป็นกรดนะ! อย่าไปโดนเชียวล่ะ!” ซางเว่ยตะโกนบอกออกมา
‘ดูเหมือนพวกนั้นจะเล่นสนุกกันใหญ่เลยสินะ’ เย่ซีได้แต่พยายามนึกภาพตามอยู่ในใจเท่านั้น เขานอนรออย่างอดทนเพื่อให้ร่างกายขยับได้อีกครั้ง
อย่างน้อยลืมตาดูได้ก็ยังดี! พอใช้พลังปราณรับรู้เรื่องรอบตัวไม่ได้แบบนี้มันช่างทำให้ต่อมอยากรู้อยากเห็นของเขารู้สึกทรมานจริง ๆ !
“เฮ้ย! ทำไมมันกระโดดไปทางนั้นล่ะ!!” ซางเว่ยกล่าวออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ
‘ทางนั้นนี่มันทางไหนกัน ?’ เย่ซีที่ได้ฟังก็ครุ่นคิดอยู่ในใจ
มอนสเตอร์ที่กระโดดได้ ตัวมันจะใหญ่ขนาดไหนกันนะ จะเหมือนพวกสัตว์อสูรรึเปล่า ? เขาอยากจะเห็นจริง ๆ
ตู้ม!!! โครมมม
“ไม่นะ! ผู้ชายคนนั้นยังอยู่ในรถอยู่เลย แบบนี้ตายแน่ ๆ” เหยาเซียงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ พวกเธอรีบลงจากรถแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่มีมอนสเตอร์โผล่ออกมา ทำให้ไม่ได้นำตัวของชายหนุ่มไปด้วย
หนึ่งคืออยู่ในรถคงน่าจะปลอดภัยกว่า ส่วนอีกเหตุผลก็เป็นเพราะถ้าพาไปด้วยก็เคลื่อนไหวลำบากกันเปล่า ๆ นั่นเอง
สัตว์ประหลาดที่มียืนสองขาเหมือนมนุษย์แต่ท่อนบนมีเพียงดวงตาขนาดใหญ่ และปากที่อ้าออกกว้างเผยให้เห็นฟันอันแหลมคมที่เรียงรายอยู่ในปากเต็มไปหมด มันปลุ่ยหนวดสีแดงสดออกมาจากปากของมันลงไปยังซากรถที่มันเพิ่งจะทำลายไปเมื่อสักครู่นี้
กว๊าซซซซ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
‘อะไรมาโดนตัวข้า?? สัมผัสมันแปลก ๆ แหะ’ เย่ซีสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งมีจับแขนและขาของเขาเอาไว้ ทำให้ร่างของเขาถูกยกลอยสูงขึ้นมาจากพื้นดิน
“ไม่น่าเชื่อ! เขาดูเหมือนจะไม่มีบาดแผลอะไรเลยนะ” ซางเว่ยกล่าวออกมาหลังสังเกตเห็นว่าชายแปลกหน้ายังไม่ตาย ถึงสภาพของเขาตอนนี้จะถูกมอนสเตอร์จับลอยอยู่เหนือพื้นก็เถอะ
แปลกมากที่คนธรรมดาแบบนั้นไม่มีแม้แต่บาดแผลเลยสักนิด เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ไม่มีรอยขาดเลยด้วย มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?!
“เราจะทำยังไงกันดี !?” หลี่กงเหมินที่ปกติจะตัดสินใจได้รวดเร็วเสมอ แต่ในตอนนี้เขากลับสับสนว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี หรือจะปล่อยให้ชายคนนั้นเป็นเหยื่อล่อแล้วรีบดีไปดีนะ ?
“พวกเราลองอาศัยจังหวะนี้ใช้ปืนพลังงานยิงมันดูจะดีไหม ?” เหยาเซียงที่ยืนมองรอบตัวอยู่กล่าวออกมา เธอมองว่าจังหวะที่มอนสเตอร์กำลังให้ความสนใจกับร่างชายแปลกหน้าอยู่ ถ้าพวกเธอโจมตีมอนสเตอร์ในจังหวะนี้ อาจจะกำจัดมันได้!
