ตอนที่ 26 รอดเป็นการชั่วคราว
ตอนที่ 26 รอดเป็นการชั่วคราว
“มีอะไรทักท้วงหรือไม่?” เจิ้งอี้พยายามข่มขวัญโดยไม่ได้แสดงโทสะใดออกมา และหากว่าจี้เตี๋ยไม่กล้าให้พิสูจน์ ก็เป็นไปได้ว่าจะมีอะไรแอบซ่อนเอาไว้
“ขอรับผู้อาวุโส ตรวจสอบได้เลย ข้าเป็นศิษย์ที่บริสุทธิ์และถูกใส่ร้าย หาได้มีอะไรต้องหวาดกลัวไม่” จี้เตี๋ยเผยท่าทีใสซื่อ นอกจากนี้เขาเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับอีกฝ่าย
เนื่องจากมีเพียงตัวเขาเองที่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับศิษย์พี่หญิงเจียงว่าแท้จริงเป็นอย่างไร เขาไม่อาจใช้นามของนางมาอ้างจนเกินควร เพราะกลัวว่าสุดท้ายอาจถูกเปิดโปงเอาได้
“ดี ข้าจะสอนให้เจ้ารู้ถึงการลบล้างรอยพันธะบนถุงมิติ ถึงตอนนั้นข้าจะสามารถตรวจสอบถุงมิติของเจ้าได้” เจิ้งอี้พยักหน้ารับ สุดท้ายจึงสอนวิธีการลบล้างรอยพันธะกับถุงมิติ
หากว่าเป็นสถานการณ์ปกติ ภายหลังถุงมิติรับรู้ถึงเจ้าของแล้ว จะมีเพียงแค่เจ้าของที่สามารถเปิดมันออกได้ เว้นแต่รอยพันธะบนตัวถุงมิติจะถูกฝืนลบทิ้งโดยผู้ฝึกตนที่สูงส่งกว่า หรือตัวเจ้าของตาย ก็ไม่มีใครสามารถฝืนเปิดถุงออกได้
จี้เตี๋ยไม่ปฏิเสธ กระทั่งทำตามวิธีการที่เจิ้งอี้สอน เขาลบล้างรอยพันธะระหว่างจิตของตนเองกับมิติด้านในถุง ถัดจากนั้นเขาจึงถอยไปยืนรออย่างสงบ เพื่อให้อีกฝ่ายได้ตรวจสอบเท่าที่ต้องการ
เพียงแต่เจิ้งอี้ไม่พบเจออะไร เพราะภายหลังส่งพลังวิญญาณเข้าไปสู่มิติภายในแล้ว สรรพสิ่งภายในไม่มีอะไรผิดปกติ มีเพียงแค่เสื้อผ้าธรรมดา ผลไม้วิญญาณที่พิเศษจำนวนหนึ่ง ศิลาวิญญาณ ป้ายสถานะศิษย์และสิ่งของจิปาถะ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงไปถึงหวังอวิ๋นแม้แต่น้อย
หากจะพบของมีค่าก็เป็นสมุนไพรวิญญาณจำนวนหนึ่ง กับขวดหยกบรรจุยา
“เจ้าเป็นศิษย์สายนอก เหตุใดถึงมีสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้อยู่ภายในถุงมิติได้? เกรงว่าลำพังแค่เจ้าคงไม่มีทางจ่ายได้ไหวกระมัง” เจิ้งอี้ครุ่นคิดขณะนำสมุนไพรหลากหลายออกมาลอยล่องกลางอากาศ
สมุนไพรวิญญาณที่คุณภาพต่ำที่สุดในบรรดาพวกมันก็มีอายุหลายร้อยปี ในบรรดาสิ่งของยังมีเถาวัลย์อำพันที่สามารถใช้ปรุงยาขั้นสูงได้อยู่ด้วย!
ราคาของมันไม่ใช่ถูก!
มันไม่ใช่อะไรที่ศิษย์ทั่วไปจะสามารถมีในครอบครองได้
“ของเหล่านี้สมควรเป็นของผู้ดูแลหวัง ไอ้หนูนี่ที่เอาแต่อยู่ในพื้นที่โรงนามาตลอดครึ่งเดือน มีหรือจะครอบครองศิลาวิญญาณมากพอไปซื้อของเหล่านี้มาได้?” เหอเฉียงตะโกนดังออกมาด้วยความตื่นเต้น เพราะคิดว่าตนเองจับหางอีกฝ่ายได้แล้ว
“กล่าวว่าเขามาที่สำนักเจ็ดลึกล้ำได้ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนงั้นหรือ? ตอนเขามามีระดับการฝึกตนเท่าใด?” เจิ้งอี้ชะงัก เพราะเขาตระหนักถึงความผิดปกติในคำพูดได้
“เป็นเรื่องจริงขอรับ ศิษย์พี่จี้เพิ่งมายังพื้นที่โรงนาได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ตอนนั้นเหมือนจะสำเร็จเพียงการกลั่นลมปราณขั้นที่หนึ่งขอรับ” ศิษย์คนอื่นต่างเข้ามาช่วยยืนยันคำพูด
“ช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่กลับทะลวงจากขั้นที่หนึ่งสู่ขั้นที่ห้างั้นหรือ!” กระทั่งเจิ้งอี้ยังอดประหลาดใจต่อพรสวรรค์ของจี้เตี๋ยไม่ได้ เพราะมันดีเยี่ยมเสียยิ่งกว่าเจียงโม่หลี ไฉนมิตรสหายวัยเด็กสองคนนี้ถึงได้น่าสะพรึงนัก?
“หากว่าไม่มีเหตุผลมากพออธิบายและพิสูจน์ที่มาที่ไปของสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ มันจะกลายเป็นข้อพิสูจน์ว่าหวังอวิ๋นถูกเจ้าสังหาร!”
ภายหลังถอนหายใจ เจิ้งอี้เผยสายตาเฉยชามองเด็กหนุ่มตรงหน้า เพราะหากว่าอีกฝ่ายเป็นฆาตกรจริง ต่อให้มีพรสวรรค์อันน่าทึ่งแค่ไหน ก็คงจำเป็นต้องจัดการตามกฎเกณฑ์ของสำนัก
“สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ไม่ใช่ของข้าขอรับ” จี้เตี๋ยไม่มีท่าทีแตกตื่น เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงเนิบนาบเสียด้วยซ้ำ
“จี้เตี๋ย ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้วสินะ ว่าเป็นคนฆ่าผู้ดูแลหวัง!” เหอเฉียงกำลังตื่นเต้นยินดีจนออกนอกหน้า
เพียงแต่จี้เตี๋ยมองตอบกลับมาประหนึ่งพบเห็นคนโง่
“ผู้ใดกล่าวกันว่าพอของเหล่านี้ไม่ใช่ของข้า มันจะต้องเป็นของผู้ดูแลหวัง ของเหล่านี้เป็นของจางเฟิงต่างหาก และหากว่าไม่เชื่อ ผู้อาวุโสเจิ้งสามารถไปสอบถามจากศิษย์พี่โจวได้ขอรับ”
“ศิษย์พี่โจวคนใด… รอเดี๋ยว… เจ้ากำลังบอกว่าของพวกนี้เป็นของจางเฟิงงั้นหรือ!” เจิ้งอี้เผยสายตาตื่นตะลึง เพราะเขานึกถึงข่าวคราวที่มีการเผยแพร่ภายในขึ้นมาได้แล้ว
ราวหนึ่งเดือนก่อน สำนักเจ็ดลึกล้ำได้รับแจ้งข่าวว่า ‘เถาวัลย์วิญญาณปฐพี’ ที่สามารถใช้เพื่อปรุงยาก่อสร้างรากฐานได้ปรากฏขึ้นที่ขุนเขาวายุทมิฬซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ ทางสำนักจึงเร่งรีบระดมศิษย์จากฝั่งเหนือออกไปเก็บมันมา
เพียงแต่ผู้ใดกันคาดคิด ว่าศิษย์ทั้งหมดที่ฝั่งเหนือส่งออกไปจะเสียชีวิตโดยศิษย์นามจางเฟิงที่ร่วมทางไป มันจึงเป็นเหตุให้เถาวัลย์วิญญาณปฐพีถูกช่วงชิงเอาไป
กล่าวกันว่าครั้งนั้นจ้าวสำนักโกรธเกรี้ยว จนถึงขนาดส่งอัจฉริยะทั้งสองจากฝั่งเหนือตามไล่ฆ่าจางเฟิงเพื่อทวงเถาวัลย์วิญญาณปฐพีกลับคืนมา