“แต่มันก็เสี่ยงมากนะ ถ้าโดนชายคนนั้นขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ ?” อันหยางกล่าวแย้งออกมา
“ฉันเห็นด้วยกับเหยาเซียง ถึงยังไงถ้าเราไม่ทำอะไรชายคนนั้นก็ต้องตายแน่ ๆ สู้พวกเราลองโจมตีมอนสเตอร์จากจังหวะนี้จะมีโอกาสรอดมากกว่า” หลี่กงเหมินกล่าวสนับสนุนให้โจมตี
ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไมชอบอีกฝ่าย แต่เป็นเพราะเขามองภาพรวมของเหตุการณ์ในตอนนี้ต่างหาก อีกอย่างตัวมอนสเตอร์ก็มีขนาดใหญ่เท่ารถบัส ขอแต่โจมตีจุดอื่นที่ห่างจากตัวของชายคนนั้นหน่อยก็นับว่าปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้ว
ครึ่งหลัง
“ฉันก็เห็นด้วย พวกเรารีบเซ็ตปืนแล้วโจมตีมันเถอะ ต้องโจมตีจนกว่ามันจะปล่อยตัวชายคนนั้น” ซางเว่ยที่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวออกมา เขามองว่าเหตุผลของหลี่กงเหมินฟังดูเหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุดแล้ว
เขาจะช่วยชายตรงหน้าให้ได้! แต่ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ เขาก็พร้อมจะหนีไปกับเพื่อนของเขาได้ทุกเมื่อเช่นกัน...
เปรี้ยง! เปรี้ยง! กรี๊ซซซซ
“ไม่ไหว ปืนพลังเวทย์ของพวกเรามันระดับต่ำเกินไป!” หลี่กงเหมินที่ประกอบปืนยาวเสร็จทำการใส่พลังเวทย์ของตนและยิงใส่มอนสเตอร์ไป แต่มันก็ทำได้เพียงสร้างความเสียหายให้กับมอนสเตอร์ตรงหน้าได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“แบบนี้พวกเราจะซวยไปด้วยนะ! หนีก่อนจะดีกว่าไหม ? แล้วค่อยกลับมาอีกทีพร้อมทีมอื่น” หลี่กงเหมินยังคงกล่าวออกมาต่อ เขาประเมินสถานการณ์ตรงหน้าแล้วว่าการถอยไปก่อนน่าจะดีที่สุด
“ว่าแต่นี่มันตัวบ้าอะไรกัน? มันแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์หนึ่งดาวอีกนะ” อันหลานโวยวายออกมาด้วยความตื่นตะหนก ปืนไรเฟิลของเธอก็ทำได้เพียงยิงทะลุผ่านร่างของมันไปเท่านั้น แต่ใช้เวลาไม่นานมันก็ฟื้นฟูบาดแผลจนหายดีเรียบร้อยแล้ว
“อาจจะหลุดมาจากรอยแยกนั่นแหละ ต้องรีบไปแจ้งศูนย์กระจายข่าวใกล้ ๆ ให้เร็วที่สุด” เหยาเซียงที่กำลังควบคุมโดรนให้ยิงใส่มอนสเตอร์อยู่ก็กล่าวออกมาเช่นกัน
“ฉันจะลองใช้ดาบเวทย์ตัดหนวดพวกนั้นดู! พวกนายอาศัยจังหวะนั้นช่วยผู้ชายคนนั้นดู ถ้าไม่ไหวจริง ๆ พวกเราจะถอยกันก่อน!” ซางเว่ยชักดาบเวทย์ที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมาก่อนจะเปิดวงจรของตัวดาบ มีแสงสีแดงดุจเปลวไฟลุกโชนออกมาจากตัวดาบอย่างรุนแรง
ย๊ากกกกก เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ร่างของชายหนุ่มในชุดนักผจญภัยสีดำถือดาบเวทย์สีแดงฟาดฟันหนวดของมอนสเตอร์ที่พุ่งเข้ามาอย่างดุเดือด ดาบเวทย์เล่มนี้เป็นถึงดาบเวทย์สองดาว พวกมันสามารถตัดหนวดของมอนสเตอร์ตรงหน้าได้อย่างไม่ยากนัก แต่หนวดที่ถูกตัดก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อยู่ดี
ซางเว่ยพยายามที่จะบุกฝ่าเข้าไปหาร่างของชายหนุ่มที่ถูกจับเอาไว้ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่อาจทำได้สำเร็จ กลับกันเขาถูกหนวดเหล่านั้นโจมตีเข้าใส่จนต้องถอยร่นออกมาแทน
ฟุบ! พรวดด เอิ๊ก!