“ใช่! เป็นจางเฟิงคนนั้นขอรับ ตอนนั้นเขาได้รับบาดเจ็บหนักโดยศิษย์พี่โจวและศิษย์พี่หญิงซ่ง พอหลบหนีได้ไม่นานก็ตาย สุดท้ายข้าไปพบร่างของจางเฟิงจึงเก็บถุงมิติมาด้วย ภายหลังพวกศิษย์พี่โจวตามหาจนพบและทวงสิ่งของกลับคืนจากถุงมิติที่ข้าเก็บมา สุดท้ายจึงนำพาข้ามายังสำนักเจ็ดลึกล้ำด้วยขอรับ” จี้เตี๋ยตอบกลับไปอย่างเถรตรง
พบเห็นจี้เตี๋ยบอกเล่าอย่างฉะฉาน เจิ้งอี้เผยสายตาหวั่นไหวโดยไม่กล่าวคำใดตอบกลับมา
หากว่าถุงมิตินี้เป็นของจางเฟิง การจะมีสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าเหล่านี้ก็สมเหตุสมผล และช่วงจังหวะเวลาก็ถูกต้อง จี้เตี๋ยเข้าร่วมสำนักในช่วงเวลาดังกล่าวพอดี
“เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กและสนิทกับศิษย์พี่หญิงเจียง? ไฉนเลยเจ้ากลับเข้าร่วมสำนักเมื่อเดือนก่อนได้?!” สิงจงพบเห็นช่องโหว่ของเรื่องราว
จี้เตี๋ยยังคงเผยสีหน้าเรียบเฉยไม่แปรเปลี่ยน เขากล่าวตอบออกมาโดยไม่มีความลังเลเลยด้วยซ้ำ “มีอะไรผิดแปลกกัน? ก่อนศิษย์พี่หญิงเจียงเริ่มฝึกฝน ข้าก็อาศัยอยู่ข้างบ้านของนางมาตลอด ภายหลังนางมาฝึกที่สำนักเจ็ดลึกล้ำ เส้นทางของพวกเราก็ต้องแยกกันไม่ใช่หรือ?”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้จึงกลายเป็นว่าไร้ช่องโหว่ สิงจงคิดตามและเลือกที่จะเงียบ
“ผู้อาวุโสเจิ้ง เท่านี้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าได้หรือไม่ขอรับ?” จี้เตี๋ยมองเจิ้งอี้
“ผู้อาวุโสเจิ้ง อย่าได้เชื่อเรื่องราวของมันเพียงฝ่ายเดียวนะขอรับ! มันจะต้องเป็นคนฆ่าผู้ดูแลหวังแน่! เป็นไปได้ว่ามันเอาสิ่งของของผู้ดูแลหวังไปซ่อนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วขอรับ!” เหอเฉียงไม่คาดคิด ว่าภายในถุงมิติของจี้เตี๋ยจะไม่มีสิ่งของของหวังอวิ๋น เวลานี้จึงร้อนใจจนแทบคลุ้มคลั่ง
“ผู้อาวุโสเช่นข้าจะตรวจสอบเรื่องราวนี้อย่างถี่ถ้วนเอง ตอนนี้แยกย้ายกันได้แล้ว!” เจิ้งอี้มองตอบด้วยความไม่พอใจ
เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าจี้เตี๋ยคือฆาตกร นอกจากนี้อีกฝ่ายยังมีสัมพันธ์กับเจียงโม่หลี เขาจึงไม่อาจกล้าเร่งร้อนตัดสินหรือใส่ความ
อย่างไรแล้วพรสวรรค์ส่วนตนของเขาก็มาถึงขีดจำกัด ชั่วชีวิตนี้ไปได้สุดทางก็เพียงแค่การกลั่นลมปราณขั้นที่เจ็ด หากไม่แล้วคงไม่มีทางถูกส่งตัวมาอยู่ฝั่งใต้เพื่อคอยจัดการดูแลเรื่องราวทางโลก และการมีเรื่องกับอัจฉริยะแถวหน้าถึงสองคนนั้นไม่ใช่เรื่องฉลาดแม้แต่น้อย
เหอเฉียงไม่ทราบสิ่งที่ผู้อาวุโสเจิ้งคิด แต่พอพบเห็นท่าทีไม่พอใจของอีกฝ่าย เขาไม่กล้าพูดอะไรอื่น ถ้อยคำที่คิดเอื้อนเอ่ยต้องกลืนลงท้องไปทั้งอย่างนั้น
“ข้าขอคืนถุงมิตินี้และสมุนไพรวิญญาณให้” เจิ้งอี้โบกมือก่อนจะส่งทั้งถุงมิติและสมุนไพรวิญญาณลอยกลับไปหาจี้เตี๋ย