แต่แล้วก็เกิดภาพที่ทำให้ทุกคนถึงกับตัวแข็งค้าง นั่นก็คือเจ้ามอนสเตอร์ตรงหน้ามันจับร่างของชายหนุ่มในเสื้อคลุมแบบจีนโบราณยัดเข้าปากที่เต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมก่อนจะกลืนลงท้องไปหน้าตาเฉย! แถมยังเรอออกมาอีกด้วย!!
“เขาถูกกินเข้าไปแล้ว!” อันหลานตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ถึงแม้ว่าจะมีมนุษย์ตายจากน้ำมือของมอนสเตอร์อยู่ทุกวัน แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นภาพแบบนี้ด้วยตาของตัวเองเข้าจริง ๆ !
เธอยังเป็นเพียงเด็กสาวที่ยังไม่เคยผ่านการต่อสู้จริงเลยสักครั้งเท่านั้น! ย่อมไม่มีประสบการณ์ที่จะได้เห็นผู้คนล้มตายต่อหน้าต่อตาอยู่แล้ว
แน่นอนว่าคนอื่น ๆ ในกลุ่มก็เป็นเช่นเดียวกัน
“พวกเราถอย! วิ่งไปข้างหน้าอีกสักพักก็จะถึงศูนย์กระจายข่าวสารใกล้ ๆ นี้แล้ว พอไปถึงเราค่อยส่งข่าวให้ทีมล่าที่อยู่ใกล้ที่สุดมาจัดการ!” ซางเว่ยพยายามรวบรวมสติก่อนจะกล่าวออกมา เขายังคงฟาดฟันหนวดของมอนสเตอร์ที่หมายจะพุ่งเข้ามาจับตัวเขาเอาไว้ตลอดเวลา
กรี๊ดดดด
“แย่แล้ว! อันหลานถูกมันจับตัว!” เสียงตะโกนของหลี่กงเหมินดังขึ้นมาทำให้ซางเว่ยเสียสมาธิไปชั่วขณะ เขาถูกหนวดเส้นหนึ่งแทงทะลุหัวไหล่ข้างขวาเข้าอย่างจัง ดาบเวทย์หลุดกระเด็นออกไปไกลก่อนจะปักเข้าที่ต้นไม้ข้างทาง
ในตอนนี้ทั้งสี่คนถูกมอนสเตอร์จับกุมไว้ได้จนหมด พวกเขาได้แต่มองภาพปากที่อ้าออกกว้างของมันด้วยความหวาดกลัว ถ้าถูกโยนลงไปในนั้นยังไงก็ต้องตายแน่นอน!
“แม่จ๋า! หนูยังไม่อยากตาย!” หลี่กงเหมินกรีดร้องออกมาด้วยความเสียสติ ถึงแม้ภายนอกเขาจะดูกล้าหาญและดุดัน แต่ลึก ๆ เขานั้นหวาดกลัวความตายยิ่งกว่าใครเลยทีเดียว
“ไอ้มอนสเตอร์บัดซบ!!”