“เพียงแต่เรื่องราวไม่ได้จบลงที่ตรงนี้ หากว่าเจ้าไม่ได้ฆ่าใครจริง ข้าก็ไม่คิดใส่ความคนอย่างมืดบอด แต่หากว่าฆ่า ต่อให้มีสัมพันธ์กับเจียงโม่หลีก็ไม่มีทางปกป้องเจ้าได้”
“ขอรับ” จี้เตี๋ยประสานหมัดตอบรับ ภายหลังคนทั้งสองจากไป เขาจึงหันมองเหอเฉียงด้วยสายตาเรียบเฉย สุดท้ายจึงเดินจากไป
“กลับกันดีกว่า”
“ขอรับ”
เหล่าศิษย์ที่รายล้อมต่างรับรู้ถึงสถานการณ์ชวนอึดอัด ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มแยกย้าย
“พี่อู๋เพิ่งกล่าวว่าศิษย์พี่หญิงเจียงขอให้ข้านำยาไปส่งให้ใช่หรือไม่ เรื่องจริงหรือขอรับ?” จี้เตี๋ยเดินไปทางอู๋ฮั่นที่ยังไม่ได้จากไปไหน สุดท้ายจึงเผยยิ้มพลางถาม
“แค่กแค่ก ต้องขออภัยศิษย์พี่จี้ด้วย เหมือนข้าจดจำผิดไป ไม่คล้ายว่าจะเคยมีเรื่องราวเช่นนั้นมาก่อน” อู๋ฮั่นยิ้มแย้มด้วยความลำบากใจ
“ขอบคุณมากขอรับ” จี้เตี๋ยทราบดีว่าอีกฝ่ายมีเจตนาอะไร เวลานี้จึงตบไหล่อีกฝ่าย “บ่ายวันนี้มาที่ห้องของข้า มีของอยากมอบให้ท่านขอรับ”
กล่าวคำจบจี้เตี๋ยจึงเดินกลับไปยังบ้านของตนเองท่ามกลางความสับสนของอู๋ฮั่น และเมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน เสียงของอู๋ฮั่นจึงดังมาจากภายนอกบ้าน
“เข้ามาได้”
ภายหลังได้รับคำตอบจากจี้เตี๋ย อู๋ฮั่นจึงผลักประตูเปิดและก้าวเดินเข้ามา ขณะกำลังนึกสงสัยว่าจี้เตี๋ยคิดทำอะไร กลับได้พบว่าเด็กหนุ่มนำเอาผลยกวิญญาณสดใหม่สามผลออกมา และยกพวกมันลอยล่องด้วยพลังวิญญาณ
“มอบให้ท่านขอรับ”
“นี่มันผลยกวิญญาณ… ทั้งยังมีถึงสามผล… ศิษย์พี่จี้ไปหาผลยกวิญญาณมากมายขนาดนี้มาจากไหนกันขอรับ…”
อู๋ฮั่นจ้องมองผลไม้สีขาวซึ่งลอยล่องอยู่ตรงหน้าตนเอง เขาไม่เคยได้เห็นผลยกวิญญาณมากมายขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นเวลานี้จึงอึ้งจนพูดแทบไม่ออก
“เป็นของที่ได้รับมาจากถุงมิติของจางเฟิงขอรับ มันน่าจะพอให้ท่านทะลวงสู่การกลั่นลมปราณขั้นที่สาม ปัจจุบันข้าไม่จำเป็นต้องใช้พวกมันแล้วขอรับ” จี้เตี๋ยยิ้มตอบ เพราะนับตั้งแต่เข้าสำนักเจ็ดลึกล้ำ อีกฝ่ายมอบความช่วยเหลือให้เขาไม่ใช่น้อย บุรุษที่ดีเมื่อมีบุญคุณก็จำเป็นต้องทดแทน!
“ศิษย์พี่จี้ นี่มันมีค่ามากเกินไปขอรับ ข้าไม่อาจรับไว้ได้…” อู๋ฮั่นส่ายศีรษะ เพราะมันคือสิ่งตอบแทนที่มากเกินไป
“รับเอาไว้ ท่านเป็นมิตรสหายเพียงผู้เดียวของข้าในสำนักเจ็ดลึกล้ำ อย่างไรเสียตอนนี้ข้าก็ไม่อาจใช้ผลไม้พวกนี้ได้แล้ว หากว่าปฏิเสธ จะถือว่าท่านไม่ยอมรับข้าเป็นมิตรสหายนะขอรับ” จี้เตี๋ยยิ้มให้
“ศิษย์พี่จี้ก็พูดเกินไปขอรับ” อู๋ฮั่นที่พอได้ยินจึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเก็บผลยกวิญญาณที่ลอยล่องตรงหน้าตนเองไป
เนื่องจากเขาคือผู้มีพรสวรรค์อันต่ำเตี้ย ผ่านมาเจ็ดปีแล้วก็ยังติดอยู่ที่การกลั่นลมปราณขั้นที่สอง และผลยกวิญญาณเหล่านี้สมควรมากพอให้เขาทะลวงสู่การกลั่นลมปราณขั้นที่สามจริง
สำหรับเขา มันถือเป็นน้ำใจจากมิตรสหายอันยิ่งใหญ่